อาชญากรรม

'ธงแดง' ยังหยุดไม่อยู่! หนุ่มขับเก๋งชน 3 นร.ตัวปลิว คาทางม้าลายหน้า รร. ไร้สำนึก ชนเสร็จรีบไปทำงานต่อ

โดย nattachat_c

22 ส.ค. 2565

2K views

จิตสำนึกในการชะลอรถ หรือจอดรถ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการเดินข้ามถนนในเมืองไทย น่าจะยังไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะตั้งแต่ 'คดีหมอกระต่าย' ก็ยังมีเหตุชนคนขณะที่ข้ามทางม้าลายให้เห็นอยู่เรื่อยๆ อย่างกรณีล่าสุดนี้


ชายขับเก๋งพุ่งชนนักเรียนข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียน ตัวลอยกระเด็น ไร้คำขอโทษอย่างจริงใจบอก “ขอโทษไม่ได้ตั้งใจรีบไปทำธุระ” ผู้ปกครองคาใจไม่พาเด็กส่ง รพ.ขับรถไปทำงานต่อ ลูกนอนร้องผวาเห็นทางม้าลายตัวสั่นไม่กล้าข้าม ลั่น! ขอให้ขับรถมีสติกว่านี้


ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pawarissara Pompom โพสต์คลิปวงจรปิด ขณะที่นักเรียนชาย 1 คน ชั้น ม.4 และนักเรียนหญิง 2 คน ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพญาไท กรุงเทพฯ กำลังเดินข้ามทางม้าลาย มีเจ้าหน้าที่เขตราชทีวี ยืนโบกธงแดงให้รถหยุด โดยมีรถเก๋ง สีดำ ขับเลี้ยวซ้ายออกมาจากคอนโดฯ พุ่งชนกลุ่มเด็กนักเรียนจนล้มกระเด็น ได้รับบาดเจ็บ คนละแวกนั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนคนขับเปิดประตูรถลงมาดู ก่อนจะเดินขึ้นรถขับออกไป


ผู้โพสต์เป็นป้าของนักเรียนชาย โพสต์ระบุว่า “ขับแบบนี้ไปขี่ควายแทนได้นะ เจ้าหน้าที่ก็โบกให้หยุด ทางก็ทางม้าลาย จะต้องให้หลานตรูไปเดินที่ไหนบ นหัวมึงเลยมั้ย ชนเสร็จไม่ถามเด็กสักคำ บอกไปคุยโรงพักแล้ว คุยกับประกัน รีบไปทำงานต่อ จิตใต้สำนึกและความคิดความรู้สึกมึงมีแค่นี้จริงเหรอ หมอรักษาหมา ยังไม่อยากให้เป็นเลยแบบนี้ ตรรกะแย่ #ทำงานดี #อาชีพดี #จิตใจน่าจะดีตามนะ แค่หลานตรูเย็บ 8 เข็ม แผลที่เข่าอีก แผลเดี๋ยวหาย จิตใจเด็กคือภาพจำนะมึง นี่ขนาดหน้าโรงเรียน”


ทีมข่าวได้คุยกับแม่ของนักเรียนชายชั้น ม.4 ที่ถูกชน เผยว่า เหตุเกิดวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 7 โมงครึ่ง ตนขี่รถจักรยานยนต์ ไปส่งลูกชายไปโรงเรียน โดยลงถนนฝั่งตรงข้าม เพื่อจะเดินข้ามทางม้าลายไปโรงเรียนถนนอีกฝั่ง ตนขี่นรถคล้อยหลังไปไม่ถึง 1 นาที ก็เกิดเหตุขึ้น พอกลับถึงบ้านลูกทักแชทไลน์มาบอก “หนูโดนรถชน รถมันไม่จอด” พร้อมส่งภาพใต้คางแตกแผล ตกใจมาก


ลูกชายเล่าให้ฟังว่า คนขับรถเก๋งลงมาจากรถแล้วยกมือไหว้ รอประกัน ไม่คุยกับใครแล้วก็ขับรถไปทำงานต่อ บอกไปเจอกันที่โรงพัก พอตนไปถึง สน.พญาไท เขาไม่ขอโทษ ผู้ปกครองนักเรียนหญิงจึงถามว่า "ไม่คิดจะขอโทษไม่ถามอาการเลยเหรอ" คนขับรถเก๋งเป็นชายวัยกลางคนตอบว่า "ผมตั้งสติอยู่ เดี๋ยวเสร็จผมจะไล่กราบทุกคนเลย" ตนไม่ทราบเขาทำงานอะไร


แม่นักเรียนชาย ระบุอีกว่า "เวลาขับรถขอให้ตั้งสติระมัดระวังให้มากกว่านี้ อีกทั้งจุดเกิดเหตุก็อยู่ใกล้โรงเรียนด้วย ไม่น่าจะขับรถมาเร็วขนาดนั้น ตรงทางม้าลายก็มีคนโบกธงควรจะชะลอ ตอนนี้ลูกชายหลอน ไม่กล้าเดินข้ามทางม้าลาย แม่เห็นคลิปแล้วตกใจ เดชะบุญที่ไม่เป็นอะไรมาก หัวไม่ไปกระแทกพื้น ใต้คางแตกเย็บ 8 เข็ม เข่า สะโพกเป็นแผลถลอก"


หลังเกิดเหตุคนขับรถเก๋ง บอกให้คุยกับประกัน จนป่านนี้ยังไม่ติดต่อมาถามไถ่อาการ เสียความรู้สึกมาก ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเขาบอกจะรับผิดชอบ แต่เรื่องค่าทำขวัญ ต้องคุยกันอีกที โดยวันเกิดเหตุลูกไปสอบด้วย ขาดเรียน 2 วันในวันจันทร์นี้ ต้องไปตรวจร่างกายอีกครั้ง


“คาใจไม่พาเด็กไปโรงพยาบาล กลับมีกะจิตกะใจขับรถไปทำงานต่อ ครูพาไปทำแผลห้องพยาบาลแล้วพาไปโรงพยาบาลดูแลอย่างดี หมดค่ารักษา 15,000 บาท จุดเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่โบกธง มันดูปลอดภัยมาก ไม่น่าจะเกิดขึ้น เห็นแต่ข่าวไม่คิดจะเกิดขึ้นกับตัวเอง”


น้องพลอย อายุ 13 ปี นักเรียนหญิงชั้น ม.2 ที่ถูกรถชน เล่าว่า ตนกับเพื่อนนักเรียนหญิงอีกคนไปเซเว่น กำลังเดินข้ามทางม้าลายไปโรงเรียน ไม่ทันสังเกตรถ เพราะมีคนโบกธงให้ข้ามแล้ว จู่ๆ ก็โดนชนโดยไม่รู้ตัว จนร่างกระเด็นไปข้างหน้า มีคนมาพยุงตัวลุกขึ้น ชาทั้งตัว แสบสะโพก เลือดไหลนิ้วมือ ข้อศอกขวาเป็นรอยช้ำ ส่วนคนขับรถเก๋งเปิดประตูลงจากรถยกมือไหว้ แล้วก็ขับไปจอดข้างทางเดินกลับมาไหว้อีกครั้ง “ขอโทษครับไม่ได้ตั้งใจ” แล้วก็เดินขึ้นรถขับออกจากจุดเกิดเหตุ  ตอนนี้หวาดกลัว เห็นทางม้าลายแล้วใจสั่นไม่กล้าเดินข้าม มันทำให้นึกถึงภาพที่เขามาชน


แม่ของน้องพลอยนักเรียนหญิงชั้น ม.2 รายนี้เผยว่า เมื่อเห็นทางม้าลายคนขับควรชะลอหรือจอด โดยเฉพาะบริเวณโรงเรียน ตนดูคลิปแล้วน้ำตาไหล สงสารลูกกลัวเป็นหนัก หลังเกิดเหตุคนขับรถเก๋งยังไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร โดยนัดคุยกัน 31 ส.ค. ตนดูคลิปเห็นเหมือนคนขับเปิดประตูรถลงมาในมือ ถือโทรศัพท์ จึงไม่แน่ใจว่าเขาใช้โทรศัพท์ขณะเลี้ยวรถออกมาจากคอนโดฯ หรือไม่ ไม่ทันเห็นเด็กเดินข้ามทางม้าลาย อย่างไรก็ตาม มีเทศกิจโบกธงอยู่ เป็นไปได้เหรอที่จะมองไม่เห็น


“สภาพจิตใจลูกสาวค่อนข้างแย่ นอนร้องไห้ผวาทุกคืน กรี๊ดร้องว่าคนขับรถจะชนหนู จนแม่ต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจลูก แค่เห็นถนนเดินข้ามทางม้าลายตัวสั่น ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเดินออกจากบ้าน สภาพลูกสาวไม่เจ็บหนัก แต่จิตใจต้องดูแลอีกยาวนาน จากที่เคยปล่อยลูกสาวไปโรงเรียนกลับบ้านเอง ก็ต้องไปรับไม่ส่งที่โรงเรียนทุกวัน”



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/H5db4KrXsCA

คุณอาจสนใจ

Related News