อาชญากรรม

'สกาย' แฉยับ! ตำรวจรีดเงิน ชี้รูป จำหน้าได้แม่น - ตร.เผยต้องพิจารณา จะเอาผิดจ่ายสินบนหรือไม่

โดย passamon_a

2 ก.พ. 2566

315 views

'สกาย' พยานคดีดาราสาวไต้หวัน แฉยับ เจอด่าน ตร.ค้นตัว เจอบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามใช้มือถือ ขู่ผิด กม.ไทย พอถามกลับว่าผิดเหรอเพิ่งซื้อมาจากตลาดห้วยขวาง ตร.โมโห ขู่จะเอาติดคุก สุดท้ายเรียกเงิน 2.7 หมื่น ให้ 'อันหยูชิง' ถือบุหรี่ไฟฟ้าถ่ายรูปแล้วปล่อย ชี้มีตำรวจ 3 คนรีดไถ จำหน้าได้แม่น 'ชูวิทย์' เปิดแฟ้มรูปตำรวจ สน.ห้วยขวาง ให้พยานชี้ตัว


ตร.สอบปากคำพยานชาวสิงคโปร์ ปมรีดไถเงินดาราสาวไต้หวัน โฆษก ตร. เผย ให้การเป็นประโยชน์-ชี้ตัวบุคคลที่อยู่ในด่าน เปิดเผยไม่ได้มีตำรวจกี่นาย คาดภายใน 2 วัน หากได้หลักฐานครบแจ้งข้อหาตำรวจรีดทรัพย์ได้ทันที จะดำเนินคดี 'สกาย' ข้อหาจ่ายสินบนหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการสอบสวนพิจารณา



เมื่อวันที่ 1 ก.พ.66 เวลา 14.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงเปิดตัว มิสเตอร์สกาย พยานชายชาวสิงคโปร์ เป็นเพื่อนของดาราสาวชาวไต้หวัน ที่ออกมาเปิดเผยว่าถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท โดยชายคนนี้เป็นคนจ่ายเงินให้ตำรวจชุดตั้งด่าน ถูกขู่เข็ญไม่ใช่การให้สินบน หลังพยานคนดังกล่าวเดินทางมาพบนายชูวิทย์ ยืนยันว่าสามารถจำตำรวจทุกคนได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะที่นายชูวิทย์ เดินเข้ามาภายในโรงแรมเดวิส ได้ถือปี๊บด้วยมือซ้าย และเดินเคาะเสียงดังเป็นจังหวะ ตะโกนว่า "ฝากเอาปี๊บให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไว้คลุมหัว เนื่องจากตั้งบ่อนไม่ได้ เลยมาตั้งด่านแทนแถมตั้งด่านทำลายภาพพจน์ประเทศไทยอีก เอาเงินนักท่องเที่ยว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนนี้หลายเรื่องแล้วนะเดี๋ยวจะแฉให้ดู"


ก่อนที่จะเปิดตัวมิสเตอร์สกาย พยานชาวสิงคโปร์ นั้น นายชูวิทย์ได้เปิดคลิปที่ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อยืนยันตำรวจไม่ได้รีดเงินดาราไต้หวัน ซึ่งนายชูวิทย์ ลั่น "แถลงปกป้องเกียรติตำรวจนครบาลคุณมีเกียรติที่ไหน คุณตั้งด่านรีดไถ คนดีเขาเข้าไปเจอด่านเขากลัว คุณเห็นเป็นต่างชาติก็เอาเลยทันที บุหรี่ไฟฟ้าขายทั่วบ้านทั่วเมืองทำไมไม่ไปจับ ชาวต่างชาติเขาจะรู้ไหม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ขายได้ยังไง"


นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า "สังคมทุกวันนี้เสื่อมแล้วคอรัปชั่นกันหมด ต่างชาติเขากลัวกันหมดมาประเทศไทย กลัวตำรวจ ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้าไปซื้อมาจากที่วางขายตามตลาดทั่วไป คุณปฏิเสธดิสเครดิตเขา นี่คือสิ่งที่ตำรวจ บช.น.เป็นคนทำ แล้วยังบอกว่าเขาสร้างเรื่อง คุณปกป้องกันเอง ผมจำเป็นต้องออกมาพูดเพราะไม่มีใครยอมรับความจริง"


นายชูวิทย์ กล่าวว่า การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่มีการทำเป็นขบวนการ จัดสรรแบ่งส่วนให้กับผู้ที่ปฏิบัติงานการตั้งด่านนี้ ทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว ยิ่งเฉพาะในช่วงนี้ที่เพิ่งมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด- 19


จากนี้แทนที่นักท่องเที่ยวจะกลัวโจรผู้ร้าย กลับต้องมากลัวตำรวจที่ควรจะดูแลความปลอดภัยของพวกเขา ทั้งนี้นายชูวิทย์ เปิดภาพที่ตำรวจนำบุหรี่ไฟฟ้าใส่มือของ อันหยูชิง พร้อมกล่าวว่าเป็นความจริงที่อันหยูชิงใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่วันที่เกิดเรื่องเธอไม่ได้นำบุหรี่ไฟฟ้ามา


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ถ้าถึงวันนี้ตำรวจต้องการจะคืนเงิน 27,000 บาท ให้กลุ่มผู้เสียหาย ตนก็เชื่อว่าเขาจะไม่รับแล้ว เพราะทั้งหมดไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งที่ผ่านมายังถูกเจ้าหน้าที่ใส่ร้ายมาตลอด เปรียบตำรวจไม่ดีเป็นนิ้วร้ายที่ต้องตัดทิ้ง เชื่อว่าวันนี้ไม่มีนิ้วเหลือให้ตัดแล้ว


จากนั้นได้เปิดคลิปที่ ผบช.น. เคยแถลงว่าต้องการพยาน ก่อนที่นายชูวิทย์ จะให้มิสเตอร์สกาย ออกมานั่งเปิดใจกับสื่อมวลชน โดยมิสเตอร์สกาย บอกว่าถ้าไม่ไว้ใจนายชูวิทย์ ก็ไม่มา พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า วันที่เกิดเรื่องตนกับกลุ่มเพื่อน รวมทั้งอันหยูชิง ไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม หลังจากนั้นระหว่างเดินทางกลับโรงแรมที่พักซึ่งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก เจอตำรวจตั้งด่านใช้ไฟฉายส่องเข้ามาในรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่


จากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำด่าน บอกให้รถจอดเข้าข้างทางให้ทุกคนในรถลงมา จากนั้นเข้ามมาจับตามตัว ค้นกระเป๋า ให้นำเอกสาร หนังสือเดินทางออกมาแสดง รวมทั้งให้ถอดรองเท้า ซึ่งในวันดังกล่าวตนไม่ได้นำพาสปอร์ตออกมาจากที่พัก


มิสเตอร์สกาย กล่าวต่อว่า จากการตรวจตามตัวเจ้าหน้าที่พบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน เจ้าหน้าที่ถามต่อว่ามาจากประเทศไหน ตอนนั้นทางกลุ่มเองเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมตำรวจทำเป็นเรื่องใหญ่ สั่งห้ามโทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร หรือถ่ายรูป ในเหตุการณ์ฝั่งตนมีเพียงตนเองที่พูดไทยได้ นอกนั้นในกลุ่มพูดไม่ได้


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พูดขึ้นว่า "อย่ากวนตีน" ระหว่างที่ตนเองถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องตรวจมากมาย เพราะตนและเพื่อนไม่ได้ทำผิดกฎหมายแน่นอน พร้อมอธิบายว่าตามปกติแล้วการเดินทางเข้าประเทศไทยของคนสิงค์โปร์ ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า ยกเว้นกรณีที่อยู่อาศัยเกินกว่า 10 กว่าวันขึ้นไป ส่วนตัวที่เดินทางมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่และอยู่ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 5 เป็นวันที่กำหนดเดินทางกลับ


ส่วนเล่มหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ที่เจ้าหน้าที่พยายามเรียกดู ตนได้ตอบไปว่าเอกสารต่าง ๆ อยู่ที่ที่พัก ถ้าจะตรวจขอเวลากลับไปนำมาแสดง ซึ่งตนมีเพียงรูปถ่ายพาสปอร์ต แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ฟังและพยายามแย้งว่าต้องแสดงเอกสารทันที และต้องเป็นตัวจริง ห้ามไปไหน และพยายามแจ้งว่าการที่พกพาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด


มิสเตอร์สกาย จึงได้ตอบเจ้าหน้าที่ไปว่าตนและเพื่อนไม่ทราบว่าผิดกฎหมาย พร้อมถามกลับว่าถ้าผิดกฎหมายจริงทำไมถึงมีขายได้ทั่วไป เพราะบุหรี่ไฟฟ้าที่ตำรวจยึดตนก็ซื้อมาจากตลาดที่ห้วยขวางเทอเรส และเห็นคนไทยใช้ตามปกติอยู่ ไม่มีใครบอกว่าผิด


เมื่ออธิบายเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเสร็จ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มมีท่าทีโมโห และบอกว่าถ้าอย่างนั้นทั้งหมดต้องไปสถานีตำรวจ และจะต้องติดคุกอย่างน้อยอีก 2 วัน แม้ตนจะแย้งไปว่าถึงกำหนดเดินทางกลับแล้ว เมื่อเจรจาได้ระยะหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่พาไปหาเจ้าหน้าที่อีกรายที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจ และแจกแจงให้กับตนเองฟังว่า บุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน อันละ 8,000 บาท ส่วนที่ไม่พบพาสปอร์ตอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท


มิสเตอร์สกาย เล่าต่อว่า ตำรวจที่เข้ามาพูดคุยเรื่องเงินมี 3 นาย โดยนายแรก เป็นชายไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจสวมแจ็คเกต มีหนวดเครา คนนี้ทำหน้าที่ในการเรียกและรับเงินจากนายสกาย และเก็บเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ส่วนตำรวจนายที่ 2 รูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะล้าน ทำหน้าที่บังกล้อง ตำรวจนายที่ 3 เป็นคนรูปร่างผอม ใส่ผ้าคลุมหน้า โดยจะเข้ามาร่วมรับฟังการพูดคุยด้วย


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่หนึ่งราย ยื่นบุหรี่ไฟฟ้ามาให้อันหยูชิงถือ พร้อมถ่ายภาพ ตอนนั้นทั้งกลุ่มเครียดมาก เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และทั้งหมดอยากออกจากจุดนั้นเร็ว รวมถึงอยากออกจากประเทศไทย ไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก


มิสเตอน์สกาย กล่าวว่า วันที่เกิดเรื่องตนมีเงินติดตัว 30,000 บาท ตอนที่ให้เงินทางตำรวจพาเดินไปที่มุมหนึ่งของด่านตรวจ จากนั้นให้ตนเองนับเงินให้เรียบร้อย และให้ในกลุ่มของตนมายืนบังมุมกล้อง เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยเจ้าหน้าที่เรียกแท็กซี่ให้และให้บอกแท็กซี่ว่าจะไปไหนต่อ


หลังผ่านเหตุการณ์นั้นมา ในกลุ่มไม่ค่อยอยากพูดคุยกันเพราะทุกคนยังเครียด แต่ยืนยันว่าไม่ได้เมาเหมือนที่มีคนออกมาพูด และพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ต้องมีเหตุผล ถ้าอยากจับก็จะต้องมีเหตุผล ถ้าสงสัยอะไรก็ต้องพูดคุย แต่สิ่งที่เกิดตำรวจไม่มีเหตุผลอะไรและบอกว่าต้องไปสถานีตำรวจอย่างเดียว ทำไมต้องทำแบบนี้


สำหรับเงินที่จ่ายไปสกายยืนยันว่าตำรวจกลุ่มนั้นแสดงท่าที และพูดจาในลักษณะบีบบังคับให้จ่ายเงินตนเองไม่ได้เสนอให้ ทั้งนี้เงิน 30,000 บาท ที่จ่ายไปตั้งใจว่าจะซื้อของฝากให้ครอบครัวแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ เพราะตำรวจเหลือเงินให้ติดตัว 3,000 บาท


มิสเตอร์สกาย กล่าวว่า หลังจากกลับมาในกลุ่ม มีการพูดคุยกันและคิดว่าถ้าตอนนั้นมีทางเลือกก็คงไม่ให้เงิน แต่ให้ไปเพราะตำรวจจะพาไปที่สถานีตำรวจอย่างเดียว


มิสเตอร์สกาย กล่าวว่า ตนมาประเทศไทยหลายครั้ง ชอบดูละครไทย มีเพื่อนเป็นคนไทย พยายามที่จะเรียนภาษาไทย วันนั้นไม่คิดว่าจะต้องจ่ายจริง ๆ เพราะนึกว่าพูดภาษาไทยได้ อาจจะพอเข้าใจผม และตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่า คำว่า "ไถ" แปลว่าอะไร ถ้าที่สิงคโปร์เจอแบบนี้คือ ฉิบหายแล้ว


ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ ได้จัดทำแฟ้มรายชื่อพร้อมรูปภาพของตำรวจ สน.ห้วยขวาง มาจำนวนหนึ่ง และเปิดให้มิสเตอร์สกายดู 2 รูปภาพ แล้วถามว่า จดจำใครได้บ้าง ซึ่งมิสเตอร์สกาย ดูรูปภาพตำรวจแล้ว ได้พยักหน้าพร้อมกับดูภาพตำรวจทั้ง 2 นาย


ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์พยาน นายชูวิทย์ได้พูดขอโทษกับชายชาวสิงคโปร์ผู้เสียหาย และดาราสาวไต้หวัน แทนคนไทยทุกคน ทางด้านชายชาวสิงคโปร์บอกว่า ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่ตอนแรกคือถ้าไม่มีคุณชูวิทย์ ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้มีชูวิทย์แล้ว


โดยในช่วงท้ายนายชูวิทย์ ได้ประกาศชัดว่า "ผมจะจองล้างจองผลาญเรื่องคอร์รัปชันต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวตนทำเรื่องนี้ ทุกวันนี้ก็เบื่อเหมือนกัน กับประเทศนี้"


ต่อมา เวลา 15.20 น. พลตำรวจตรีอาชยน ไกลทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมพนักงานสอบสวนที่อยู่ในคณะทำงาน ได้เดินทางมายังโรงแรมเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 เพื่อสอบปากคำพยานรายนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนของดาราสาวชาวไต้หวัน ที่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นคนจ่ายเงินให้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ชุดที่ตั้งด่าน


ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ได้ให้มิสเตอร์สกาย พยานชาวสิงคโปร์ ขึ้นไปด้านบนชั้น 2 ของโรงแรม ระบุจะไม่ให้พยานให้สัมภาษณ์กับสื่อใดอีก แต่จะให้นายสกาย ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชี้ภาพตำรวจคนที่รีดไถเงิน จะไม่มีการพาตัวพยานไปพบตำรวจ ระหว่างนี้ทีมข่าวพยายามสอบถามมิสเติอร์สกาย ว่าสบายใจขึ้นหรือไม่ หลังจากได้ออกมาพูดเรื่องราวทั้งหมด เจ้าตัวได้แต่พยักหน้า ก่อนจะเข้าลิฟท์ไป


ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาถึงโรงแรมเดวิส นักข่าวพยายามสอบถามประเด็นต่าง ๆ แต่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ขอขึ้นไปพบกับมิสเตอร์สกาย พยานสำคัญก่อน ซึ่งวันนี้ (1 ก.พ.) ได้ให้คณะกรรมการและทีมพนักงานสอบสวน 4-5 นาย เข้ามาร่วมสอบปากคำพยานอย่างละเอียดและครอบคลุมทุกประเด็น พร้อมทั้งนำรูปภาพของตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทั้งหมดมาให้พยานได้ชี้ตัวด้วยว่าใครเป็นคนเรียกรับเงิน คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง แต่ต้องขึ้นไปดูรายละเอียดก่อน


จากนั้นเวลา 18.20 น. หลังสอบปากคำเสร็จ พลตำรวจตรีอาชยน ไกลทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า มิสเตอร์สกายได้ให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งข้อมูลที่ได้รับวันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและบันทึกถ้อยคำทั้งหมดแล้ว


นอกจากนี้ มีการชี้ตัวบุคคลที่อยู่ในด่าน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีตำรวจกี่นาย หรือเป็นตำรวจชุดที่มีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 หรือไม่ ต้องรอคณะพนักงานสอบสวน คงไม่ได้ปักใจเชื่อในสิ่งที่ปรากฏมาทุกอย่าง เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานมาตลอด จนถึงวันนี้ใกล้จะจบ หากใครมีความผิดก็จะแจ้งทุกข้อกล่าวหา ทั้งทางวินัย อาญา ปกครอง


ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบกับพยานหลักฐานที่ตำรววจมี จึงจะสามารถแจ้งข้อหาเรียกรับผลประโยชน์กับตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 1-2 วันนี้ คดีน่าจะชัดเจนได้ ส่วนกรณีที่กล่าวถึงชายไม่สวมเครื่องแบบตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตรวจค้นกลุ่มนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระหว่างพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร ถ้าเป็นตำรวจอยู่ในสังกัดใด ในประเด็นนี้ก็มีการสอบปากคำพยานไว้


ประเด็นเรื่องกล้องติดตัวตำรวจ อยู่ที่การสอบปากคำของคณะพนักงานสอบสวน ถ้าติดกล้องมีการบันทึกอย่างไร หรือมีการลบอย่างไร ซึ่งจะทำการสอบให้ครบทุกประเด็น ขอยืนยันให้ประชาชนมั่นใจว่าเราทำทุกมิติ สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด วันนี้มีความคืบหน้าในการสอบปากคำ ได้พยานปากนี้มาสำนวนก็จะดำเนินการอย่างครบถ้วน เหลือเพียงรายละเอียดบางอย่างที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์


พลตำรวจตรีอาชยน กล่าวต่อว่า การพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับมิสเตอร์สกาย ในข้อหาจ่ายสินบนหรือไม่ ต้องให้ทางคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา จากคำให้การของมิสเตอร์สกาย การถูกเรียกรับดังกล่าวเป็นการให้โดยสมัครใจ หรือขู่บังคับ พนักงานสอบสวนต้องพิจารณาคำให้การดังกล่าวให้ชัดเจน เพราะจะมีผลต่อสถานะของมิสเตอร์สกาย ว่าจะเป็นพยานหรือฐานะอื่น โดยจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ขอสงวนรายละเอียดไว้เพราะจะกระทบต่อสำนวนคดี


ทั้งนี้ มิสเตอร์สกาย ถือว่าเป็นพยานคนสำคัญในคดีเพราะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่สื่อสารกับตำรวจโดยตรงและเป็นเจ้าของเงิน 27,000 บาท ที่ตำรวจเรียกไป นอกจากนี้มิสเตอร์สกาย ยังเป็นคนเดียวในกลุ่มที่สื่อสารฟังและพูดภาษาไทยได้ดี  


ระหว่างที่โฆษกตำรวจ ให้สัมภาษณ์สื่อ นายชูวิทย์ได้มานั่งฟังด้วยและพูดกลางวงนักข่าวว่า "นักท่องเที่ยวเหมือนแขก น่าจะอะลุ่มอล่วยเตือนเขาได้ เพราะบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีทางจะปราบหมด มีขายโดยทั่วไป ไม่มีอะไรขนาดต้องไปจับเพราะไม่ได้เป็นข้อหาร้ายแรง มันเป็นพื้นที่เทา ๆ อยู่ เขาซื้ออย่างเสรีไม่ได้แอบซื้อ ไปซื้อที่ตลาดวางขายอย่างเสรี ผมอยากให้โฆษกฝากเรียน ผบ.ตร. ถ้าจับอย่างนี้นักท่องเที่ยวหายหมด ด่านสมัยก่อนไม่เยอะ แต่ปัจจุบันไม่รู้เป็นอะไรด่านเยอะมาก การตั้งด่านควรมีเหตุผลที่จะไปค้นเขา ทำอย่างกับเขาเป็นคนร้าย"



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/R_uhq5rkdVk

คุณอาจสนใจ

Related News