อาชญากรรม

ยายวัย 71 ฆ่าโหด! เจ้าหนี้หญิงชราวัย 78 ดับคาสวนยาง อ้างแค้นถูกทวงหนี้ 5,500 ต่อหน้าคนอื่น

โดย petchpawee_k

17 ม.ค. 2566

532 views

ยายวัย 71 ปี ฆ่าโหด เจ้าหนี้หญิงวัย 78 ปี ดับคาสวนยางพารา หลักฐานมัด หลังก่อเหตุใส่รองเท้าคนตายไป 1 ข้าง ปมหนี้ 5,500 บาท อ้างแค้นถูกทวงหนี้ต่อหน้าคนอื่น


วานนี้ (วันที่ 16 ม.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น.ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว ได้รับแจ้งเหตุพบศพคนถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดเสียชีวิตอยู่ภายในสวนยางพาราของตนเอง พื้นที่บ้านหนองเตย หมู่ 5 ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน พิสูจน์หนักฐาน ภ.จว.ตรัง แพทย์เวร รพ.ย่านตาขาว และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ชีพร่วมใจย่านตาขาว


ที่เกิดเหตุ ภายในสวนยางพาราห่างจากถนนสายบ้านหนองเตย-ทุ่งชน เข้าไปในสวนประมาณ 150 เมตร ที่บริเวณโคนต้นยางพบศพ นางละมุน หรือป้าศรี อายุ 78 ปี สภาพนอนหงายหน้าจมกองเลือด สวมชุดกรีดยางพารา พลิกศพพบบาดแผลถูกของมีคม เบื้องต้นน่าจะเป็นมีดพร้า ขวาน หรือมีดกรีดยาง ยังไม่ชี้ชัด ถูกฟันเข้าที่ใบหน้าจำนวนหลายแผลจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ และบนใบหน้ายังพบรอยฟกซ้ำจำนวนหลายแห่งอีกด้วยกัน ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่า ไฟฉายคาดศีรษะ มีดกรีดยางพารา หินลับมีด ถัง และหมวกของผู้ตายตกเกลื่อนอยู่ไม่ห่างศพ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ใกล้กันพบรถจักรยานจำนวน 1 คันซึ่งเป็นของผู้ตายจอดอยู่


เบื้องต้นคาดว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปกรีดยางพาราในสวนที่อยู่ใกล้บ้านก่อน เมื่อกรีดเสร็จจากสวนดังกล่าว ก็ได้ปั่นรถจักรยานมากรีดต่อที่สวนเกิดเหตุ ซึ่งผู้ตายได้ลงมาตัดได้เพียงไม่กี่ต้น ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะมีเพียงคนเดียว ได้มีการเตรียมการมาก่อน ซึ่งน่าจะเฝ้ารออยู่แล้ว ก่อนคนร้ายจะเข้ามาพูดคุย แต่น่าจะตกลงกันในบางเรื่องไม่ได้ จนมีการทะเลาะวิวาท และผู้ตายถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนจะลงมือฆ่าและได้หลบหนีไป


เจ้าหน้าที่ทำการสอบพยานคนกรีดยางที่อยู่สวนทั้งใกล้และไกล ไปจากจุดเกิดเหตุ ให้การว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของคืนเดียวกัน ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร จึงไม่เอะใจกัน ต่อมาจึงได้ยินเสียงสุนัขเห่าติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่บรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านเริ่มเอะใจจึงได้ออกกันตามหาว่าเสียงอะไร และจึงได้เข้ามาในสวนดังกล่าว ก่อนจะพบว่านางละมุน หรือป้าศรี ถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว


อย่างไรก็ตามทราบว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 ม.ค. ผู้ตายได้มีปากเสียงกับนางยม ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน โดยมีปากเสียงกันในเรื่องที่นางยม ได้ติดหนี้ของผู้ตายจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในหลักพัน และผู้ตายได้เข้าไปทวงเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่พูดคุยดีกันอยู่


ด้านนายวันชัย อายุ 53 ปี เป็นน้องชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองอยู่ใกล้กับบ้านพี่สาว ซึ่งจะมากรีดยางทุกวัน หากฝนไม่ตก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากมีปากเสียงกับคนใกล้บ้าน ซึ่งนิสัยพี่จะไม่ค่อยจะคบหากับใคร เหตุการณ์นี้ตนเสียใจมากเนื่องจากพี่สาวก็อายุมากแล้ว ไม่น่าจะมากระทำเช่นนี้ ซึ่งก็พอจะทราบบ้างน่าจะมาจากเรื่องอะไร


ต่อมาทางตำรวจได้ควบคุมตัว นางอารมณ์ หรือป้ายม อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและลูกหนี้ของผู้ตายไปสอบปากคำ เนื่องจากสืบทราบว่านางอารมณ์ เป็นเพียงคนที่น่าจะมีการเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตและเป็นลูกหนี้ รวมทั้งพบว่ารองเท้าบูทสีฟ้าของผู้ตายหายไป 1 ข้าง สวมใส่อยู่เพียง 1 ข้าง และใกล้กับศพพบรองเท้าบูทสีดำ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใครตกอยู่อีก 1 ข้าง


ต่อมาได้มีการสอบปากคำนางยม นานกว่า 8 ชั่วโมง แต่ให้การไม่เป็นประโยชน์ใดๆในทางคดี เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญพยานรายอื่นมาสอบปากคำ จนทราบว่า เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง และสุนับเห่า ก่อนจะพบเห็นนางยม เดินถือมีดกรีดยางวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งได้เรียกให้เพื่อนบ้านซึ่งเป็นพยานมารับไปส่งที่บ้าน โดยขณะนั้นสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงวอร์ม และรองเท้าบูท


จนกระทั้งเวลาประมาณ 12.30 น. ชาวบ้านได้พบรองเท้าบูทสีฟ้า 1 ข้าง และสีดำ 1 ข้างถูกทิ้งอยู่ภายในสวนยางพาราห่างจากบ้านบ้านหนองเตย ต.ย่านตาขาว ประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัย ทำให้ตำรวจได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ พบว่ารองเท้าบูทสีดำเป็นของนางอารมณ์ หรือยายยม เป็นและสีฟ้าเป็นของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่


ต่อมาตรวจสอบพบว่าในถังขยะห่างจากบ้านผู้ต้องสงสัยอีกประมาณ 20 เมตร พบเสื้อผ้าของผู้ต้องสงสัย สภาพเปื้อนเลือดและมีเส้นผม คาดว่าเป็นของผู้ตายติดอยู่ และหน้ากากอนามัยของผู้ต้องสงสัยถูกนำมาทิ้งไว้ในถังขยะ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบภายในบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัย พบกางเกงวอร์มสีดำ ซึ่งตรงกับที่พยานระบุขณะพบเห็น ได้ถูกนำมาแช่ในถังน้ำภายในห้องน้ำของบ้านในสภาพเปื้อนเลือด ก่อนจะนำตัวผู้ต้องสงสัยมาชี้จุดที่บ้านพัก แต่ยังคงให้การปฏิเสธ


จากนั้นในเวลาประมาณ 15.30 น. นายวัลลพ จรูญศักดิ์ หรือกำนันโก้ กำนัน ต.ย่านตาขาว ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องสงสัย จนทำให้นางอารมณ์ ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง พร้อมให้การว่า ตนเองได้ไปยืมเงินของป้าศรี ผู้ตาย อยู่บ่อยครั้ง ครั้งละประมาณ 200-300 บาท รวมเงินทั้งหมดประมาณ 5,500 บาท ในช่วงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ไม่ได้คืน และได้ไปยืมอยู่เรื่อยๆ แต่ผู้ตายก็ได้เข้ามาทวงตนอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งไปบอกป่าวประกาศพูดคุยกับเพื่อนบ้านว่าตนไปยืมเงินแล้วไม่คืน จึงโมโหและโกรธแค้น


จึงได้วางแผนออกไปที่สวนของผู้ตาย พร้อมกับถือมีดกรีดยางไป 1 เล่ม โดยอ้างว่าจะไปกรีดยาง ก่อนจะเห็นผู้ตายกรีดยางจึงเข้าทำร้าย ด้วยความแค้นหวังแค่เพียงว่าแค่จะขู่ตักเตือนไม่ให้ผู้ตายนำเรื่องที่ติดเงินอยู่ไปบอกคนอื่น แต่ไม่ได้ใช้อาวุธใดๆ ใช้แค่เพียงหมัด ศอก และสิ่งของที่หยิบจับได้บริเวณนั้นลงมือก่อเหตุ ก่อนจะกลับมาทำลายหลักฐาน จนกระทั้งตำรวจมาควบคุมตัว ส่วนรองเท้าบูทหลังจากเกิดเหตุ ได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน จนทำให้รองเท้าหลุด ซึ่งตนหลังจากก่อเหตุเสร็จด้วยความมืดเลยใส่ผิดข้างกลับมา


ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจยังคงไม่ปักใจเชื่อว่าไม่มีการใช้อาวุธ เนื่องจากหลังที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสภาพบาดแผลแล้ว พบว่าบาดแผลเป็นแผลเรียบ ซึ่งต้องเกิดจากการใช้อาวุธอย่างแน่นอน แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธในส่วนนี้


ขณะที่ นางบำเพ็ญ อายุ 75 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่าคนก่อเหตุมายืมเงินผู้ตาย หลายครั้ง ครั้งประมาณ 200-300 บาท แต่ไม่เคยได้เงินคืนกลับ แต่ช่วงหลังๆมาผู้ตายก็ไม่ได้ให้ เนื่องจากที่ติดอยู่ก็ยังไม่เคยให้คืน จนอาจทำให้ผู้ก่อเหตุโกรธแค้น และที่ผ่านมาเคยนำทองปลอมมาจำนำไว้กับผู้ตาย แต่ผู้ตายมารู้ที่หลัง ผู้ตายช่วยเหลือให้ข้าวให้น้ำกินมาตลอด ซึ่งหลังจากรู้ว่าคนก่อเหตุเป็นคนที่ฆ่าคนที่มีพระคุณ รู้สึกเสียใจ ไม่น่าจะกระทำกันได้เช่นนี้


พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก.สภ.ย่านตาขาว กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ก็ได้เก็บวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเกือบจะได้ทั้งหมด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เกือบทั้งหมดบ่งชี้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนก่อเหตุจริง แต่ยังคงไม่ปฏิเสธนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งยอมจำนนรับสารภาพในที่สุด


เบื้องต้นจากการพลิกแฟ้มประวัติคดีทางอาญา ทราบว่าผู้ก่อเหตุ เคยต้องโทษในคดีครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 30 เม็ด จำคุกอยู่ 5 ปี และพ้นโทษออกมาเมื่อช่วงปี 2545 โดยทางตำรวจได้นำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม และอยู่ในระหว่างส่งสำนวนขอศาลอนุติออกหมายจับดำเนินคดีตามกฏหมายในข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาต่อไป.



คุณอาจสนใจ