อาชญากรรม

คดีไม่คืบ! นร.ชายขืนใจ นร.หญิง คาหอพักกักตัว แฉ รร.ไม่ไล่ออก ไม่ลงโทษ หนุนเป็นนักกีฬาดีเด่น

โดย nattachat_c

26 ก.ย. 2565

797 views

แฉซ้ำ 5 นักเรียนบุกข่มขืนยังไม่โดนไล่ออก ญาตินักเรียนหญิง เหยื่อถูกรุ่นน้องบุกข่มขืน คาหอกักตัวโควิด โรงเรียนประจำเพชรบูรณ์ ร้องปวีณา หลังเรื่องไม่คืบ นักเรียนชายที่ก่อเหตุ ยังไม่ถูกไล่ออก ตามที่โรงเรียนเคยบอกไว้ แต่กลับให้เรียนออนไลน์ หนุนเป็นนักกีฬาดีเด่นของโรงเรียน จี้เอาผิดครูเวร และ 2 นักเรียนหญิง หัวโจกร่วมชี้เป้า ยืนคุมบังคับห้ามขัดขืน


จากกรณีที่ นางสาวเอ (นามสมมุติ) ป้าสะใภ้ อายุ 43 ปี อยู่ อ.เมืองเลย จ.เลย ร้องเรียนสื่อว่า นางสาวฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี หลานสาว เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.เพชรบูรณ์ ถูกนักเรียนชายในโรงเรียนขึ้นมาที่หอกักตัวเด็กหญิงที่ติดโควิด บังคับข่มขืนหลานสาว ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนกว่า 30 คน ทางโรงเรียนขอให้ปิดข่าวให้เด็กยอมรับว่าเป็นการสมยอม


คืบหน้าวานนี้ (25 ก.ย. 65) นางสาวเอ (นามสมมุติ) พาหลานสาวเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ  เพื่อขอช่วยติดตามคดีให้ความเป็นธรรม โดยวันเกิดเหตุหลานถูกข่มขู่จากนักเรียนหญิงหัวโจก 2 ราย ห้ามบอกใครมิฉะนั้นจะตามทำร้าย และชี้จุดให้นักเรียนชายมาข่มขืน เหตุเกิดช่วง 5 ทุ่ม วันที่ 24 ส.ค.65


หลังทางโรงเรียนทราบเรื่อง เด็กนักเรียนชายที่ร่วมก่อเหตุอีก 5 คน ก็ไม่ได้ถูกไล่ออกตามที่ครูเคยแจ้งไว้ ส่วนนักเรียนหญิงหัวโจก 2 ราย ก็ไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใด กลับจะได้รับการสนับสนุนจากทางโรงเรียนให้เป็นนักกีฬาดีเด่น ในขณะที่หลานสาวของตนต้องมีตราบาปติดตัวไปตลอด และต้องย้ายโรงเรียนสภาพจิตใจย่ำแย่


ป้าสะใภ้ของเด็กผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้พาหลานสาวไปเรียนชั้น ม.3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ วันที่ 21 ส.ค.65 ทางโรงเรียนตรวจพบหลานติดโควิด จึงต้องแยกไปกักตัวที่สถานที่ที่โรงเรียนจัดเตรียมไว้ แยกหญิงและชาย โดยมีนักเรียนหญิงที่ถูกกักตัวประมาณ 30 คน  


วันที่ 23 ส.ค.65 เพื่อนนักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ได้นัดนักเรียนชาย 4 คน แอบขึ้นมามีเพศสัมพันธ์กันบนหอกักตัวโดยที่ครูเวรอยู่ข้างล่างไม่ทราบเรื่อง นักเรียนชายเข้าไปมีความเพศสัมพันธ์กันในห้องกักตัว โดยจะใช้วิธีนอนคลุมโปงกัน ซึ่งนักเรียนหญิงที่ติดโควิดถูกกักตัวทั้งหมดก็นอนอยู่ในห้องนั้นด้วย และนักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ก็ได้ข่มขู่ทุกคนห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกกับครู ถ้าหากใครเอาเรื่องไปบอกจะตามทำร้าย จึงไม่มีใครกล้าที่บอกครู


ต่อมา วันที่ 24 ส.ค.65 เวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อนนักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ดังกล่าว ได้นัดนักเรียนชายขึ้นมาบนหอกักตัวอีกครั้ง โดยมีนักเรียนชายแอบขึ้นมา 6 คน ซึ่ง 1 ใน 6 คน จะคอยดูต้นทาง นักเรียนชายอีก 4 คน ก็จับคู่กันเหมือนเดิม และมีนักเรียนชายอีก 1 คน อายุ 15 ปี นักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ได้ชี้มาที่หลานลักษณะชี้เป้าว่าเป็นเด็กใหม่ และให้นักเรียนชายคนดังกล่าวกระทำโดยการนอนคลุมโปง


ซึ่งหลานสาวไม่มีแรงที่จะต่อสู้ขัดขืนเพราะเป็นไข้ หลานถูกกระทำจนสำเร็จความใคร่ หลังจากกระทำเสร็จนักเรียนชายทั้งหมดได้ออกจากห้องไป พร้อมด้วยเพื่อนอีก 5 คน ได้ออกจากห้องพักไปโดยทำท่าทีไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีใครกล้าที่จะไปบอกครู เพราะถูกกลุ่มนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ข่มขู่ไว้


ป้าสะใภ้ของเด็กผู้เสียหาย กล่าวต่อมา ทางโรงเรียนล็อกประตูหอแล้ว แต่ครูเวรมี 2 คน สลับเช้าเย็น ครูเหนื่อยจึงขอพักทำให้คืนนั้นไม่มีครูเวรเฝ้า ป้ามาทราบจากหลานสาวภายหลังว่า หลัง 3 ทุ่ม ครูไม่ได้ล็อกประตูหอเลย จะเปิดกุญแจไว้ให้เด็กขึ้นลงทำธุระส่วนตัวสะดวก และกลัวเหตุไฟไหม้เด็กจะออกมาไม่ได้เหมือนที่เคยเป็นข่าว


หลังเกิดเรื่องตนโทรหา ผอ.แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ กระทั่งวันที่ 13 ก.ย. ตนมาพบนางปวีณา หงสกุล ประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ จากนั้นวันที่ 14 ก.ย.  ผอ.โรงเรียนฯ โทรหาป้าทั้งวันบอกว่า “ทางโรงเรียนขอโทษด้วย ทางโรงเรียนยอมรับความผิดพลาดขอโอกาสแก้ตัวได้มั้ย” ป้าจึงบอกไปว่า “จะให้แก้ตัวยังไงโรงเรียนจะช่วยอะไร” ทาง ผอ. บอกว่า “จะขอไปเยี่ยมสอบถามสอบถามสภาพจิตเยียวยาน้องได้มั้ย”


พอวางสายจาก ผอ. ก็มีคณะครูอีกชุดโทรหาป้าบอกว่าเป็นตัวแทนโรงเรียนจะมาเยี่ยมน้อง เอาหนังสือมาให้ ครูท่านหนึ่งพูดว่า “จริง ๆ ป้าคุยง่ายนะ แต่ทำไมวันนั้นป้าคุยยากจัง วันที่ 8 ก.ย. เราก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ทำไมปล่อยให้เป็นข่าวถึงผู้ใหญ่ เราคุยกันตกลงกันได้แล้วนะ” ทางโรงเรียนยังบอกอีกว่าเหตุเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งที่พลาดไปแล้วมันเรียกขึ้นไม่ได้ ขอให้โรงเรียนแก้ไขได้มั้ย  ป้าได้ยินแล้วเจ็บปวดใจ


"หลานเพิ่งเข้าไปเรียนที่โรงเรียนได้เพียง 2 เดือน ใครที่เพิ่งเข้าไปใหม่ก็ต้องเป็นรุ่นน้อง ซึ่งเด็กที่อยู่ก่อนก็ถือเป็นรุ่นพี่ หลานยังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ เรื่องที่เกิดขึ้นหลานเราต้องมีตราบาปไปตลอดชีวิต สภาพจิตใจย่ำแย่ต้องย้ายโรงเรียน ขณะที่ผู้กระทำความผิดยังลอยนวล และทางโรงเรียนพยายามจะให้ทางเรายอมความไม่เอาเรื่อง ซึ่งครอบครัวตนไม่ยอม ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด”


ขณะที่ป้าสะใภ้ของเด็กยังกลัวความไม่เป็นธรรมอยู่ วันนี้ (26 ก.ย.) เวลา 11.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จะพาแม่และป้าเดินทางไปพร้อมนายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ไปที่โรงเรียนดังกล่าว เพื่อประชุมสรุปหาแนวทางแก้ไขและแนวทางป้องกันไม่ให้เหตุเกิดขึ้นซ้ำอีก


ซึ่งป้าสะใภ้และแม่ของเด็กยังมีข้อข้องใจในหลายประการที่ต้องการคำตอบจากโรงเรียนฯ

1. เหตุใดเด็กนักเรียนชายที่ก่อเหตุทั้ง 6 คน ยังไม่ได้รับการลงโทษ ยังคงเรียนออนไลน์อยู่

2. เหตุใดนักเรียนหญิงหัวโจก 2 คน ยังไม่ได้ถูกลงโทษ

3.หลังเกิดเหตุทำไมทางโรงเรียนจึงแจ้งผู้ปกครองล่าช้า ร่วม 10 วัน ถ้าเด็กเกิดตั้งครรภ์หรือติดโรคทางเพศจะทำอย่างไร



ด้านแม่ของเด็กผู้เสียหาย อายุ 38 ปี เผยว่า หลังเกิดเรื่องมีครูโทรมาหาบอกให้ตนไปโรงเรียนขอปรึกษาอะไรหน่อย ไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว ตนจึงให้ป้าของเด็กกับลุง เดินทางจาก จ.เลย ไปโรงเรียนฯ ที่ จ.เพชรบูรณ์ “พอทราบเรื่องเสียใจมากแทบจะเป็นลม ไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กคนไหนอีกหรือเปล่า ลูกสาวยังทำใจไม่ได้ พูดไม่รู้เรื่องกลัวไปหมด ข้องใจโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองล่าช้า ยืนยันลูกสาวไม่ได้สมยอม แม่ระแวงกลัวตั้งครรภ์หรือติดโรคทางเพศ คิดมากไม่เป็นอันกินอันนอน”


นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ป้ากับลุงได้พาหลานสาว มาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิฯ ตนจึงได้ประสานนายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ทันที เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และรายงานเรื่องต่อนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ


เรื่องนี้ร้ายแรงมากไม่ควรจะเกิดขึ้นในโรงเรียน ต้องมีมาตรการเด็ดขาด และมีบทลงโทษผู้กระทำความผิด ช่วยเหลือผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนได้ประสาน พ.ต.อ.รณฤทธิ์ สุธาพจน์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ให้ป้าพาหลานไปแจ้งความเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา (มีรายเดียวที่แจ้งความ/นร.หญิงคนอื่นไม่ได้แจ้ง)ตำรวจส่งเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว นัดสอบสหวิชาชีพในวันที่ 27 ก.ย.นี้  


ขณะที่ทางโรงเรียน มีมาตรการห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้อง เข้า-ออก โรงเรียน โดยให้เหตุผลเพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กนักเรียนที่พักอาศัยอยู่ในโรงเรียน ส่วนเรื่องที่มีข่าวออกมาว่า ทางโรงเรียนได้ไล่นักเรียนที่ก่อเหตุออกจากโรงเรียนแล้วนั้น ทางโรงเรียนได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่ายังไม่ได้ไล่เด็กออกเด็ก ยังคงอยู่ในโรงเรียน


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โรงเรียน ซึ่งวานนี้คณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้ลงพื้นที่สอบเงียบ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงผลของการตรวจสอบ ว่าได้ข้อสรุปออกมาอย่างไรบ้าง ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าในพื้นที่ โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องทำการติดต่อกับทางผู้บริหารเสียก่อน ได้ผลประการใด ทางเจ้าหน้าที่จึงจะปฏิบัติตามคำสั่ง ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนบอกเพียงว่า เรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่เป็นข่าวไปแล้ว แต่ตนเองไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/gU4_vRrLm-0

คุณอาจสนใจ

Related News