อาชญากรรม

แม่สะอื้นร้องปวีณา ลูกสาวถูกหลอกไปนวดที่ไนจีเรีย ไม่จ่ายเงินเดือน-บังคับค้ากาม-ยึดพาสปอร์ต-กักขังในห้อง

โดย nattachat_c

8 พ.ย. 2565

710 views

วานนี้ (7 พ.ย. 65) เวลา 15.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาแม่หญิงไทยจำนวน 8 ราย ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศไนจีเรีย บางคนถูกบังคับให้ค้าประเวณี เข้าพบเจ้าหน้าที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความช่วยเหลือ


โดยนายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สำราญ จ.กาฬสินธุ์ กับแม่หญิงไทย 8 ราย เดินทางมาจาก

  • จ.กาฬสินธุ์ 2 ราย
  • จ.ขอนแก่น 4 ราย
  • จ.หนองบัวลำภู 2 ราย


บางคนถูกนายจ้างบังคับให้ค้าประเวณีกับแขก ที่เข้ามาใช้บริการนวดแผนไทย แต่หญิงสาวชาวไทยเหล่านี้ ไม่ยอมทำ จึงถูกทำร้ายร่างกาย กักขังไว้ในห้องไม่สามารถออกไปไหนได้ ต้องแชทและโทรไลน์มาขอให้แม่ช่วยเหลือ ด้านรองประธานสภา อบต.สำราญ จ.กาฬสินธุ์ จึงได้ประสานมายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ประสานช่วยเหลือหญิงชาวไทยทั้ง 12 ราย เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย


นอกจากนี้ หญิงสาวชาวไทยที่ทำงานอยู่ไนจีเรีย ได้ส่งคลิปวงจรปิดภายในร้านนวดแผนไทย มาให้ญาติที่อยู่เมืองไทย เป็นเหตุการณ์เมื่อเดือนก่อน หญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งได้มีปากเสียงกับชายชาวไนจีเรีย สามีของหญิงไทยเจ้าของร้านนวด เรื่องให้พวกตนเซ็นยินยอมหากมีปัญหากับลูกค้าจะไม่จ่ายเงินเดือนให้ แต่พวกตนไม่ยอม มีการโต้เถียงกัน เขาจึงผลักอกพยายามจะทำร้ายร่างกาย


หญิงสาวชาวไทยทั้ง 12 คน ยังคงต้องทำงานอยู่ในร้านนวดไม่สามารถออกไปที่ไหนได้ พวกเธอพยายามติดต่อญาติที่ประเทศไทย โดยส่งพิกัดร้านนวดและแอบส่งคลิปวงจรปิดให้ญาติ เป็นภาพที่นายจ้างให้พ่อบ้านของร้านนวด ล็อกประตูห้องพัก ใส่กุญแจจากด้านนอก กักขังพวกเธอทั้ง 12  คน ไว้ในห้อง สั่งห้ามเปิดหน้าต่าง ห้ามส่งเสียงดัง จะเปิดประตูให้เฉพาะตอนออกมาทำงานเท่านั้น และพวกเธออยู่กินนอนในห้องเดียวกัน 12 คน นายจ้างให้ต้มมาม่า 1 ชาม แบ่งกันกินกับข้าวเปล่า


ขณะที่หญิงสาวชาวไทยรายหนึ่ง ได้วิดีโอคอลมาเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ฟังว่า พวกเธอไปทำงานที่ไนจีเรีย นายจ้างบอกว่ามีเงินเดือนให้ 700 ดอลลาร์ (นายจ้างจ่าย 30 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์) มีค่าอาหารให้ทุกเดือน


พอไปทำงาน จ่ายเงินเดือนตรง 2-3 เดือน หลังจากนั้นนายจ้าง บอกจะหักเงินไปทำวีซ่า เพื่อให้พวกเธอทำงานอาศัยอยู่ที่ไนจีเรียอย่างถูกกฏหมาย โดยวีซ่าของพวกตนอยู่ได้ 1 เดือน พวกตนจึงยอมจ่ายคนละ 1,000 ดอลลาร์ แต่นายจ้างกลับไม่ทำตามที่ตกลงไว้


เดือนล่าสุดไม่ได้เงินเดือนสักคน มีอยู่วันหนึ่ง ตม.ลงตรวจ นายจ้างจึงนำพวกตนไปหลบอยู่อีกร้าน ต่อมาพวกตนบอกนายจ้างว่า “ไม่อยู่แล้วนะขอกลับไทย” นายจ้างบอกงั้นต้องจ่ายเงินคนละ 1,000 ดอลลาร์  เพราะทำงานให้ไม่ครบตามสัญญา 2 ปี  ส่วนพาสปอร์ตถูกนายจ้างยึดไว้ และทำพาสปอร์ตบางส่วนของพวกตนหาย


หญิงสาวชาวไทยรายนี้ บอกต่อว่า หลังจากที่ตนส่งเรื่องขอความช่วยเหลือแจ้งไปยังทางการไทย เรื่องถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศไนจีเรีย ซึ่งจะมีตัวแทนสถานทูตฯ มาที่ร้านนวด


ก่อนที่ตัวแทนสถานทูตฯ จะมาถึง นายจ้างรีบมาเปิดประตูห้อง เปิดหน้าต่าง เปิดแอร์ หาข้าวน้ำดื่มอย่างดีมาให้กิน ทำทีเหมือนไม่มีการกักขัง ตนไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ จริงหรือไม่ เพราะที่ทราบเขารู้จักกับนายจ้างของตนนานกว่า 10 ปี


พวกตนให้ข้อมูลอะไรกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไป เขานำข้อมูลไปบอกนายจ้างหมด บางคนถูกให้ค้าประเวณี พวกตนอยากกลับไทย เมื่อแม่ของหญิงสาวชาวไทยทั้ง 8 ราย ได้ยินเสียงลูกสาว ถึงกลับนั่งร้องไห้ เพราะเป็นห่วงลูกสาว บอกกับลูกสาวว่า “อย่าไปที่ไหนอยู่ในห้องรักษาตัวเองให้ดีนะลูก แม่รออยู่ที่บ้าน”


นางวาสนา อายุ 53 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ แม่ของหญิงไทยรายหนึ่ง เผยทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวไปทำงานไนจีเรียเ พราะอยากได้เงินมาเลี้ยงดูลูกและครอบครัว ลูกสาวไปทำงานร้านนวดที่นั่นเพราะเพื่อนชักชวน ตนห้ามไม่ให้ลูกสาวไป ลูกยืนยันจะไปเพราะเห็นว่ารายได้ดี แม่จึงไปยืมเงินเพื่อนบ้าน 3 หมื่นบาท ให้ลูกสาวน้ำติดตัวไปทำงานที่ไนจีเรีย


พอลูกไปอยู่ร้านนวดแรกๆ ก็เงินดี ระยะหลังได้เงินไม่ตรง ลูกสาวเปลี่ยนไป มีอาการซึมเศร้า “แม่เจ็บปวดใจคิดถึงลูกมาก ได้แต่นั่งร้องไห้อยากให้ลูกกลับมาไวๆ” พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณทุกฝ่ายที่เร่งช่วยเหลือ


นางรจนา อายุ 45 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ แม่ของหญิงไทยอีกราย เล่าว่า ลูกสาวอายุ 26 ปี ได้ติดต่องานทางเฟซบุ๊ก โฆษณารับสมัครคนไทยไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศไนจีเรีย จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 50,000 บาท ผู้เสียหายทุกคนไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเป็นร้านหญิงคนไทยที่เปิดร้านกับสามีเป็นชาวไนจีเรีย จึงตกลงบินไปทำงานช่วงกลางเดือน พ.ค. 65


ในเดือนแรก ทำงานได้รับเงินเดือน 50,000 บาท เดือนต่อมารายได้ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ได้รับเพียง 21,000 บาท ผู้เสียหายจึงขอกลับไทย แต่นายจ้างไม่ยอมให้กลับ อ้างว่าจะต้องอยู่ทำงานชดใช้ค่าคอนแทร็กต์จนหมดก่อน และยึดพาสปอร์ตไว้ นอกจากนี้ ยังมีหญิงไทยรายอื่น ที่อยู่รวมกัน 12 คน


นางรจนา ร้องไห้ เผยกับนักข่าวว่า “ทุกข์ใจ คิดถึงลูก อยากให้ลูกกลับไทย กลัวลูกไม่ปลอดภัย เพราะความยากจน แม่ไม่มีที่ทำงาน ลูกสาวจึงไปทำงานประเทศไนจีเรีย หาเงินมาให้แม่ พอไปทำงานมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เป็นห่วงลูกจนนอนไม่หลับ


ลูกสาวจะแอบโทรมาเล่าให้ฟังว่าโดนกักขัง โดนตัดน้ำตัดไฟ อยากกลับบ้าน บางครั้งลูกสาวก็ไม่เล่าอะไรให้ฟัง ไม่อยากให้แม่รู้ว่าใช้ชีวิตเป็นอยู่อย่างไร แม่อยากให้ลูกกลับ ไม่ได้อะไรมาก็ขอให้มาแต่ตัวก็พอ กลัวเขาทำร้ายลูกสาว อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยลูกกลับมาเร็วๆ ตนมีลูกสาวเพียงคนเดียว”


นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า จะเข้าไปช่วยเหลือให้เร็วที่สุด คาดว่าไม่เกินปลายเดือนนี้จะได้กลับบ้าน แม่ๆ ของหญิงไทยทั้ง 8 คน ต่างดีใจร้องไห้เช็ดน้ำตาขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา


นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เปิดเผยว่า ปี 2565 มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์หญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีต่างประเทศถึง 115 ราย  ดังนี้

  • กัมพูชา 36 ราย
  • บาห์เรน 19 ราย
  • ไนจีเรีย  12 ราย
  • พม่า 11 ราย
  • ดูไบ 10 ราย
  • ฟิลิปปินส์ 8 ราย
  • โอมาน  5 ราย
  • เกาหลี 3 ราย
  • มาเลเซีย 2 ราย
  • ประเทศอื่นๆ 9 ราย


ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งช่วยเหลือกลับมาแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/od0-wTwEK94

คุณอาจสนใจ

Related News