อาชญากรรม

อยู่ยากขึ้นทุกวัน! สาวถูกมิจฉาชีพอ้างเป็น จนท.กระทรวงพาณิชย์ หลอกดูดเงิน 7 แสน เกลี้ยงบัญชี

โดย petchpawee_k

19 ม.ค. 2566

31 views

จากกรณีที่เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 5.2 โพสต์เรื่องราวเตือนภัยอีก 1 กลโกงของแก๊งมิจฉาชีพดูดเงินออกจากบัญชี โดยกรณีนี้มีหญิงสาวรายหนึ่งถูกดูดเงินออกจากบัญชีกว่า 7 แสนบาทในเวลาไม่กี่นาที ผ่านการกดลิงก์ที่มิจฉาชีพส่งมาให้ โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ และรู้ข้อมูลการทำธุรกิจของผู้เสียหายโดยละเอียด


ทีมข่าวไปพูดคุยกับ นางสาวกุลิสรา อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ได้มีเบอร์โทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่งโทรเข้ามาหาตนเอง อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งตนเองได้มีการเปิดบริษัทไว้ตั้งแต่ปี 2563 และมิจฉาชีพที่โทรมาสามารถบอกข้อมูลของบริษัทตนได้ตรงกับความจริงหมดทุกอย่าง โดยสอบถามว่า บริษัทตนไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมา 2 ปีแล้ว จะต้องเสียค่าปรับ และต้องอัพเดทสถานะบริษัท  


รวมถึงรู้ข้อมูลว่าตนเคยได้รับจดหมายแจ้งเตือนเรื่องที่ไม่ส่งงบการเงิน ซึ่งตนยอมรับว่าเคยไม่ส่งจริงๆ เพราะจะเลี่ยงภาษี แต่เรื่องนี้เป็นข้อมูลภายในที่บุคคลภายนอกไม่มีใครรู้ ตนจึงหลงเชื่อและสอบถามไปว่าต้องดำเนินการอย่างไร มิจฉาชีพก็บอกว่า จะมีเจ้าหน้าที่แอดไลน์ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ให้ดำเนินการอัพเดทข้อมูลบริษัท


จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น (21 ธันวาคม 2565) เวลา 13.30 น. ตอนนั้นตนกำลังอยู่ที่ร้านอาหาร ซึ่งค่อนข้างยุ่ง มิจฉาชีพก็ติดต่อมาทางไลน์ เป็นไลน์ชื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมตั้งภาพโปรไฟล์เป็นโลโก้หน่วยงานดังกล่าว ซึ่งมิจฉาชีพได้แนะนำตัว พร้อมส่งข้อมูลการจดทะเบียนของบริษัทตนมาซึ่งถูกต้องทุกอย่าง จากนั้นมิจฉาชีพได้โทรทางไลน์มา ซึ่งได้มีการถามก่อนว่า ตนใช้โทรศัพท์ระบบแอนดรอย หรือไอโฟน พอตนบอกว่าแอนดรอย มิจฉาชีพก็บอกให้ทำตามที่บอกเพื่ออัพเดทสถานะบริษัท


จากนั้น ได้มีการส่งลิงก์มาให้กด ขึ้นเป็นลิงก์เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์ พอกดเข้าไปก็ขึ้นหน้าข้อมูลของบริษัทตน มิจฉาชีพก็บอกว่าให้ตรวจสอบข้อมูลแล้วกดปุ่มตามที่บอก ซึ่งพอกดไป หน้าจอโทรศัพท์ก็ค้างกลายเป็นสีเทาทันทีไม่สามารถกดอะไรได้ แต่ยังคุยสายโทรไลน์ได้อยู่ ซึ่งระหว่างนั้นที่หน้าจอค้างไป มิจฉาชีพก็พยายามชวนตนคุย สอบถามถึงเรื่องบริษัท ว่าทำไมเปิดกิจการแล้วถึงไม่เคลื่อนไหว  ทำไมไม่ส่งงบการเงิน และพูดถึงเรื่องที่ตนเคยได้รับจดหมายแจ้งเตือน ทำให้ตนเกิดความกังวล จนไม่ทันได้เอะใจว่าจะโดนหลอก


ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งของการคุย มิจฉาชีพได้บอกให้ตนกดรหัส 6 ตัว เพื่อตั้งเป็นรหัสสำหรับเข้าใช้งานระบบครั้งต่อไป โดยมิจฉาชีพบอกด้วยว่า ให้ตั้งรหัสที่ตนจำได้ง่ายๆ ตนจึงกดรหัสที่ใช้กับแอปฯ ธนาคารทุกแอปฯ ไป เพราะกลัวลืมรหัส ซึ่งทั้งหมดมีการพูดคุยอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง มิจฉาชีพก็บอกว่า ดำเนินการอัพเดทข้อมูลบริษัทให้แล้ว และก่อนวางสายยังบอกอีกว่า จะแนะนำกิจการของตนให้กับคนรู้จักมาใช้บริการด้วย


จากนั้นพอวางสายจากมิจฉาชีพ โทรศัพท์ตนก็กลับมาใช้งานได้ปกติ แต่เนื่องจากตนต้องไปทำงานต่อ ก็เลยยังไม่รู้ตัว จนเวลาผ่านไปถึงช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ตนไปซื้อของ แล้วจะสแกนจ่าย ตอนแรกเข้าแอปฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่เข้าไม่ได้ เลยเปลี่ยนไปใช้ธนาคารกรุงไทย ก็พบว่าเงินไม่พอจ่าย ตนเลยเริ่มเอะใจ แล้วเอาเงินสดจ่ายไปก่อน พอออกมาจากร้านค้า ก็รีบกดดู พบว่า ธนาคารกรุงไทยมีรายการโอนเงินออกไปหมดแล้ว จึงรีบตั้งสติ ดูในแอปฯ ธนาคารออมสิน ก็พบว่าเงินไม่เหลือแล้วเช่นกัน จึงเพิ่งรู้ตัวว่าที่คุยกับคนที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปเมื่อตอนบ่ายทั้งหมด คือแก๊งมิจฉาชีพ โดยรวมจำนวนเงินที่เสียไปทั้งหมด 3 ธนาคาร 4 บัญชี 721,812 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บแทบจะทั้งหมดของตน และแต่ละบัญชีมิจฉาชีพเหลือเงินไว้ให้แค่เพียงเศษสตางค์เท่านั้น



โดยหลังเกิดเหตุ ตนได้ไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ไว้แล้ว และแจ้งอายัดบัญชีกับธนาคาร ซึ่งในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์พบว่า มีประวัติการเข้าไปเปลี่ยนรหัสทั้ง 2 บัญชี เป็นสาเหตุที่ทำให้ตนไม่สามารถเข้าแอปฯ ได้ตอนที่จะสแกนจ่ายเงิน  แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็แนะนำให้ตนมาตรวจสอบในโทรศัพท์มือถือ จึงพบว่า ในช่วงเวลาที่คุยกับมิจฉาชีพ โทรศัพท์มีข้อความ sms แจ้งเตือนจากธนาคารเข้ามาทุกอย่าง แต่ตอนนั้นตนไม่เห็นเลยเพราะโทรศัพท์หน้าจอค้างไป โดยพบว่ามีทั้งข้อความแจ้ง OTP ข้อความแจ้งเตือนเงินออกจากบัญชี  และมีการแจ้งทำธุรกรรมเปลี่ยนวงเงินของธนาคารออมสินด้วย เพราะเดิมตนตั้งให้ถอนได้ในวงเงินต่ำ  นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งแอปฯ ชื่อ MOC โลโก้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาในเครื่องโดยไม่รู้ตัวด้วย จึงรีบลบออกไป


ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจได้ตรวจสอบชื่อบัญชีปลายทางที่เงินถูกโอนออกไป พบว่าเป็นบัญชีของเด็กอายุ 19 ปี จึงคาดว่าน่าจะเป็นบัญชีม้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และเตรียมจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีม้ามาให้ปากคำ ซึ่งผู้เสียหายบอกว่า ตอนนี้ไม่คาดหวังจะได้เงินคืนแล้ว แต่อยากให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ได้


ผู้เสียหาย บอกอีกว่า วินาทีที่ตนรู้ตัวว่าโดนหลอกและเงินออกจากบัญชีไปหมดแล้ว ตอนนั้นแทบจะก้าวขาไม่ออก ช็อกมาก รู้สึกเหมือนตัวลอย แต่ก็พยายามตั้งสติ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่โทษใคร แต่โทษตัวเองที่รู้ไม่เท่าทันมิจฉาชีพ ไปเชื่อและทำตามทุกอย่าง ซึ่งที่ผ่านมา ตนก็พอทราบข่าวอยู่บ้าง และก็เคยมีมิจฉาชีพหลากหลายรูปแบบโทรมา แต่ตนก็รู้ทันหมด เลยไม่ได้สนใจ


แต่ครั้งนี้ที่พลาด เพราะมิจฉาชีพเข้ามาหลอกได้ตรงกับจุดอ่อน และรู้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริงทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ตนก็กังวลเรื่องที่ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล และคาดว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ และขอให้เรื่องของตนเป็นอุทหาหรณ์เตือนภัยให้กับสังคม เพราะทุกวันนี้กลโกงมิจฉาชีพพัฒนาไปไวมาก ตำรวจเองก็ตามไม่ทัน

คุณอาจสนใจ

Related News