อาชญากรรม

ให้เป็นคดีตัวอย่าง! ลูกสาวยันเอาผิด ตร.ทางหลวง-กู้ภัย ประมาททิ้งร่างพ่อคารถ 12 ชม.

โดย nattachat_c

12 ส.ค. 2565

24 views

ความคืบหน้ากรณี นายภัทรชัย อายุ 68 ปี ขับรถเก๋งชนแบริเออร์บริเวณ ถนนมอเตอร์เวย์ กม.ที่ 105 ขาเข้าพัทยา ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี


โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ ระบุว่า ไม่พบคนขับขี่ จึงนำรถไปยังที่เก็บรถของกลางนานกว่า 12 ชั่วโมง ก่อนภายหลังจะพบศพทีหลัง กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง


วานนี้ น.ส.จิตรชญา วัย 30 ปี ลูกสาวผู้ตาย เดินทางมารับศพที่ สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ โดยลูกสาวเปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนคาใจเรื่องการเสียชีวิต โดยวันเกิดเหตุ ไม่รู้ว่าพ่อประสบอุบัติเหตุ ออกตามหาทั้งวัน แต่ไม่พบ จนกระทั่งช่วงค่ำ ได้รับแจ้งจากตำรวจ ว่าพ่อของตัวเองเสียชีวิตภายในรถยนต์หลังจากถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่เก็บของกลาง ตำรวจทางหลวง หลังจากเกิดเหตุนานกว่า 12 ชั่วโมง


ขณะนั้น ไม่ได้ติดใจ เรื่องการเกิดอุบัติเหตุ เพราะตำรวจให้ดูกล้องวงจรปิด และแจ้งว่าในขณะเกิดเหตุไม่มีคู่กรณี เป็นการขับรถยนต์เกิดอุบัติเหตุด้วยตนเอง


แต่หลังจากทราบว่า มีกู้ภัยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนานกว่า 15 นาที แต่ไม่พบศพ จึงสงสัยว่าพ่อตนเองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หรือเสียชีวิตขณะที่รถยนต์ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีตำรวจ โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดจะบอกว่ามองไม่เห็นพ่อ เหตุผลฟังไม่ขึ้น


โดยในใบมรณะ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต เกิดจากภาวะเลือดคั่งในช่องเยื้อหุ้มหัวใจ เนื่องจากขั้วหัวใจฉีกขาด ปริแตก และกระดูกซี่โครงหัก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า อาการดังกล่าวทำให้เสียชีวิตทันที ในที่เกิดเหตุหรือไม่


โดยส่วนตัวเชื่อว่า อาการที่แพทย์ระบุ ไม่น่าจะทำให้พ่อเสียชีวิตทันที หากได้รับความช่วยเหลือ คงไม่ตาย ซึ่งตนสงสัย และคาใจเรื่องการไปตรวจสอบที่รถ ทำไมจึงไม่เห็นพ่อ หากมองอย่างละเอียดเชื่อว่ายังไงก็เห็น หลังจากจะเดินหน้าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งหลังเกิดเหตุ ยังไม่ได้รับคำชี้แจง หรือขอโทษจากกู้ภัยทางหลวง มีแค่เจ้าหน้าที่ทางหลวงแจ้งว่า จะจัดการงานศพให้


ขณะที่ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เป็นที่ปรึกษาให้กับลูกสาวผู้เสียชีวิต โดยพบว่า กรณีนี้ความผิดปกติหลายอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่า ไม่เห็นร่างผู้เสียชีวิต จึงขอดูวงจรปิด ช่วงการยกรถและเคลื่อนย้ายรถมาไว้ที่เก็บของกลาง แต่เจ้าหน้าที่ทางหลวงปฏิเสธ โดยอ้างว่า จะกระทบต่อรูปคดี


จากนั้นลูกสาวและครอบครัว ก็เดินทางไปที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งความกับ ร.ต.ท.กิตติธัช เทียนแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับตำรวจทางหลวงที่รับแจ้งเหตุและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสอบผู้บาดเจ็บให้ถี่ถ้วนจนอาจเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถเสียชีวิตได้


ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้ตำรวจชลบุรีทำคดี เพราะหากนายภัทรชัย ยังไม่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จะไปขยับรถได้อย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความประมาทเลินเล่อ ขณะที่ผลชันสูตรบอกสาเหตุการตาย แต่ตอบไม่ได้ว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังประสบอุบัติเหตุ และแพทย์ไม่ได้ยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตตามที่ตำรวจระบุว่า เป็นการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ตำรวจต้องไปหาวิธีตรวจสอบ


ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย ติดต่อมาว่าจะรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพงานศพเท่านั้น วันนี้จึงมาแจ้งความกับตำรวจทางหลวงและกู้ภัย ในข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพราะเหตุเกิดจากความมักง่าย จะต้องถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะ กระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงายต้นสังกัดของกรมทางหลวงก็ต้องรับผิดชอบด้วย


ทางด้าน น.ส.จิตรชญา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดติดต่อเข้ามาแสดงความรับผิดชอบถึงเรื่องนี้ เพียงแต่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานศพและขอแสดงความเสียใจเท่านั้น รู้สึกติดใจที่เหตุใดที่หาพ่อตนเองไม่พบตั้งแต่ในที่เกิดเหตุ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ค้นหาให้ถี่ถ้วน และตำรวจระบุ คาดว่าจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่พอดูสภาพศพก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นตามนั้นจริงหรือไม่


“อยากให้กรณีนี้เป็นคดีตัวอย่างว่า ให้เจ้าหน้าที่ค้นหาคนเจ็บอย่างละเอียด ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีก หากพ่อไม่เสียชีวิตในตอนนั้น คงต้องทรมานมากทั้งจากความร้อนและหายใจไม่ออก และเรื่องนี้ ต้องมีผู้ที่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดเหตุ”


เบื้องต้น พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายพร้อมพิจารณาประกอบพยานหลักฐานและจะมีการพิจารณา เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/-PnlusAVNag

คุณอาจสนใจ

Related News