อาชญากรรม

อุกอาจ! แก๊งไอ้โม่งควงอาวุธสงคราม บุกปล้นพ่อค้ากัญชา ทำร้ายอาการสาหัส วงจรปิดจับชัด เร่งล่าตัว

โดย passamon_a

17 ต.ค. 2565

256 views

ล่าแก๊งไอ้โม่ง ควงอาวุธสงครามปล้นพ่อค้ากัญชา วงจรปิดจับภาพชัด กลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คน บุกแฟลตการไฟฟ้าธนบุรี พระราม 2 นัดหมายซื้อขายกัญชา แต่กลับก่อเหตุปล้นทรัพย์ ใช้ด้ามปืนตีหัวอาการสาหัส เย็บ 60 เข็ม


แฟนสาวคนเจ็บเผย กลุ่มผู้ก่อเหตุไลน์มาขอซื้อกัญชา อ้างตัวเป็นตำรวจ ชักปืนจ่อหัว ยิงปืนขู่ ตำรวจพุ่งปมขัดแย้งธุรกิจสีเทา เผยทั้งคู่มีประวัติพัวพันยาเสพติด ล่าสุดรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี


จากรณีที่เพจทนายคู่ใจ โพสต์ภาพวงจรปิด เผยเหตุการณ์ชายชุดดำประมาณ 6-7 สวมโม่ง พร้อมอาวุธปืนลักษณะคล้ายอาวุธสงคราม บุกปล้นพ่อค้ากัญชา ในอาคารที่พักอาศัยของการไฟฟ้า ธนบุรี 2 ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา


โดยภาพวงจรปิดจะเห็นได้ว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวน 6-8 คน ขับรถเก๋งสีขาว และรถกระบะ เข้ามาจอดในพื้นที่อาคารที่พักอาศัยของการไฟฟ้า ธนบุรี 2 ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ก่อนนำอาวุธปืนลักษณะคล้ายอาวุธสงคราม บุกขึ้นไปบนห้องพักของผู้เสียหาย ลงมือทำร้ายร่างกายใช้ท้ายปืนกระหน่ำตีบริเวณศีรษะของ นายวิวัฒน์ โรจนทรัพย์กุล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเอาปืนจี้คนที่อยู่ในห้อง แอบอ้างเป็นตำรวจข่มขู่ เรียกเอาทรัพย์สิน และมีการยิงข่มขู่จนได้รับความเสียหาย


เมื่อวันที่ 16 ต.ค.65 ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้พบกับ น.ส.ดาราวดี สวนสำราญ หรือ ไอซ์ อายุ 25 ปี แฟนของนายวิวัฒน์ โรจนทรัพย์กุล อายุ 26 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. เวลา 23.30 น. มีการนัดซื้อขายกัญชากับลูกค้าทางออนไลน์ โดยมีชาย 2 คน ทำทีขอขึ้นมาดูกัญชา ซึ่งตอนนั้นภายในห้องมีคนอยู่ 5 คน คือ นายวิวัฒน์ ตัวผู้บาดเจ็บ ลูก 3 คน และรุ่นน้องคนสนิทอีก 1 คน ส่วนตนยังอยู่ข้างล่าง


พอผู้ก่อเหตุถึงห้องทั้งสองได้เข้าทำร้ายแฟนของตนและน้องชายทันที ส่วนตนเองตามขึ้นไปทีหลัง ได้ยินเสียงครึกโครม ภายในห้องและแฟนของตนตะโกนขอความช่วยเหลือ ตนจึงได้พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งขึ้นมาพร้อมอาวุธ ประมาณ 4 คน จับตนกดกับพื้น พร้อมพูดข่มขู่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ ในจังหวะนั้นตนพยายามต่อสู้จัดขืนชกไปที่เป้ากางเกง 1 ในผู้ก่อเหตุ จนทำให้ชายคนดังกล่าวได้ยิงปืนใส่ประตูและท่อน้ำเพื่อขู่ตน จังหวะเดียวกันตนเห็นปลอกกระสุนปืนสีตกอยู่ซึ่งกำลังเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ชายกลุ่มดังกล่าวได้เก็บเอาไปด้วย ตนเองจึงใช้ในช่วงจังหวะที่พยายามต่อสู้ขัดขืน ตนได้กระชากหน้ากากอนามัยกลุ่มชายดังกล่าวจนสามารถจำหน้าได้


ขณะที่ นายพัลลภ กลางชัยศรี หรือ มีน อายุ 24 ปี รุ่นน้องคนเจ็บที่อยู่ในห้อง เล่าว่า ชาย 2 คนที่อยู่ในห้อง ได้ใช้ปืนยาวกระหน่ำฟาดไปที่ท้ายทอยและศีรษะของ นายวิวัฒน์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมจับกดลงกับพื้น และพูดจาข่มขู่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ ก่อนมีการเรียกเอาทรัพย์สิน ซึ่งในห้องมีลูกชายของคนเจ็บอายุ 9 ขวบ พยายามยกมือไหว้ขอชีวิตพ่อ แต่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนจ่อหัวและข่มขู่เด็กอีกด้วย ขณะนั้นตนได้พยายามขัดขืน แต่ถูกผู้ก่อเหตุยิงปืนขู่ และพยายามลากร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากห้องแต่ไม่สำเร็จ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้ยินว่ามีการแจ้งตำรวจจึงได้วิ่งหลบหนีไป


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองได้เปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ผู้ได้รับบาดเจ็บ และกลุ่มของตนเคยถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าคน อุ้มตัวไปทำร้ายร่างกาย อ้างว่านายวิวัฒน์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ โกงเงินค่ากัญชา จนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน หลังจากนั้นได้ถูกชายคนหนึ่งซึ่งรู้จักดี ทำธุรกิจคาร์แคร์ ย่านดาวคะนอง โทรมาข่มขู่ ในครั้งนั้นตนได้เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี จนมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้น


ขณะที่ นางสาวพรพิมล สวนสำราญ อายุ 32 ปี พี่สาวของแฟนสาวผู้บาดเจ็บ ได้เปิดเผยปมขัดแย้งว่า ก่อนหน้านี้น้องเขยไม่เคยรู้จักชายคนนี้มาก่อน เพียงแค่ชายคนนี้ทักผ่านไลน์และขอซื้อกัญชา ซึ่งเมื่อน้องเขยสอบถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าขายกัญชา อีกฝ่ายจึงบอกว่าได้รับการแนะนำจากบุคคลที่สาม และเมื่อสอบถามก็ทราบว่าคนดังกล่าวสามารถเชื่อใจได้ จึงไว้วางใจซื้อขายกัญชาด้วย


ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร เพราะทั้งน้องสาวและน้องเขย ติดคุกคดีกัญชา 11 เดือน และเพิ่งพ้นโทษ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าคนร้ายต้องการมาปล้น เพราะน้องสาวและน้องเขยที่ถูกจับกุมไป และถูกยึดทรัพย์ ซึ่งหลังจากปลดล็อกกัญชา ก็ได้ทรัพย์สินคืนรวมถึงกัญชา 400-500 กิโลกรัม รวมมูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งตอนที่คนร้ายใช้ปืนจ่อศีรษะนั้น คนร้ายพูดว่า พระเครื่อง-ทองอยู่ไหน แต่น้องเขยมีห้องที่ไว้ใช้เก็บของมีค่าอีกหนึ่งห้อง คนร้ายจึงเอาไปได้แค่แหวนทอง 1 บาท และกุญแจรถฮอนด้า ซีวิค เท่านั้น แต่ไม่ได้รถไป เพราะเริ่มมีคนได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ


ส่วนสาเหตุที่ต้องร้องทุกข์กับสื่อมวลชน เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด ตำรวจไม่ได้ให้ความสนใจที่จะช่วยเหลือทางคดี แถมยังข่มขู่น้องชาย และมีพฤติกรรมเข้าข้างผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งเป็นกระแสข่าวในวันนี้ ตำรวจเพิ่งจะเข้ามาสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ


ขณะที่อาการของนายวิวัฒน์  ผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่ากะโหลกแตก ต้องเย็บมากถึง 60 เข็ม ขณะที่มีเลือดคลั่งในสมอง แต่สามารถที่จะสื่อสารได้ ซึ่งได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด


ด้าน พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม ระบุว่าเบื้องต้น คนร้ายมีการใช้อาวุธปืน ยิงข่มขู่เจ้าของห้องพักและญาติ ๆ รวมถึงมีการทำร้ายร่างกายเจ้าของห้องพักด้วย อีกทั้งหลังก่อเหตุคนร้ายได้เก็บปลอกกระสุนปืนทั้งหมดที่ยิงก่อนหลบหนีออกไป


จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่เดินทางมาก่อเหตุนั้น มีการนัดหมายกับเจ้าของห้องพักเพื่อซื้อขายกัญชากันในยามวิกาล คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรู้จักกันมาก่อน เพราะเจ้าของห้องเปิดประตูต้อนรับ ให้เข้าไปในห้องก่อนที่จะเกิดเหตุ จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องธุรกิจสีเทา


ซึ่งตัวเจ้าของห้องพักนั้นก็มีประวัติเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.9 จับกุมข้อหาพัวพันกับยาเสพติดและมีประวัติถูกยึดทรัพย์ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการทุเลา จึงจะให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อสรุปสำนวนคดีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Ql7UPQTAAv0


คุณอาจสนใจ

Related News