อาชญากรรม

ชูวิทย์ ยืนยัน ไม่ขอคุย นายพล จ. แฉเพิ่ม เคยรับส่วยเว็บพนันเพียบ กำหนดส่งรายเดือน

โดย paranee_s

12 ก.พ. 2566

252 views

จากกรณีที่มีรายงานว่า นายพล จ. ออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกแล้ว โดยได้ต่อสายโทรศัพท์ถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เคยออกมาแฉว่า นายพล จ. ดังกล่าว เรียกรับผลประโยชน์กับเว็บพนันออนไลน์หลายเจ้านั้น


ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามเท็จจริงกับนายชูวิทย์ในกรณีดังกล่าว โดยนายชูวิทย์ยอมรับว่า มีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณราชการไปแล้วโทรศัพท์มาหา แต่ตนเองไม่ได้รับสายโทรศัพท์ดังกล่าวเอง โดยให้คนใกล้ชิดรับสายแทน แต่ไม่ได้มีการพูดคุยรายละเอียดมากมาย แต่ก็เชื่อว่าอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดังกล่าวมีความประสงค์ที่จะเป็นตัวกลางในการให้นายพล จ. ได้ชี้แจงพูดคุยกับตนเอง โดยยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะไม่พูดคุยกับนายพล จ. เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องพูดอะไรกัน


นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังเปิดเผยว่า นายพล จ. ได้เคย เรียกรับผลประโยชน์กับเว็บพนันออนไลน์มากมายหลายเจ้า มีการกำหนดให้ส่งส่วยรายเดือน ขึ้นอยู่กับศักยภาพขนาดของเว็บ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งเรียกว่ากินบนอากาศ เท่านั้นยังไม่พอยังมีการ รับผลประโยชน์กับมันเถื่อน ที่เรียกว่ากินในทะเลด้วย โดยจะมีการโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมทางเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในวันนี้ต่อไปฃ


ก่อนที่ต่อมา เมื่อเวลา 12.33 น. นายชูวิทย์ จะโพสต์ ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ตำรวจสีเทา มั่วซั่ว โดดเด่น" หลังกระชากหน้ากากคนอย่าง “สารวัตรซัว” ให้คนเห็น มีอาชีพเป็นตำรวจ แต่มีธุรกิจต่างประเทศลงทุนที่เขมร ทั้งกาสิโน บ่อนออนไลน์ และตั้งศูนย์เซิร์ฟเวอร์ ในประเทศมีธุรกิจเป็นสิบบริษัท ตลาดสดร่วมทุนกับลูกคนดังสีเทาย่านฝั่งธน ส่วนออฟฟิศใหญ่โตอยู่แถวรามอินทรา ความร่ำรวยขยายงานไม่หยุดยั้งของสารวัตรซัว ล้วนเอาเวลาราชการตำรวจมาทำ หากอ้างว่าทำนอกเวลา ต้องไม่มีเวลาเหลือให้นอน เพราะเกินมนุษย์ปกติที่หากินสุจริตจะทำได้ แถมยังมีเวลาบินไปปอยเปต ไปสิงคโปร์ ไปลอนดอนเป็นว่าเล่น นี่ก็เวลาราชการทั้งนั้น



นายซัวคงเติบใหญ่ทั้งธุรกิจเทาๆ และอาชีพตำรวจไปพร้อมกัน จนวันหนึ่งได้เป็นนายพลตำรวจที่ไม่ได้ทำงาน ไม่เคยเหยียบไปที่สำนักงานเสียด้วยซ้ำ แล้วคนที่เป็นตำรวจอาชีพจริงๆ คนไหนจะไปสู้ได้? นอกจากการเอาเปรียบใช้ยศตำรวจบังหน้า ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชนแล้ว ยังเอาเวลาราชการเบียดบังไปขยายธุรกิจสีเทา ถึงขนาดไปซื้อ “อาบอบนวดย่านรัชดา" ของผู้ต้องหาหนีคดีค้ามนุษย์ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยใช้ลูกน้องเด็กบ้านนอก ลูกชาวนาสุพรรณไปถือหุ้นแทน หากไล่สอบย่อมรู้ว่าเป็น “นอมินี” แม้จะรีบเปลี่ยนชื่อหลังเรื่องดัง



นายซัวใช้นอมินีบังชื่อตัวเองหมดในธุรกิจเทาๆ และพยายามให้ทุกคน “WFH” (work from home) ในช่วงนี้ เพื่อเลี่ยงการถูกบุกตรวจค้น คำถามตกผลึกมาว่า “สังคมไทยต่อสู้ระวังกับคนร้ายทั่วไปไม่พอ ยังต้องมาคอยระแวงกับคนที่ใช้เครื่องแบบหากินอีกหรือ?” แม้ไม่ได้ใช้อาวุธปล้น แต่ใช้สมองปล้นเงินในกระเป๋าเยาวชนไทยแทนด้วยการพนันออนไลน์



ตำรวจ 200,000 กว่านาย ที่เป็นตำรวจอาชีพจะรู้สึกอย่างไร กับการทำงานที่หลังขดหลังแข็ง ต้องเสี่ยงกับโจรขโมยปกป้องทรัพย์สินของประชาชน ยิ่ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสี่ยงกับระเบิดของโจรใต้เข้าไปอีก นี่เป็นระบบ “ความไม่เท่าเทียม เหลื่อมล้ำ” ในสังคมข้าราชการทุกวันนี้ ตำรวจบางคนทนไม่ไหว ฝืนใจไม่อยู่ ตัดสินใจก้าวล้ำข้ามเส้นแบ่งไปอยู่ฝั่งสีเทาเสียดีกว่า หรือไม่ก็ยิงตัวตายหนีปัญหาหนี้สิน



แต่หากเทามานานแบบนายตำรวจชั้นนายพล อย่าง “นายพล จ” ที่ทำท่าตรวจโรงพัก สร้างภาพเข้มงวด ตรวจความสะอาด แต่เรื่องสกปรกแล้วได้เงินกลับเงียบ จัดระเบียบใหม่พนันออนไลน์ จ่ายเงินใต้โต๊ะ หลังจับทางถูกตั้งนโยบายแบ่งประเภทจ่าย รายเล็ก 50,000 รายกลาง 100,000 รายใหญ่ 200,000 ต่อเดือน จนพนันออนไลน์เฟื่องฟู ตัวเลขจับกุมน้อย ยึดอายัดได้จิ๊บจ้อย ส่วนหลายครั้งสร้างเรื่องเองว่า “ช่วงนี้ทางผู้ใหญ่เขาเข้มงวด” ให้ลูกน้องร่างคำสั่งแต่ไม่มีลายเซ็นไว้ขู่ว่าต้องตรวจเว็บ หากอย่างนี้หมายถึงเคลียร์หนักแน่นอน เหมือนน้ำประปาไหลแรง เอาถังใบใหญ่ๆ วางรอไว้ได้เลย



ที่ฮือฮาสุดทั้งวงการ เพราะนอกจากนายพล “จ” กินบนอากาศ (พนันออนไลน์) แล้ว ยังตามไปกินในทะเล (น้ำมันเถื่อน) อีกดอก ได้เบิ้ลสองภาค ไม่มีเล็ดลอด ก็เขี้ยวขนาดไปตรวจห้องน้ำในโรงพักโชว์ ในติ๊กต็อกหาดูได้ ตำรวจเขาขำกลิ้ง เก่งเหลือหลายหาจุดขายไปอวดจนได้ แต่ทีเรื่องงานเป็นเรื่องเป็นราวไม่ทำ เดินสายตีกินเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว



ส่วนตำรวจรุ่นใหม่ เด็กๆ เลือกทำอาชีพ “พนันออนไลน์” ได้ขับรถซูเปอร์คาร์ มีเงิน มียศ อย่าง “มาเก๊า 888” เป็นตำรวจ ตม. แค่คนเดียว แต่ถึงขนาดผู้บัญชาการ ตม. ยังออกโรงมาปกป้อง ให้สัมภาษณ์ยียวนว่า “ทำงานโดดเด่น” สวนถามนักข่าวสาวว่า “มีสามีหรือยัง?” จะได้เข้าใจ หากได้สามีรวย มียศจะสบาย ส่วนจะไปเกี่ยวพันกับเรื่องเทาๆ อย่าไปสน แม้จะมาขอโทษขอโพยทีหลัง แต่ย่อมเห็น “วิสัยทัศน์” ครั้งแรกแล้ว รู้ซึ้งถึงเซลล์สมอง



แต่ทีกับลูกน้องที่ไม่โดดเด่นเป็นโขยงกว่า 100 คน ที่โดน “บิ๊กโจ๊ก” ฟันเรื่องวีซ่าของจีนเทา ไม่เคยสัมภาษณ์ปกป้องช่วยว่าที่ทำไปเพราะผู้ใหญ่สั่ง เงินก็ได้ตามน้ำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่โดดเด่นของ ตม. มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


.
เป็นเรื่องน่าเศร้าของตำรวจ ที่ผู้ใหญ่มักนิยมชมชอบ ชื่นชม “ตำรวจรวยสีเทา” ไม่ทำงานให้ประชาชน ขโมยเวลาราชการ กลับไปทำร้ายสังคม สร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง ปลูกฝังค่านิยมผิดๆ เพราะสามารถดูแลผู้ใหญ่ได้ แต่กับอีกคนทำงานแทบตาย ใช้เหมือนหมูเหมือนหมา กลับถูกทิ้งกลางทาง



หากไม่อย่างนั้น คนอย่างสารวัตรซัวคงไม่ได้เติบโตมีเงินเป็นหมื่นล้านได้หรอกครับ ไม่ต้องรอให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมมากระทุ้ง จนความโดดเด่นเหม็นเน่าคลุ้งขึ้นมา

คุณอาจสนใจ