รับน้องโหด โผล่อีก! รุ่นพี่จุดไฟแช็กใช้สีสเปรย์ ฉีดเผาขน-ลนขนเพชรรุ่นน้อง อ้างให้รู้รสชาติชีวิต

รุ่นพี่ปี 3 รับน้องโหดจุดไฟแช็กใช้สีสเปรย์ฉีดใส่ เผาเเขน-หน้าท้อง-หัวหน่าวใกล้อวัยวะเพศเป็นแผลพุพอง น้องปี 1 อีก 3 คน โดนไฟแช็คลนขนเพชร อ้าง “เพื่อให้รู้รสชาติของชีวิต” แม่พาแจ้งความ-ลาออกจากมหาลัยฯ ลั่น “จะตายวันไหนไม่รู้” รุ่นพี่โทรขอโทษรู้สึกผิดไม่ได้ตั้งใจ ตกใจแผลมันเว่อร์ไป


วานนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย นายธนพล (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี คนเจ็บ นักศึกษาคณะคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาเครื่องกล มหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านเทเวศร์ เดินทางเข้าติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สน.บางพลัด ภายหลังถูกนายอรรถพล (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 รุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกัน รับน้องแล้วทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

นายธนพล เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง รุ่นพี่ที่คณะเรียกให้ไปรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยเพื่อรับน้อง จากนั้นรุ่นพี่ให้รุ่นน้องปี 1 ขี่รถ จยย. ไปที่อพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่ง ย่านจรัญสนิทวงศ์ 68 ซึ่งเป็นห้องเช่าของรุ่นพี่คนหนึ่ง เมื่อไปถึงก็มีรุ่นพี่ 4 คน (ปี 3 จำนวน 3 คน/ปี 2 จำนวน 1 คน) และรุ่นของตนอีก 4 คน ตอนแรกก็ทำกิจกรรมรับน้องปกติ สั่งให้ปิดตาวิดพื้น ซิทอัพ ร้องเพลง จากนั้นอยู่ๆ รุ่นพี่คนนึง ชื่อเฟรม ได้เรียกตนเข้าไปในห้องน้ำ  

จากนั้นก็สั่งให้ตนถอดเสื้อแล้วเอามาปิดตา พร้อมบอกให้ตนดึงกางเกงลงแล้วเอามือขวากุมเป้าปิดอวัยวะไว้ ตนก็ทำตาม ก่อนที่รุ่นพี่คนดังกล่าวจะจะจุดไฟแช็ค เอาสีสเปรย์กระป๋องฉีดผ่านไฟแช็กพ่นมาที่ตัวของตน ไฟลุกไหม้บริเวณเเขนขวา หน้าท้องและหัวหน่าวใกล้อวัยวะเพศของตน ร้อนมากจนตนต้องเสื้อที่ปิดตาออกร้องว่า “ไม่ไหวแล้ว”

จากนั้นรุ่นพี่คนเดิมสั่งให้ตนหลับตา จุดไฟแช็คและเอาสีสเปรย์กระป๋องฉีดผ่านไฟแช็กมาที่ตัวของตนอีกครั้ง ทำให้ไฟคลอกบริเวณแขนขวา หน้าท้องและช่วงขาที่ใกล้กับอวัยวะเพศของตน ถูกไฟลวกพุพองได้รับบาดเจ็บอ้าง “เพื่อให้รู้รสชาติของชีวิต” ตนปวดแสบปวดร้อนที่แผลจึงนำฝักบัวมาฉีดน้ำใส่แผล จากนั้นรุ่นพี่คนนี้ก็เดินออกจากห้องน้ำไป เพื่อไปทำกิจกรรมรับน้องเพื่อนของตนอีก 3 คน ที่อยู่ภายในห้อง ขณะนั้นตนยังอยู่ในห้องน้ำเห็นทุกอย่าง รุ่นพี่ใช้ไฟแช็กลนที่ขนเพชรของเพื่อนทั้ง 3 คน จากนั้นรุ่นพี่ที่ใช้สเปรย์ฉีดใส่ไฟแช็กจนไฟลวกบริเวณหน้าท้องของตนนั้น เดินเข้ามาหาตนในห้องน้ำ เห็นแผลพุพองเยอะเขาก็ตกใจและพูดว่า “ไม่คิดว่าจะเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้”

หลังจากที่เกิดเหตุขึ้น รุ่นพี่ทั้งหมดไม่สนใจ บอกให้พวกตนทำกิจกรรมต่อทั้งที่ตนเจ็บ และก็ไม่ได้พาไปโรงพยาบาลด้วย รุ่นพี่ไม่ได้ข่มขู่อะไรแต่พูดว่า “อย่าเอาเรื่อง” หลังทำกิจกรรมเสร็จตนก็ขับรถจากอพาร์ทเม้นต์เกิดเหตุ กลับบ้าน 50 กิโลเมตร อดทน ไม่กล้าบอกครอบครัวหรือแจ้งความเพราะไม่อยากออกจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากสัญญากับแม่ไว้ว่าจะเรียนให้จบ

ต่อมารุ่นพี่ที่ทำร้ายตนทักมาขอโทษบอก “อย่าไปแจ้งความ เดี๋ยวเขาจะช่วยเหลือ” แต่เป็นการขอโทษแบบไม่จริงใจ เขาพูดว่า “พี่ไม่คิดว่าแผลมันจะเว่อร์ขนาดนี้” แต่ตนไม่สนใจ วันที่ 7 พ.ย. จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน. บางพลัด ตนเองไม่รู้จะฝากบอกอะไรถึงรุ่นพี่ เพราะเหตุการณ์รับน้องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ตนจะเตรียมใจมาแล้วว่าจะถูกรับน้องก็ตาม แต่ไม่คิดว่าจะโหดร้ายขนาดนี้ ล่าสุดตนได้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนี้แล้ว เนื่องจากครอบครัวเป็นห่วง


 ขณะที่แฟนสาวของผู้เสียหาย กับรุ่นพี่ปี 3 ที่ก่อเหตุ แชตคุยกันพยายามตกลงเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่ากินอยู่ให้กับผู้เสียหายแต่มีข้อแม้ว่า ทุกค่าใช้จ่ายจะต้องเขียนรายละเอียดและถ่ายรูปอาหาร รวมถึงสลิปค่าอาหารเป็นหลักฐานด้วย อ้างว่ากลัวทางฝั่งผู้เสียหายจะบวกเงินเพิ่ม หลังจากนั้นรุ่นพี่ได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แค่ 3 วันแรก คือ 31 ต.ค.- 2 พ.ย. หลังเกิดเหตุเท่านั้น รวมเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท

 จากนั้นในวันที่ 7 พ.ย. รุ่นพี่ได้ส่งข้อความแชตมาอีกทำนองว่า เดี๋ยวจะหยุดให้เงินค่ากิน และค่ารักษาแล้ว แฟนสาวผู้เสียหายบอก “หนูไม่โอเคอะ” รุ่นพี่ถามไม่โอเคตรงไหน แฟนสาวผู้เสียหายตอบกลับ “ไม่โอเคที่พี่จ่ายค่าเสียหายให้แฟนหนูแค่นี้ มันเป็นเยอะไม่ใช่แผลเล็ก พอมันหายมันเป็นรอยแผลเป็นตลอดชีวิตนะพี่ แฟนหนูขอเรียก 2 หมื่น ถ้าพี่ไม่โอเคงั้นหนูขอดำเนินคดี”

จากนั้นรุ่นพี่ตอบแชตว่า “ขอไปคุยกับเพื่อนก่อน” และบอกว่า “พี่จะชดใช้ให้เต็มที่ แต่ถ้า 20,000 พี่มีไม่ถึงจริงๆ พี่จะขอทยอยเอาให้ได้มั้ย แต่ไม่ดึงเรื่องเข้ามหาลัยได้มั้ย” และพยายามโทรไลน์หาแฟนสาวผู้เสียหายหลายครั้ง แต่แฟนสาวผู้เสียหายไม่รับ

นอกจากนี้มีคลิปเสียงที่ผู้เสียหายคุยกับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ โทรมาสอบถามอาการและบอกว่า “ที่พี่ทำไปไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแผลเยอะขนาดนี้ พวกพี่ก็ตกใจแผลมันดูเว่อร์ไป พี่ก็ไปปรึกษากับรุ่นพี่หลาย ๆ คนก็รู้สึกผิดที่ทำน้องไป ขอโทษจริงๆ” จากนั้นรุ่นพี่ที่ก่อเหตุถามรุ่นน้องผู้เสียหายว่า “เอ็งมารับเพราะอะไร (รับน้อง)” ซึ่งรุ่นน้องผู้เสียหายบอกว่า แรกๆ ก็ศรัทธา นานๆ ไปผมเริ่มหมดศรัทธา รุ่นพี่ยังถามอีกว่า “เอ็งอยากรับต่อมั้ยล่ะ” รุ่นน้องบอก “ไม่ ให้มันพอกันแค่นี้ดีกว่า” รุ่นพี่ยังบอกอีกว่า “พี่ไม่อยากให้สละสิทธิ์ตอนนี้ อีกไม่กี่วันเอ็งก็จะได้รุ่นกันแล้ว อาทิตย์หน้าก็จบแล้ว” เอ็งจะได้เจอพวกพี่อีกสไตล์หนึ่งพวกพี่จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน


ขณะที่แม่ของนายธนพล กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าเจอลูกถูกทำแบบนี้แล้วรับไม่ได้ ที่ผ่านมาก็รู้ว่าจะมีกิจกรรมรับน้อง แต่ไม่คิดว่าลูกจะมาเจอหนักแบบนี้ หลังจากที่เกิดเหตุลูกไม่ยอมบอก เพราะว่าก่อนหน้านี้ลูกสัญญากับแม่ว่าจะเรียนให้จบ รับราชการเป็นครู หลังเกิดเหตุตนพาลูกชายมาทำเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัย ไม่อยากให้ลูกเรียนที่นี่อีกเพราะโดนกระทำรุนแรง ขณะที่อาจารย์ก็ตกใจแผลที่พุพองเยอะ มหาวิทยาลัยยืนยันไม่มีนโยบายรับน้อง แต่นี่เป็นนอกสถานที่

 “ไม่คิดว่าลูกชายจะเจอและโดนกระทำแบบนี้ ความเจ็บปวดของน้องขี่รถจากที่เกิดเหตุไปที่บ้าน ระยะทาง 50 กิโลเมตร อีกมือหนึ่งใช้น้ำแข็งประคบแผล อีกมือหนึ่งบิดมอเตอร์ไซค์ น้องไม่บอกพ่อกับแม่เพราะประสงค์จะเรียนต่อให้จบ น้องโดนกระทำแบบนี้แม่ไม่ให้น้องเรียนต่อแล้ว เพราะจะตายวันไหนไม่รู้ แม่บอกกับลูกรับไม่ได้หาที่เรียนใหม่เถอะ เรียนไปก็ตายเปล่าๆ สงสารน้องไม่คิดว่าจะโดนขนาดนี้”

นายเอกภพ กล่าวว่า ทางครอบครัวกังวลว่า คดีความจะไม่คืบหน้าเนื่องจากครอบครัวไม่มีฐานะ ตนจึงได้ทำความเข้าใจว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาญาผู้ก่อเหตุ จะต้องได้รับโทษทางกฏหมายแน่นอน

ด้าน พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผู้กำกับการ สน.บางพลัด กล่าวว่า เบื้องต้นทราบชื่อและรายละเอียดของผู้ก่อเหตุแล้วหลังจากนี้รอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหาย จากนั้นก็จะเชิญคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ พร้อมกับออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ 2 ครั้ง ถ้าหากไม่มา ก็จะออกหมายจับ พร้อมกับแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถ้าหากว่าใบรับรองแพทย์ระบุชัดว่ามีอาการบากเจ็บสาหัส ก็อาจจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มภายหลัง พร้อมทั้งกำชับว่าไม่ต้องกังวลอะไร ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง

หลังผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.บางพลัด เจ้าหน้าที่ได้พาผู้เสียหายไปชี้จุดเกิดเหตุห้องพักชั้น 6 ที่อพาร์ทเม้นต์ย่านจรัญสนิทวงศ์ 68 ตามคำให้การ ไม่พบตัวรุ่นพี่ที่ก่อเหตุอยู่ในห้องพัก ก่อนจะลงมาดูภาพกล้องวงจรปิดของที่อพาร์ทเม้นต์ ซึ่งตำรวจได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดบางส่วนไว้แล้ว ซึ่งจุดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที  

ซึ่งจากข้อมูลในการไล่ภาพกล้องวงจรปิด พบว่า กลุ่มผู้เสียหายรวม 8 คน และรุ่นพี่เข้ามาที่หอพักตอนประมาณบ่าย 2 โมง เดินออกจากอพาร์ทเม้นต์ตอนประมาณ 18.10 น. จากนั้นได้นำตัวผู้เสียหายมาสอบสวนต่อที่ สน.บางพลัด ขณะเดียวกันทางตำรวจอยู่ระหว่างการประสาน ติดตามตัวรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/MQGDluvjSC8