อาชญากรรม

แถลงคดีชายฆ่าโหดหญิงวัย 75 ปีดับ ผู้ต้องหาอ้างถูกกัดนิ้วจึงก่อเหตุ ก่อนขโมยเงินเกือบ 2 พัน

โดย paranee_s

7 ก.ค. 2565

295 views

จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา มีชายปีนกำแพงบุกเข้าไปในบ้านของนางสุธาสินี อายุ 75 ปี ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี แล้วฆ่าชิงทรัพย์นางสุธาสินี เสียชีวิตในบ้านช่วงกลางวัน ในสภาพถูกแทงด้วยของมีคมถึง 32 แผล โดยก่อนเกิดเหตุได้สวมหมวกอำพรางใบหน้า แถมยังขี่รถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาก่อน


ต่อมาชุดสืบสวน สภ.ชะอำ ตามไปจับตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายเจมส์ อายุ 24 ปี ได้ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในเพิงพักสวนยาง ในตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ชะอำ พร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีชมพู ส่วมเสื้อยืด 2 ชั้น ใส่หมวก และรองเท้าแตะที่ใช้ในวันก่อเหตุ


เบื้องต้นนายเจมส์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุแทงนางสุธาสินี 32 แผล จนเสียชีวิต และที่ผ่านมาถูกจับติดคุกมาหลายครั้ง ล่าสุดได้รับอิสรภาพเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 ก่อนออกมาทำงานรับจ้างหลายที่ และเคยเป็นลูกน้องของช่างแอร์ โดยทำหน้าที่ยกล้างเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเคยไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ 1 ครั้งในช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา แล้วไปทำงานก่อสร้างที่ อำเภอบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์


ก่อนเกิดเหตุ 4 วัน พบว่าเพิ่งเสพยาบ้ามา จากนั้นยืมรถจักรยานยนต์หัวหน้างาน อ้างว่าจะไปธุระ แต่ต้องการไปลักทรัพย์ เมื่อถึงบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดประตูเจอผู้เสียชีวิตร้องเอะอะโวยวาย จึงยกมือข้างซ้ายห้ามไม่ให้ร้อง พยายามเอามือปิดปาก แต่กลับถูกกัดที่นิ้วก้อยข้างซ้าย จึงใช้มีดแทงและชิงทรัพย์เงินสดได้ไปประมาณ 2,000 กว่าบาท แล้วหลบหนีนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย และบุกรุกเข้าไปในเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ


ล่าสุดพลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นประธานในการแถลงผลการจับกุม โดยก่อนแถลงได้เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อน พร้อมนำนายเจมส์มาสอบสวนอีกเล็กน้อย โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ซักถามนายเจมส์


โดยเปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องการเสพยาเสพติดด้วย ซึ่งคนร้ายสวมเสื้อ 2 ชั้น เพื่อถอดอำพรางหลังก่อเหตุ ส่วนทรัพย์สินที่ขโมยไป ผู้ต้องหาให้การว่า 1,900 กว่าบาท แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ โดยต้องสอบสวนจากญาติ ๆ อีกครั้ง รวมถึงต้องหาอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุด้วย


ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า ในวันที่ 5 กรกฎาคม ก่อนก่อเหตุ คนร้ายยืมจักรยานยนต์ของนายจ้าง มาจากที่แคมป์คนงานในตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จากนั้น ขี่รถจักรยานยนต์ตั้งใจมาก่อเหตุ จากแคมป์คนงาน มาที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 20 กิโลเมตร


ก่อนที่จะขี่รถกลับไปที่แคมป์คนงานก่อสร้างในตำบลหินเหล็กไฟ เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่า ในช่วงเย็นจะมีรถกระบะ ซึ่งเป็นรถคนงานพาไปทำงานที่แคมป์คนงานก่อสร้างในตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน


จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาอ้างว่าเงินขาดจึงยืมรถจักรยานยนต์ขี่มาก่อเหตุ โดยอ้างว่า เคยมาที่บ้านยายเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ตอนมาเป็นผู้ช่วยซ่อมแอร์ในบ้าน จึงทราบดีว่า ในบ้านมีสมาชิกเพียง 3 คน คือ คุณยาย คุณตาที่ป่วยติดเตียงและ ลูกสาว


เมื่อกลับมาก่อเหตุเข้าไปข้างใน อ้างว่าผู้เสียชีวิตตะโกน และกลัวยายจำหน้าได้ เลยเอามือซ้ายปิดปากยาย ยายได้กัดไปที่นิ้วก้อยซ้าย ผู้ต้องหาอ้างว่าโมโห เลยกระหน่ำแทง


ซึ่งพฤติกรรมของคนร้าย มีการเตรียมการมาอย่างดี เพราะคนร้าย ได้มีการซื้อเสื้อ และกางเกงใหม่มาเปลี่ยนหลังก่อเหตุ และทราบดีว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 5 กรกฎาคม จะมีรถของคนงานมารับที่แคมป์หินเหล็กไฟ ไปที่อำเภอบางสะพาน


ขณะเดียวกันคนร้ายทราบดีว่าบ้านหลังเกิดเหตุตั้งอยู่ลึกสุดในซอย แม้จะอยู่ห่างจากถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนใหญ่ประมาณ 3 กิโลเมตร และมีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน แต่เมื่อเข้ามาได้สัก 1-2 กิโลเมตร ถนนเริ่มเป็นดินแดง และบ้านเรือนตั้งอยู่ห่างๆ กัน ซึ่งสภาพบ้านผู้ตาย ด้านข้างถูกขนาบด้วยทุ่งนารกร้าง ที่ดินที่อยู่ติดกันก็เป็นที่ร้าง แม้จะมีบ้านของเพื่อนบ้านอยู่ตรงข้าม แต่ก็ไม่มีผู้อยู่อาศัย


นอกจากนี้ จะมีการสอบสวนโดยละเอียด ว่าทำไมต้องแทงผู้เสียชีวิตถึง 30 แผล ทั้งที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ขณะเดียวกันจะตรวจสอบไปยังผู้ให้ที่พักพิงหลังก่อเหตุด้วย ว่ามีรู้เห็นและช่วยเหลือหรือไม่ เนื่องจากไซต์ก่อสร้างที่ผู้ต้องหาทำงาน มี 2 ไซต์งาน คือ ที่บางสะพาน และที่หัวหิน โดยที่หัวหินขาดคน เพิ่งรับมาทำงานได้ 2 วัน พอก่อเหตุก็หนีกลับไปที่บางสะพาน อย่างไรก็ตาม วันนี้จะยังไม่มีการนำตัวนายเจมส์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น


ขณะเดียวกันวันนี้ ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ได้มาที่ สภ.ชะอำ พร้อมดอกไม้ให้กำลังใจตำรวจ ที่สามารถตามจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นได้เปิดเผยว่า อยากให้คนร้ายได้รับโทษประหารชีวิต ไม่อยากให้แค่รับสารภาพก็ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ตนทำใจให้อภัยไม่ได้ ตอนนี้ยังรู้สึกผิดที่กินยานอนหลับจนหลับลึก ทำให้ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ ยืนยันแม่เป็นคนจิตใจดี เอ็นดู เอื้อเฟื้อกับช่างที่มาทำงานทุกคน ไม่คาดคิดเลยว่า ช่างที่เคยมาบ้านจะมาก่อเหตุแบบนี้


หลังจากนี้จะย้ายออกจากบ้านนี้ เพราะไม่สามารถลบภาพจำที่คุณแม่เสียชีวิตไปได้ ตอนนี้เป็นห่วงสภาพจิตใจของพ่อ และต้องบอกว่าแม่จากไปแล้วด้วยอาการของโรคหัวใจ ไม่สามารถบอกความจริงได้


ส่วนเรื่องที่คนร้ายอ้างว่า ต้องฆ่าถูกกัดก่อน ถือเป็นเรื่องไร้เหตุผลมาก เอาเข้าจริงแม่ควรจะต่อสู้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แค่กัดนิ้วต้องแทงถึง 30 แผลเลยหรือ เขาควรโดนโทษประหารชีวิต เราไม่อยากให้เขาอยู่บนโลกใบนี้


ผู้สื่อข่าวได้ตามต่อไปที่บ้านช่างแอร์ ที่เคยไปทำงานในบ้านผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ที่อำเภอหัวหิน เมื่อนำภาพผู้ต้องหาให้ช่างแอร์ดู ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไอ้เจมส์จริง ๆ ด้วย” เพราะภาพจากกล้องวงจรปิด ลักษณะเหมือนเจมส์มาก และเจมส์ชอบเล่นกับหมา


หนึ่งในช่างแอร์ บอกว่า ไม่รู้ว่าเจมส์เป็นคนที่ไหน เคยเป็นผู้ช่วยช่าง และเคยไปทำงานกับเจมส์ที่บ้านคนตาย 1 ครั้ง ในวันนั้นที่ไปด้วยกัน นายเจมส์ก็ทำงานปกติ แต่นายเจมส์เป็นคนที่ชอบเล่นกับสุนัข ดูท่าทางไม่ใช่คนดุร้าย เป็นคนขี้น้อยใจ ถูกบ่น ถูกด่า ก็น้อยใจเหมือนเด็ก ไม่สู้งาน ตนเองไม่คาดคิดว่านายเจมส์จะเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อรู้จึงรู้สึกตกใจ ตนเองคลับคล้ายคลับคลาว่าใช่นายเจมส์หรือไม่ แต่พี่ ๆ ก็บอกว่า ใช่แน่นอนเพราะท่าวิ่งเหมือน


แต่พักหลังมานี้ นายเจมส์อาจมีปัญหาเรื่องเงิน เคยโทรมายืมรุ่นพี่ของตน 500 บาท แต่ไม่มีใครให้ไป และหลังจากออกงานไป ก็ไม่รู้ไปประกอบอาชีพอะไร หรือตกงาน ตอนไปทำงานบ้านผู้เสียชีวิต เธอใจดีมาก หาข้าวหาอาหารให้ทานตลอด พอทำงานเสร็จจะเดินทางกลับ ยังให้เงินอีกคนละ 200 ไม่คิดว่านายเจมส์จะย้อนกลับไปทำร้ายได้ถึงขนาดนี้


ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ครอบครัวได้นำร่างของนางสุธาสินี มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดมฤคทายวัน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทันทีที่ร่างเคลื่อนมาถึง ลูกๆ ได้จุดธูปบอกกับดวงวิญญาณของคุณแม่ว่า "แม่ตามมานะ" ก่อนที่จะนำโลงศพบรรจุร่างลงจากรถตู้ เข้าไปภายในศาลา


ทีมข่าวได้พูดคุยกับลูกชายของผู้ตาย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ยังทำใจไม่ได้ มันแย่ที่สุดในชีวิตแล้ว ส่วนตัวไม่รู้จะบอกกับพ่อว่ายังไง กลัวพ่อจะรู้ว่าคู่ชีวิตได้จากไปแล้วจะเสียใจมาก ซึ่งตนเองได้บอกกับดวงวิญญาณของแม่ว่า ให้มาอยู่ที่นี่ รอส่งวิญญาณขึ้นสวรรค์


ส่วนตัวทราบว่า คนร้ายเป็นคนที่เคยเข้ามาในบ้านนั้น ตนเองไม่อยากเห็นหน้า เพราะยังทำใจไม่ได้


ด้านย่าผู้ต้องหา ระบุ ตกใจที่เห็นข่าวว่าหลานก่อเหตุ และไม่คิดจะไปเยี่ยมปล่อยให้รับเวรรับกรรมไปเอง


คุณอาจสนใจ

Related News