อาชญากรรม

'อัจฉริยะ' ลั่นเทหลักฐานหมดหน้าตัก เชื่อ DSI รับเป็นคดีพิเศษ มั่นใจ 'แซน' ให้การเท็จล้าน%

โดย thichaphat_d

19 พ.ค. 2565

68 views

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเข้าให้ปากคำและยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำให้การ กรณีที่ได้มายื่นขอให้กรมสอบสวนคดีสืบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโมเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มา พร้อมกับท่อพีวีซี จำนวน 3 ท่อ ที่บรรจุทรายและโคลนที่นายอัจฉริยะได้ให้นักประดาน้ำไปงมเก็บที่จุดเกิดเหตุในแม่น้ำเจ้าพระยามาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนมาสอบปากคำตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนัด โดยนำวัตถุพยานที่เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 ชุด และพยานบุคคล 13 ปาก ซึ่งหลักๆ จะมีเรื่องเรือที่ใช้ก่อเหตุ โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของ กฟผ. ว่ามีเรือจำนวน 2 ลำ ไปจอดที่ท่าเรือทรายพร้อมกัน / หลักฐานเรื่องบาดแผลที่ต้นขาข้างขวา ที่พิสูจน์แล้วว่าเกิดจากของมีคม ไม่ใช่ใบพัดเรือแน่นอน ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นการฆาตกรรม / หลักฐานเรื่องโคลนในปอดและหลอดลม ที่ไม่สอดคล้องกับจุดที่ตกและจุดที่พบศพ และเรื่องทรายในกำมือ ที่มีไทด์ เอกพันธ์ เป็นพยานยืนยันว่ามีทรายอยู่ในมือ 1 ข้าง และลักษณะของทรายคล้ายกับทรายบนเรือบนทรายที่จอดตรงจุดดังกล่าว


นอกจากนี้ ยังได้ยื่นประเด็นที่มีข้อสงสัย เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสืบสวน เช่น ประเด็นเรื่องสาราี่เจอในร่างกายแตงโม ที่มีสำนักข่าวหนึ่งเปิดเผยว่าเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่เจอในร่างกายคนบนเรือ ประเภทยานอนหลับ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า แตงโมมีการรักษากับหมอและหมอสั่งจ่ายยาหรือไม่ หากไม่มี ก็ชัดเจนว่าเป็นการวางยาเพื่อฆาตกรรม / เรื่องช่วงเวลาขณะเกิดเหตุ ที่เจ้าของอู่เรือ NBC ให้การว่า ได้รับโทรศัพท์ว่ามีคนตกเรือ เวลา 22.20 น. แต่ตำรวจแถลงว่าแตงโมตกเรือเวลา 22.34 น. จึงน่าสงสัยว่า รู้ก่อนจะตกได้อย่างไร


ส่วนพยานบุคคลรวมทั้งหมด 13 ปากนั้น ประกอบไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน เช่น คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และ พันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ที่เป็นพยานปากสำคัญเรื่องบาดแผล / แพทย์นิติเวชของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม / แต๊งค์ พงศกร ที่ยืนยันได้ว่าแตงโมเป็นคนขี้กลัว ไม่มีทางไปปัสสาวะท้ายเรือ / นักประดาน้ำที่ยืนยันเรื่องจุดตกและทรายโคบนที่เก็บได้ว่าไม่สอดคล้องกัน / ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือสปีดโบ๊ทที่ให้ข้อมูลว่า เรือรุ่นนี้เมื่อตกท้ายเรือ จะถูกดีดออกไม่ใช่ดูดเข้า / และคนชื่อ อะตอม ซึ่งรู้จักนิสัยใจคอคนบนเรือเป็นอย่างดีว่าเมื่อใจร้อนแล้วจะเป็นอย่างไร / รวมถึงยังมีพยานที่บ้านอยู่ใกล้ท่าเรือทราย ที่เห็นว่าคนบนเรือไปคุยกัน และชี้จุดตกซึ่งอยู่คนละฝั่งกับจุดตกที่ตำรวจแถลง / พยานที่ยืนยันว่า ปกติเวลาพบศพลอยน้ำ จะต้องพบริมตลิ่ง ไม่ใช่กลางแม่น้ำ


สำหรับเรื่องเรือ 2 ลำ เท่าที่ตนทราบข้อมูล กลุ่มคนบนเรือได้นำเรือลำที่ 2 ไปขายแล้ว ยอมรับว่าตนก็ยังไม่รู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน แต่ตนกำลังให้นายมงคลกิตติ์ช่วยตรวจสอบกับกรมเจ้าท่าว่าเรือลักษณะนี้ในประเทศมีกี่ลำ แต่ตนเชื่อว่าตอนนี้เรือลำดังกล่าวยังอยู่ในประเทศ และเชื่อว่าตำรวจก็รู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ และหากเจอเรืออีกลำ ก็คาดว่าอาจจะเจอสิ่งที่ไม่เจอในเรือลำแรก คือคราบเลือด


นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ตนยังเชื่อว่าเรื่องนี้ แซน วิศาพัช ให้การเท็จ ล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลักฐานทั้งหมดที่ตนนำมายื่น มั่นใจว่าจะทำให้เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมอำพราง แต่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่รายละเอียดของเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอกรมสอยสวนคดีพิเศษทำการสืบสวน ตนได้เขียนข้อสงสัยยื่นไปให้หมดแล้ว และหากหลักฐานชี้ได้ว่า แซนให้การเท็จ แตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ คดีก็ต้องมานับหนึ่งใหม่ทั้งหมด โดยวันนี้ ตนเทหลักฐานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหมดหน้าตัก และมั่นใจว่าหลักฐานแน่นและชัดเจนมาก หากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ ตนคิดว่าจะต้องรับเป็นคดีพิเศษ ยกเว้นแต่ว่าจะเกรงใจตำรวจ


ด้าน พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า วันนี้เป็นการให้นายอัจฉริยะนำข้อมูลมายื่นให้กับคณะทำงานสืบสวน ขั้นตอนหลังจากนี้นายอัจฉริยะจะต้องให้ถ้อยคำประกอบเอกสารที่ยื่นมา ซึ่งต้องใช้เวลา โดยต้องนำมาแยกดูว่ามีการยื่นเรื่องอะไรบ้าง / ต้องพิสูจน์หลักฐานชิ้นใดบ้าง / และต้องสอบพยานคนใดเพิ่มบ้าง


จากนั้นจะนำข้อเท็จจริงทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกับสำนวนการสอบสวนที่ได้รับมา ส่วนจะมีความเป็นไปได้ที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ตนคงตอบแทนคณะกรรมการคดีพิเศษไม่ได้ ตอนนี้มีหน้าที่เพียงรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริง และนำเสนอไปยังคณะกรรมการคดีพิเศษตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด


โดยเรื่องนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะสืบสวนและเริ่มทำงานไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ทนายนกเขาและคุณรสนามายื่นเรื่องไว้ ซึ่งจะถูกรวมเข้าเป็นสำนวนเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งโดยรวมตอนนี้การทำงานของคณะสืบสวนมีความคืบหน้าเรื่องข้อมูลพอสมควร และกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับฟังทุกประเด็นที่ยื่นมา ส่วนที่เคยบอกว่าหลักฐานที่ทนายนกเขาและคุณรสนายื่นมา ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วพบว่าไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษนั้น เมื่อวันนี้ นายอัจฉริยะ มีหลักฐานใหม่ก็สามารถนำมาเป็นประเด็นเพิ่มเติมในสำนวนได้



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/65DyEyhd1T8

คุณอาจสนใจ