อาชญากรรม

เด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ผบช.น.ลั่น ตร.ไม่ดีไม่เก็บไว้แน่! ด้าน ตร.ชุดจับกุม ปฏิเสธรีดไถสาวไต้หวัน

โดย petchpawee_k

31 ม.ค. 2566

17 views

ผบ.ตร.สั่งให้ น.1 เด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังพบมีมูลตำรวจที่ตั้งด่านอาจเกี่ยวข้องเรียกรับเงินนักท่องเที่ยวไต้หวัน ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง-ดำเนินคดีอาญา ย้ำ ตร.ทุกพื้นที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเกิดเหตุอีกเอาโทษ ผกก.-ผบก.ด้วย  ผู้การสืบสวน บช.น. เตรียมบินไปไต้หวัน

ด้านตำรวจชุดจับกุมสาวไต้หวัน ปฎิเสธ ไม่ได้รีดเงิน 27,000 บาท รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกสอบยกชุด ยอมรับไม่เคยรู้เรื่องรับเงินจนถูกแฉ 


ความคืบหน้ากรณีเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน โพสต์ถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง รีดเงินจำนวน 27,000 บาท ขณะมาเที่ยวประเทศไทยเมื่อช่วงปีใหม่

ซึ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวของวงการตำรวจตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปล่อยภาพและคลิปลำดับเหตุการณ์ ไทม์ไลน์ของสาวรายนี้ และภาพของเน็ตไอดอลสาว มีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครอง และอ้างว่า ขณะเกิดเหตุเน็ตไอดอลสาวเมา แต่ยังไม่มีภาพวงจรปิด ขณะเกิดเหตุ รวมทั้งกล้องที่ติดหมวกของตำรวจก็ถูกลบไป จนกระทั่ง คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยว่า ตำรวจรีดเงินจากสาวไต้หวันจริงโดยมีพยานและหลักฐาน


ซึ่งช่วงเช้าวานนี้ (30 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ดำรงตำแหน่งระดับ สว. และรองผกก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. ซึ่งภายหลังจากประชุมผู้บังคับบัญชาได้มีการหารือในกรณีสาวไต้หวันถูกรีดเงิน 27,000 บาท พื้นที่สน.ห้วยขวาง โดยมีรายงานในการพูดคุยยืนยันว่า ทางตำรวจที่ตั้งด่านสกัดในวันนั้นมีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินสด จำนวน 27,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี โดยกล่าวหานักท่องเที่ยวว่ามีความผิด ซึ่งการจ่ายเงินครั้งนี้จะมีเพื่อนชายชาวสิงคโปร์เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ


ทั้งนี้ จากการสอบสวนปากคำอย่างละเอียดของตำรวจแต่ละนายทำให้มีผู้ยอมรับสารภาพว่าในวันดังกล่าวมีการเรียกเก็บเงินจริง และมีการแบ่งเงินกันที่บริเวณด่านในคืนเกิดเหตุ จากนั้นเมื่อปรากฎเป็นข่าวทางกลุ่มชุดตำรวจในวันนั้นพยายามปกปิดข้อมูล และไม่ยอมรับในช่วงแรก เนื่องจากเห็นว่าผู้เสียหายเป็นคนต่างชาติ และไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี


ต่อมาช่วงบ่ายวานนี้ พลตำรวจตรีนิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิบัติหน้าที่งานด้านเจรตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ชุดสอบสวนข้อเท็จจริง เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบปากคำตำรวจชุดปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ  


โดยการสอบปากคำใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า วันนี้เรียกสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในห้องประชุมจำนวน 5 นายจากทั้งหมด 14 นาย


เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ทั้งหมดให้การ “ปฎิเสธเรื่องรับเงิน” พร้อมทั้งยังปฏิเสธเรื่องผู้หญิงที่เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ โดยบอกว่าข้อมูลนี้มาจากนายชูวิทย์ ตำรวจไม่เคยได้รับข้อมูลนี้มาก่อน ส่วนเรื่องกล้องที่ติดหมวกตำรวจถูกลบไปนั้นได้ประสานตำรวจ ปอท. ช่วยกู้ไฟล์คืนแล้วและอยู่ระหว่างรอการดำเนินการ


สำหรับรายชื่อของตำรวจที่ปฎิบัติงานในวันนั้น พบว่าเป็นชุด 223 มีตำรวจปฏิบัติ 15 คน ออกปฏิบัติหน้าที่ 14 คน ประจำห้องวิทยุ 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 00.01 - 08.00 น.

----------------------

พลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการด่วนให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 หลังจากมีข้อมูลว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด กรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน อ้างถูกตำรวจเรียกรับเงิน พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญา ในส่วนของตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกรายอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเน้นย้ำให้ตำรวจนครบาล และตำรวจทุกพื้นที่กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมาย  


รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชา เพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ และหากเป็นความผิดซ้ำซากจะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง


ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ธรรมสุธี ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล เตรียมเดินทางไปไต้หวันเพื่อร่วมสอบปากคำดาราสาวและพวก เพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างรอลงนามคำสั่งอย่างเป็นทางการจาก ผบ.ตร. อนุญาตให้ไปราชการต่างประเทศ

------------------------------------

ผบช.น.แถลง! ไฟล์กล้องติดหมวก ตร.ที่ด่านถูกลบจริง กำลังรอภาพกล้องวงจรปิดจาก กทม.บริเวณด่านตรวจสอบเพิ่มด้วย ยันไม่มีการสั่งให้ลบภาพกล้องวงจรปิด คลิปที่ ‘ชูวิทย์’ อ้างมีการส่งเงินให้ตำรวจยังไม่มี ลั่น ตร.ไม่ดีไม่เก็บไว้แน่ ทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์องค์กรไม่สามารถเลี้ยงไว้ได้ สั่งดำเนินคดีตำรวจ สน.ห้วยขวาง กลุ่มตั้งด่านข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

วานนี้ (30 ม.ค.) พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวกรณีกระแสข่าวข้าราชการตำรวจ สน.ห้วยขวาง เรียกรีดเงินดาราสาวชาวไต้หวัน ว่าจากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร


 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฎิบัติหน้าที่ซึ่งพบเห็นวัตถุผิดกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับนักท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล “ได้สั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแล้ว จำนวนหลายนาย”


 ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องดำเนินการติดตามพยานหลักฐาน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการรวบรวมให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอน ตามที่มีกระแสข่าวนั้น หากพบว่ามีความผิดชัดเจนก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมไม่ได้ละเว้น


 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาในขณะนี้ ทำให้ได้ความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเรียกตรวจค้น ซึ่งคณะสอบสวนได้ตั้งประเด็นสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดจึงการเรียกให้หยุดตรวจค้น และทำไมถึงใช้เวลาตรวจค้นนาน ผลการสอบสวนจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด


 พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ยืนยันตำรวจไม่มีการสั่งการให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกของตำรวจ ขณะนี้รวบรวมส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบ เนื่องจากไฟล์ถูกลบจริง แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันไม่มีใครสั่งการให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บมาได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบแล้ว ว่ามีการตัดต่อภาพหรือดัดแปลงหรือไม่ ก่อนที่จะส่งมาเป็นสำนวนพยานหลักฐาน


 สำหรับกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานทูต ไม่สามารถจะเข้าไปดำเนินการอะไรได้อยู่แล้ว ซึ่งตำรวจทำหนังสือขอรูปภาพจากกล้องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันแรก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่ เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พร้อมยืนยันหากใครมีพยานหลักฐานหรือคลิปภาพ ก็ยินดีรับและจะดำเนินการตามความเป็นจริง ตำรวจที่ไม่ดีจะไม่เก็บไว้ในองค์กร โดยคลิปที่นายชูวิทย์อ้างมีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มี


ส่วนประเด็นการรับสารภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านนั้น จากการสอบครั้งแรก ยืนยันว่ายังไม่มีใครรับสารภาพ แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจะมีการกลับคำให้การหรือไม่ ขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน แต่หากหลักฐานชัดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมทุกราย ยืนยันว่าคดีนี้หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดในด่านกระทำความผิดจริง ก็พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยไม่ละเว้น เพราะมองว่าเป็นบุคคลที่ทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ขององค์กรไม่สามารถเลี้ยงไว้ได้


กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้ข้อมูลว่ามีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินให้ตำรวจนั้น เรื่องบุคคลในที่เกิดเหตุเป็นประเด็นที่ตำรวจได้วางกรอบการสืบสวนเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก โดยจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน /ตอนนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีบุคคลนอกเหนือจากคนขับรถ /หญิงชาวไต้หวัน /และเพื่อนชาย 3 คน เข้ามาที่ด่านเพิ่มเติมหรือไม่  โดยคลิปที่นายชูวิทย์อ้างว่ามีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มี


 กรณีที่นายชูวิทย์ โพสต์ข้อความว่าตำรวจมีการทำลายภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าสถานทูตจีน และภาพจากกล้อง camera combat ที่ติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าสถานทูตจีน ยังคงเก็บรักษาต้นฉบับไว้ที่กรุงเทพฯ ไม่มีใครสามารถไปแก้ไขได้


 พลตำรวจโทธิติ ยังยืนยันว่าภาพจากกล้องวงจรปิดและจากแหล่งที่มาต่างๆ ไม่มีใครสามารถไปลบหรือทำลายได้แต่หากมีบุคคลไปกระทำการดังกล่าวจริงก็ขอให้นำหลักฐานมามอบให้ตนเอง พร้อมที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่ลบดัดแปลงแก้ไขภาพดังกล่าวอย่างไม่ละเว้นเช่นกัน


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/EjX10PMX3dY

คุณอาจสนใจ

Related News