อาชญากรรม
ที่แท้พี่น้องกัน! จัดฉากชิงเงิน 3.4 ล้าน ใช้ไปแล้ว 2 แสน ซื้อไอโฟน 14 ไป 2 เครื่อง
โดย nattachat_c
22 ก.ย. 2565
150 views
จากกรณี คนร้ายใส่ชุดไรเดอร์ ก่อเหตุขี่มอเตอร์ไซค์ ใช้อาวุธปืนปลอม จี้ชิงเงินสด จำนวน 3 ล้าน 4 แสน 6 หมื่นบาท จากพนักงานบริษัท pj wood บริเวณ ถนนราษฎรอุทิศ ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นางสาวประภาพร บุญมีสนม เสมียนของบริษัท และชายที่ใส่ชุดไรเดอร์ เข้าไปชิงกระเป๋าเงิน และตะโกนบอกว่ามึงรักกันมากใช่มั้ย สร้างสถานการณ์ว่าเป็นการทะเลาะวิวาท สรุปแล้วชายรายนี้ คือ นายจตุพล บุญมีสนม น้องชายของนางสาวประภาพร เสมียนสาว สรุปแล้วคือสองพี่น้องนี้เป็นผู้ก่อเหตุ
วานนี้ หลังมีข้อมูลว่า ทั้งสองร่วมกันวางแผนจี้ชิงเงินสดครั้งนี้ ตำรวจควบคุมตัวทั้งสองคนสอบปากคำ โดยแยกกันสอบ และนำไปตรวจค้นจุดที่ซุกซ่อนเงินของกลาง สามารถติดตามเงินของกลาง ได้มาทั้งหมด 3 ล้าน 2 แสน 6 หมื่น 3 พัน 5 ร้อยบาท โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ใช้เงินไปประมาณ 2 แสนบาท โดยอ้างว่า ได้นำเงินไปซื้อโทรศัพท์ ไอโฟน 14 สองเครื่อง ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ และใช้ในการหลบหนี
จากการสอบปากคำเบื้องต้น สองพี่น้องให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะเล่นบิทคอยน์ โดยได้นำเงินลงทุนไปเป็นจำนวนมาก จนเงินขาดมือ จึงร่วมกันวางแผนก่อเหตุเ พื่อที่จะหาเงินไปใช้จ่าย และเพื่อไปใช้หนี้ต่างๆ
พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐาน ยื่นศาลจังหวัดชลบุรี ขอหมายจับกุม นางสาวประภาพร บุญมีสนม และนายจตุพล บุญมีสนม สองพี่น้อง ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ โดยในวันนี้ (22 ก.ย. 65) จะนำตัวทั้งสองมาแถลงข่าว ที่สภ.บ้านบึง ในเวลา 10.30 น.
ไล่เรียงเหตุการณ์ คดีนี้ต้องบอกว่า หลังเกิดเหตุ มีแต่คนสงสัยว่า ทำไมเรื่องราวแปลกๆ ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด พบว่าหลังเกิดเหตุ นายจตุพร น้องชาย ซึ่งไปซื้อเสื้อไรเดอร์มาใส่ ก็ขี่ จยย.หนีไปที่ไร่อ้อย ซอยเชิดน้อย บ้านบึง ห่างจากจุดเกิดเหตุ 3.4 กิโลเมตร
โดยช่วงที่หลบหนี มีกล้องวงจรปิด บันทึกภาพได้ เวลา 11.57 น. ภาพวงจรปิดหน้าร้านขายต้นไม้ ริมถนนเซิดน้อย-มาบไผ่ ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จับภาพชายสวมชุดไรเดอร์ที่ก่อเหตุ ขี่จักรยานยนต์ผ่านอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปป่าอ้อย ช่วงที่ผู้ก่อเหตุขับผ่านจุดนี้ ใช้มือขวาบิดคันเร่ง ส่วนมือซ้ายกุมกระเป๋าเงินสดไว้ ขับไปที่ป่าอ้อยอย่างรวดเร็ว
วานนี้ ตำรวจพบจุดที่ทิ้ง จยย. ฮอนด้าเวฟ สีม่วง จอดทิ้งไว้ในป่าอ้อย ในสภาพมีผ้านวมคลุม เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า รถคนนี้มีการใช้สีพ่นทับอีกชั้นหนึ่ง ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือ ทะเบียนรถ และพบกระเป๋าไรเดอร์ อยู่ท้ายรถด้วย
หลังจากนั้น ตำรวจได้ข้อมูลว่า นอกจาก จยย.แล้ว คนร้ายก็ใช้รถกระบะ สีขาว อีซูซุดีเเมกซ์ ทะเบียน งข 9234 เมื่อตำรวจตรวจสอบทะเบียน พบว่า กระบะคันนี้ เป็นของ นางสาวประภาพร พี่สาว โดยวิธีการก่อเหตุ คือ
- นายจตุพล นำ จยย.ที่ก่อเหตุ ใส่ท้ายรถกระบะ และเอาผ้านวมคลุม จากนั้นก็เอารถกระบะ ไปจอดในป่าอ้อย
- เอา จยย.ไปก่อเหตุ
- ทิ้ง จยย.แล้วขับรถกระบะ หลบหนีไป จะสังเกตว่า ป่าอ้อยมีทาง เส้นทางหลบหนีธนาคาร - ไร่อ้อย ระยะทาง 3.4 กม.
- นำรถกระบะ มาเข้าอู่ซ่อมรถ เคลมประกัน
ทีมข่าว เดินทางไปที่อู่ซ่อมรถในพื้นที่ ต.สเม็ด จ.ชลบุรี ซึ่งนายจตุพล นำรถกระบะอีซุซุดีเเมกซ์ ที่ใช้ขับหลบหนี นำมาเคลมซ่อมสีที่บริเวณไฟท้าย โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ ตอนที่นายจตุพลลงมาจากรถ ก็เปลี่ยนชุด ไม่ได้ใส่เสื้อไรเดอร์แล้ว
ทีมข่าวสอบถาม พนักงานอู่ซ่อมรถ เล่าว่า นายจตุพล มาถึงอู่ช่วง 13.00 น. จากการสังเกต ไม่เห็นนำเงินหรือกระเป๋ามาด้วย เจ้าตัวมีอาการปกติ บอกว่าปวดท้อง และให้พนักงานรีบออกใบเคลมรถให้เร็วๆ และขอให้พนักงานพาไปส่งวิน จยย.ที่ใกล้อู่ซ่อมรถ จากนั้นวิน จยย. ไปส่งที่ห้างเซ็นทรัล โดยไม่มีท่าทางพิรุธอีกเช่นกัน
พนักงานอู่ซ่อมรถ ยืนยันว่า ทางอู่ไม่รู้เห็นกับการก่อเหตุ รู้สึกตกใจที่มารู้ข่าวว่านี่คือคนร้าย และตกใจตอนตำรวจมาที่อู่ เมื่อตำรวจเอาภาพให้ดู ก็ยืนยันว่า รถคันนี้ นายจตุพลขับมาเคลมประกันจริง
คดีนี้ต้องบอกว่า มีพนักงานชายขับรถอีก 1 คน นายกฤษชภัชร์ สุรกุล อายุ 24 ปี ตำรวจได้ควบคุมตัวสอบปากคำ จากข้อมูลพบว่า นายกฤษชภัสร์ ไม่ได้รู้เห็นกับสองพี่น้อง ในการก่อเหตุ ตำรวจกันไว้เป็นพยาน
ในส่วนของ นางสาวประภาพร เสมียนสาวรายนี้ พบประวัติ มีรายได้ต่อเดือนกว่า 3 หมื่นบาท และในอดีต เคยมีแฟน วานนี้นายชัย นามสมมุติ อดีตแฟนของนางสาวประภาพร เดินทางมาพบตำรวจตามคำขอร้องของแม่ นางสาวประภาพร ที่ขอให้มาดูนางสาวประภาพรและน้องชายที่โรงพัก และมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นายชัยเล่าว่า ตนและนางสาว ประภาพร เคยคบหากัน 3 ปี ตอนเเรกกังวลว่า จะถูกโยนความผิดว่าตนเองเกี่ยวข้อง เพราะมีการคุยโทรศัพท์กันก่อนเกิดเหตุ 4 วัน
เเต่ตนมีหลักฐานยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุ อยู่บ้านทั้งวัน แต่ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุ นัดเจอกับนางสาวประภาพรเพื่อกินหมูกะทะ เเต่หลังจากนั้น นางสาวประภาพร โทรมาบอกว่า ไม่ต้องติดต่อมาอีกเเล้ว
ขณะที่คนเห็นเหตุการณ์ สงสัยเสมียนสาวตั้งแต่แรก เงินหาย 3 ล้าน แต่ไม่ตกใจร้องให้คนช่วย
ทีมข่าวของเรา ได้ลงพื้นที่ไปจุดเกิดเหตุ ซึ่งห่างจาก สภ.บ้านบึง เพียง 400 เมตร พบกับ เจ้หมอ เจ้าของร้านผัดไทย ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และช่วยเสมียนสาว และคนขับรถถูกชิงเงิน เปิดเผย หลังจากมีกระแสข่าวว่า เสมียนสาวรายนี้เป็นผู้ร่วมวางแผน เจ้หมอบอกว่า ชาวบ้านทุกคนในเหตุการณ์สงสัยกันหมด ว่ามันแปลกๆ
ตอนเกิดเหตุ เริ่มจากคนขับรถ วิ่งหนี ชายใส่เสื้อไรเดอร์ เข้ามาในซอยชกต่อยกัน และด่าเรื่องแย่งแฟนกัน และชายใส่เสื้อไรเดอร์วิ่งกลับมาที่รถตู้ เข้าไปในรถ และมีการฉุดกระชากกันในรถ ก่อนที่ชายใส่เสื้อไรเดอร์ จะเอากระเป๋าเงินไป และตะโกนว่ามึงรักกันมากใช่มั้ย
ตอนนั้นทุกคนเข้าใจว่าเรื่องชู้สาว จะเข้าไปห้ามปรามว่าอย่าทำร้ายร่างกายกัน ไม่มีใครรู้ว่าเป็นการชิงเงินกว่า 3 ล้าน จากนั้นเสมียนสาวก็ลงจากรถ ไม่ได้มีท่าทีตกใจ แล้วบอกว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น หนูไม่ได้มีแฟน มันมีอะไรมากกว่านั้น
เจ้หมอบอกว่า หากคนโดนปล้นเงินไป 3 ล้าน ต้องร้องตะโกนให้คนช่วยโจรขโมยเงิน และต้องตกใจมากกว่านี้แต่ เสมียนสาวรายนึ้ กลับมาอธิบายว่า ไม่มีแฟน ตามที่ไรเดอร์ตะโกนด่า จุดนี้คือพิรุธมาก หากไม่มีการโทร.แจ้งตำรวจ ก็ไม่มีใครรู้ ว่ามีการชิงเงินกว่า 3 ล้าน มันแปลก ไม่เหมือนคนโดนขโมย ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/BpRxR5tMNYc