อาชญากรรม

ไรเดอร์สารภาพฆ่าโหดสาวสอง บังคับโอนเงิน นำศพทิ้งคลอง ญาติสุดทนบุกรุมประชาทัณฑ์

โดย thichaphat_d

25 พ.ย. 2565

1.9K views

รวบแล้วหนุ่มไรเดอร์ ฆ่าสาวสอง สารภาพ ใช้ค้อนทุบหัว บังคับโอนเงิน นำศพไปทิ้งคลอง ก่อนพาแฟนไปเที่ยวที่บางแสน จนถูกจับ ขอโทษทำไปเพราะเงินไม่พอใช้ ด้านญาติและเพื่อนสุดทน บุกรุมประชาทัณฑ์ ขณะตำรวจคุมตัวมาโรงพัก แจ้ง 3 ข้อหาหนัก เตือนกลุ่มสาวสองและคนทำงานกลางคืน ระวังอันตรายจากลูกค้า เจ้าหน้าที่งมเจอดัมเบลพร้อมโทรศัพท์ เผยวงจรปิดคืนวันเกิดเหตุหาจุดทิ้งศพ

แม่ร่ำไห้ ลูกเป็นเสาหลักของครอบครัว เลี้ยงดูหลาน 2 คน คุณยายและลุงที่ป่วยติดเตียง โอดคนร้ายทำไมทำกับลูกรุนแรงแบบนี้ ก่อนทำพิธีเชิญวิญญาณไปประกอบพิธี

จากกรณีที่พบร่างนายปิยะดา สรกุล หรือ “กอหญ้า” อายุ 29 ปี สาวประเภทสอง ถูกคนร้ายฆ่าทิ้งคลองส่งน้ำ ใกล้เคียงกับตลาดทำเลทอง ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา


วานนี้ (24 พ.ย.65) ตำรวจ สภ.คลองหลวง สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ ได้แล้วคือ นายยุทธพล ปิยวิทยาการ หรือ อาร์ท อายุ 36 ปี หลังก่อเหตุได้ ขี่รถจยย.หลบหนีไปเที่ยวทะเลกับแฟนสาวที่ บางแสน จ.ชลบุรี

วานนี้ ช่วงตำรวจคุมตัวนายอาร์ท มาถึง สภ.คลองหลวง เกิดเหตุ ชุลมุนโดยญาติและเพื่อนๆ น้องกอหญ้า ดักรออยู่หน้าโรงพักจำนวนหนึ่ง พยายามเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาทั้ง เตะ ต่อย ถีบ ตั้งแต่ด้านหน้าประตูทางเข้า โรงพัก จนถึงชั้น 3 พร้อมด่าทอ และถามว่า “ก่อเหตุแบบนี้ทำไม” ท่ามกลางตำรวจทั้งโรงพักที่ต้องรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์

ตร.คุมตัวนายอาร์ทมาสอบถาม โดยช่วงนี้นายอาร์ท ได้ยกมือไหว้และกล่าวว่า “ขอโทษที่ทำลงไป ขอโทษสังคม หลังจากนี้จะไปชดใช้กรรมที่ทำ ผมไม่อยากจะทำแบบนี้เลย แต่ถ้าไม่ทำก็กลัวเขาจะแจ้งตำรวจ ที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะอยากได้เงิน”

ทางด้านคดี พลตำรวจตรีพีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า ผู้ต้องหา ทำอาชีพเป็นไรเดอร์ แต่รายได้ไม่พอ จึงพยายามจะชิงทรัพย์ โดยมุ่งเป้าไปที่สาวประเภทสอง เพราะรู้ว่า กลุ่มนี้มีเงิน มีทรัพย์สิน อย่างน้อยก็มีโทรศัพท์พกติดตัว

วันเกิดเหตุได้ไปใช้บริการผู้เสียชีวิตโดยรับมาจากสวนลุมพินี ขึ้นมาในรถเก๋ง ปฏิบัติกิจภายในรถ เมื่อเสร็จกิจ ก็บังคับให้ผู้ตาย เอาเงินให้พร้อมกับทรัพย์สิน โดยผู้ตายบอกว่าไม่มี มีเงินในบัญชีจำนวน 1,400 บาท  ผู้ต้องหาก็บังคับให้โอนให้ แล้วก็ใช้ค้อนทุบที่หน้าผาก และศีรษะ จนสลบแน่นิ่งไปและคาดว่าเสียชีวิตในรถ

ก่อนจะนำศพ ไปทิ้งคลองส่งน้ำ ย่านคลองสอง ซึ่งจุดนี้ เป็นเส้นทางที่ผู้ต้องหาขับไรเดอร์อยู่ย่านนี้ ก็เลยต้องการหาจุดที่ทิ้งศพจุดที่ปลอดคน หลังจากนั้น ก็ได้เช็ดทำความสะอาดคราบเลือดเพื่อพยายามทำลายพยานหลักฐาน และนำรถยนต์ที่ก่อเหตุ ไปคืนแม่ ส่วนผู้ต้องหา ขี่จยย พาแฟนสาวไปเที่ยวทะเลบางแสน จนกระทั่งมาถูกจับกุม

ซึ่งมูลเหตุในครั้งนี้มาจากการสอบถาม ผู้ต้องหา ประสงค์ต่อทรัพย์อย่างชัดเจน เพราะขัดสนเรื่องเงินทอง จึงมีการวางแผนชิงทรัพย์ ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แต่ปัจจุบันผู้ก่อเหตุทำอาชีพไรเดอร์ แล้วรายได้ไม่พอใช้ ภรรยาก็ไม่มีงานทำ

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อยากฝากเตือนภัย กลุ่มสาวสอง และผู้ที่ทำงานกลางคืน ให้ระวังกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวมาในรูปแบบลูกค้า ซึ่งผู้ก่อเหตุมักเรียนรู้ว่าสาวประเภทสองที่ทำมาหากินในลักษณะนี้ต้องมีเงินสดติดตัว หรือมีโทรศัพท์ จึงมีการวางแผนก่อเหตุ

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ / ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ทั้งค้อน มีด เสื้อผ้า และเงินสดของผู้ต้องหา

และเช้าวันนี้ (25 พ.ย.) จะควบคุมตัว ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวไปฝากขังต่อไป

ทีมข่าวได้สอบถาม คุณนุ๊ก (สาวสองชายหันหลัง) เพื่อนน้องกอหญ้า กล่าวว่า รับไม่ได้กับเหตุผลของนายอาร์ท ผู้ต้องหาที่อ้างว่า แค่อยากได้เงิน รายได้ไม่พอ แล้วทำไมต้องถึงขั้นฆ่าเพื่อน ยอมรับว่ากลุ่มสาวสอง มีเงิน เพราะพวกเราทำงานทำมาหากินอย่างลำบาก อีกทั้งน้องกอหญ้าผู้ตาย เป็นเสาหลักของบ้านหาเลี้ยงครอบครัว และยายที่ป่วยติดเตียงด้วย เมื่อไม่มีเสาหลัก ครอบครัวเขาก็เดือดร้อน  อยากขอให้ได้รับโทษประหาร

ทางด้านนายสุทิน สรกุล 64 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า รับไม่ได้กับคำขอโทษของผู้ต้องหา และไม่ขออโหสิกรรมให้

ลูกตนตั้งใจทำมาหากินต้องมาตายแบบนี้ แล้วที่ ผู้ต้องหาบอกว่า ที่ทำไปเพราะรายได้ไม่พอ ทุกวันนี้ ใครก็รายได้ไม่พอหากินลำบาก แต่ไม่มีไปฆ่าใคร และที่บอกว่า ไม่ได้ตั้งใจฆ่าลูกตนนั้น ไม่จริง เพราะผลชันสูตรศพ พบว่าที่ศีรษะของลูก มีแผลทั้งหมด 28 แผล เชื่อว่าผู้ต้องหาตั้งใจและมีเจตนาที่จะมาชิงทรัพย์ ตั้งแต่แรก หากเป็นไปได้ขอให้เขารับโทษประหาร ให้เขารับกรรมในสิ่งที่ก่อ

หลังจากนี้ทางครอบครัวจะนำร่างของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่โบสถ์ซางตาครู้ส แยกซอยอรุณอมรินทร์ 4 โดยจะทำพิธีสวดทางศาสนาคริสต์เป็นเวลา 3 วัน ก่อนฝังร่างที่สุสานในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิป่อเต็กตึงได้นำกำลังประมาณ 5 นาย ลงดำน้ำ บริเวณจุดที่ผู้ก่อเหตุนำศพมาทิ้ง (สะพานบงกช 42) เพื่อค้นหาหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้ก่อเหตุใช้ก่อเหตุใช้ถ่วงศพ จนกระทั่งผ่านไปไม่ถึง 15 นาที เจ้าหน้าชุดประดาน้ำที่เจอดัมเบล (น้ำหนัก 5 กก.) โซ่ 1 เส้น ทอง 1 เส้น และโทรศัพท์ไอโฟน 13 โปรแม็ก ของผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของคนตายเบื้องต้นยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ

จากการสอบถามทางตำรวจและผู้ต้องหา ดัมเบลมีน้ำหนักไม่พอที่จะถ่วงศพให้จมอยู่ในน้ำ ซึ่งศพมันมีระยะเวลาของมัน ซึ่งเมื่อศพพองตัวมากขึ้น ช่วงนั้นศพก็จะดันดัมเบลขึ้นมา และโซ่เมื่อคล้องไม่แน่นพอก็จะหลุดออกมาจากตัวศพได้ ซึ่งทางผู้ต้องหาผูกโซ่กับศพไม่แน่นหนาพอ ระดับลึกประมาณ 3 เมตรสัมผัสด้านล่าง เราดูว่าสิ่งที่ต้องหานั้นคืออะไร น้ำสภาพนิ่ง เมื่อเจอแล้วก็เรียกมารวมกันก่อนและก็เจอของกลางทั้งหมด

ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิด ในคืนวันเกิดเหตุ ในเขตพื้นที่ธัญบุรี ช่วงเส้นเลียบคลอง ซึ่งเผยภาพรถยนต์ฮอนด้า ของคนร้าย ที่ขับมา ซึ่งเป็นช่วงหลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบสาวข้ามเพศ และกำลังหาจุดทิ้งร่าง

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ข้อมูลที่น่าสนใจ จากหนึ่งในเพื่อนของผู้ตาย ซึ่งเป็นสาวข้ามเพศ ให้ข้อมูลว่า คนร้ายเคยมาซื้อบริการเพื่อนของผู้ตายที่เป็นสาวข้ามเพศ เมื่อคืนวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้ตนช่วยสำเร็จความใคร่ให้ ในรถของคนร้าย และให้เงินมา 1,000 บาท

และในคืนเกิดเหตุ ผู้ตายดันขับรถมาจอดใกล้กับรถของคนร้ายพอดี ทำให้คนร้ายเห็นว่า ผู้ตายน่าจะมีทรัพย์สิน ในคืนวันที่ 22 พ.ย. คนร้ายจึงมาวนรถ เพื่อตามหาผู้ตายอีกครั้ง ก่อนเจอตัว จึงลงมือก่อเหตุ



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7yvlkUx8vTw

คุณอาจสนใจ