ตามคาดเลยวิ! บุกค้นร้านย่านรามอินทรา ไร้วี่แววโต๊ะพนัน เจอแต่โต๊ะสนุ๊ก และห้องว่างเปล่า

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับผู้เสียหาย เข้าตรวจค้นร้านสนุ๊กเกอร์ ที่อ้างว่า เป็นบ่อน และถูกเอาถุงดำคลุมหัวรีดทรัพย์ แต่กลับไม่พบโต๊ะพนันใดๆ มีเพียงโต๊ะสนุ๊กเกอร์กับห้องว่างเปล่า

พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พาผู้เสียหาย 4 ราย เข้าไปชี้จุดภายในร้านสนุ๊กเกอร์ ย่านเลียบด่วนรามอินทรา ตามคำให้การของกลุ่มผู้เสียหาย ที่อ้างว่า ถูกคนของบ่อนเอาถุงดำคลุมหัว ทำร้ายร่างกายรีดทรัพย์

โดยทันทีที่มาถึง ได้พาผู้เสียหาย เข้าไปทางประตูด้านหน้า โดยมีการตรวจสอบด้านในประมาณ 15 นาที จากนั้นได้พาผู้เสียหายออกมาเข้าประตูบานเล็กสีขาวด้านข้าง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายถูกพาลงมาจากชั้น 2 ก่อนพาผู้เสียหายออกมาชี้จุดด้านหน้าอาคาร

โดยตลอดการชี้จุด มีนายหนุ่ม ชายที่เราสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ที่อ้างตัวเป็นคนเคลียร์ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย วันนี้อ้างว่าเป็นผู้ดูแลอาคาร ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ในการเปิดให้ตำรวจ และผู้เสียหายเข้าไปชี้จุด


ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะพาไปชี้จุดทื่ถูกพาขึ้นรถตู้ออกไป และจุดที่ถูกปล่อยทิ้ง



ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ทีมข่าว เข้าไปบันทึกภาพภายในร้านสนุ๊กได้ โดยมีนายหนุ่ม เป็นคนพาดูรอบๆ ซึ่งเมื่อเข้าไปด้านใน พบว่า ในห้องขนาดใหญ่ มีโต๊ะสนุ๊ก อยู่ 4 โต๊ะ และอีก 1 โต๊ะ อยู่ในห้องวีไอพี



ทีมข่าว ได้นำภาพที่ผู้เสียหายเคยบันทึกเมื่อเดือนสิงหาคม มาให้นายหนุ่มดู ว่าตกลงแล้วใช่สถานที่เดียวกันหรืงไม่ นายหนุ่มยืนยันว่า ที่นี่เปิดเป็นโต๊ะสนุ๊ก ส่วนภาพที่ปรากฏว่าเป็นบ่อนการพนัน ตนไม่ทราบ เพราะเพิ่งมารับช่วงต่อจากเจ้าของเก่าได้ประมาณ 1 เดือน โดยเห็นจากเพจเฟซบุ๊กว่ามีการประกาศเซ้ง ตนเอง และแฟนเลยติดต่อเช่าสถานที่ต่อ ตกลงกับเจ้าของ เป็นค่าเช่าเดือนละ 35,000 บาท เมื่อถามว่า แล้วเจ้าของเป็นใคร นายหนุ่ม บอกว่า ตนเองขอไม่เอ่ยชื่อ เพราะไม่อยากดึงมาเกี่ยวข้อง



ส่วนกรณีผู้เสียหายบอกว่านายหนุ่มเป็นตัวแทนบ่อนไปไกล่เกลี่ยที่โรงพัก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังผู้เสียหายแจ้งความ นายหนุ่ม บอกว่าขณะนั้นตนเองยังไม่ได้มารับช่วงโต๊ะสนุกเกอร์ แต่ได้รับว่าจ้างจากคนชื่อ “เอก” ซึ่งเคยเจอกันในขณะตระเวนเล่นสนุกเกอร์ เป็นนักเล่นเหมือนกัน โอนเงินให้ 500,000 บาท ให้เอาไปเคลียร์ผู้เสียหาย ซึ่งตนเองได้โอนให้ผู้เสียหายรายหนึ่งที่เป็นสาวประเภทสองไปทั้งหมด โดยได้เงินค่าจ้างจากนายเอกจ่าย 1,000 - 2,000 บาท แต่ เมื่อถามว่าทำไมนายเอกถึงไว้ใจ โอนเงินให้ 500,000 บาท ทั้งที่เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง นายหนุ่ม บอกว่า ก็เคยเจอกัน

ช่วงหนึ่งระหว่างการสัมภาษณ์ ได้มีการ เปิดเฟซบุ๊กแฟนสาวนายหนุ่ม ที่เคยเช็คอินที่ร้านสนุกเกอร์แห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งขัดแย้งกับที่นายหนุ่มบอก เพิ่งเช่าร้านได้เดือนเดียวหรือไม่ นายหนุ่มบอกว่า ตนเองก็ไม่ทราบ ต้องไปถามแฟน เพราะเรื่องการเซ้งและเอกสารต่างๆ แฟนเป็นคนดูแลทั้งหมด แต่เมื่อขอให้โทรหาแฟน เผื่อให้ชี้แจงสื่อได้เลยหรือไม่ นายหนุ่มปฏิเสธ





จากนั้น ทีมข่าวได้ให้ผู้เสียหายพาทีมข่าวชี้จุด ว่าสถานที่นี้ แต่เดิมเคยมีโต๊ะการพนัน โดยเข้ามาจะมีจุดแลกชิพเงิน มีโต๊เสือมังกร โต๊ะบาคาร่า และใกล้ๆ กันจะมีประตูเล็กๆ สีขาว ที่สามารถพาขึ้นไปชั้น 2 ได้ แต่ตอนนี้ประตูล็อกอยู่



เมื่อนำภาพของผู้เสียหาย ที่บันทึกมา เปรียบเทียบกับภาพที่ทีมข่าว ลงพื้นที่ไปถ่ายมา พบว่า ภาพของผู้เสียหายที่บันทึกมา ด้านขวาของรูป จะมีโต๊ะเสือมังกรอยู่ และหากมองไป จะเห็นกำแพงตัวหนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งพอเปรียบเทียบกับภาพที่ทีมข่าวถ่ายไว้ ก็พบว่ามีหลายจุดตรงกัน เพียงแต่จุดที่เคยมีโต๊ะเสือมังกร กลายเป็นโต๊ะสนุกเกอร์เข้ามาแทน

ขณะเดียวกันทีมข่าวก็สังเกตเห็นว่า บริเวณกำแพงสีดำของร้าน หากเปรียบเทียบกับภาพที่ผู้เสียหายบันทึกไว้ จากเดิมที่เคยมีป้ายติดป้ายต่างๆ ไว้ ซึ่งปัจจุบัน บริเวณกำแพง ยังมีรอยลอก ลักษณะคล้ายมีการแกะป้ายที่ติดตามกำแพงออกไปด้วย

ส่วนโต๊ะสนุ๊ก จากการสังเกตพบว่า ค่อนข้างใหม่ ดูแล้วแทบไม่มีร่องรอยแป้ง หรือ ร่องรอยไม้คิวสนุ๊กที่เป็นรอยบนโต๊ะสักหลาดเลย ซึ่งดูขัดแย้งกับที่บอกว่ามีคนแวะเวียนมาเล่นต่อเนื่อง

เรื่องนี้ นายหนุ่ม ยืนยันกับทีมข่าวว่าโต๊ะสนุ๊กที่เห็น ดูใหม่ และไม่มีร่องรอยของการแทงสนุ๊กเลยนั้น เพราะมีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดตลอด และไม่อนุญาตให้ใช้แป้งใดๆ ทั้งสิ้น

เจ้าตัว ยังยืนยันหนักแน่นว่า ตอนที่มาทำที่ร้าน ไม่ทราบว่าเป็นบ่อนหรือไม่ เพราะตอนที่มา ที่นี่ก็เป็นโต๊ะสนุกเกอร์แล้ว และเมื่อทีมข่าวถามว่า ขอขึ้นไปดูชั้น 2 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกทำร้าย นายหนุ่มก็ปฏิเสธ

ทีมข่าว ยังได้พูดคุยกับหนึ่งในพนักงานโต๊ะสนุ๊ก บอกว่าเพิ่งมาทำงานได้เดือนกว่าๆ พร้อมยืนยันตรงกับนายหนุ่มว่า ที่นี่เปิดเป็น เป็นโต๊ะสนุ๊ก ไม่รู้ว่าที่นี่เคยเป็นอะไรมาก่อน