อาชญากรรม

เสวนาคดีแตงโม ชี้ถ้าเป็น ตร.สหรัฐฯ จะตรวจหาลายนิ้วมือแตงโมที่ขาแซน – ตามตัว 5 คนถึงบ้าน ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ

โดย thichaphat_d

22 มี.ค. 2565

718 views

วานนี้ (21 มี.ค.) คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานเสวนา ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม กรณีคดีแตงโม นิดา จมน้ำเสียชีวิต โดยมี ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ / รองศาสตราจารย์ พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต / รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมเสวนา

ทนายเดชา ได้กล่าวถึงไทม์ไลน์ของคดีหลังจากเกิดเหตุ โดยระบุว่า คดีนี้มีความแปลกที่ทุกคนบนเรือที่จะไปเข้าพบพนักงานสอบสวน แม้ในฐานะพยาน แต่ก็มีทนายไปด้วย ซึ่งการมีทนายความไปเข้าพบตำรวจ ส่วนมากจะมีเหตุผลเดียว คือไม่อยากติดคุก ซึ่งข้อนี้ทำให้ทุกคนบนเรือ มีพิรุธ แต่พิรุธนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ เป็นเพียงสิ่งที่บอกว่า สิ่งที่พูดไม่น่าเชื่อถือ

โดยทนายเดชา เปิดเผยข้อมูลจากตำรวจว่า ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 24 ก.พ. เวลา 23.40 น. ว่ามีหญิงสาวพลัดตกเรือ ซึ่งทนายเดชาตั้งข้อสงสัยในข้อมูลที่ได้รับแจ้งว่า ไม่ได้บอกว่าคนตกเรือคือใคร แจ้งเพียงว่าเป็นหญิงสาว นั่นหมายความว่าอยากปิดข่าว และยังมีการนำเรือออกจากที่เกิดเหตุไปเก็บด้วย ก่อนที่คนบนเรือจะไปพบทนายความทันที

สำหรับการไปพบทนายความของคนบนเรือ มีการพบทนายความถึง 3 คน คนแรกที่ปั๊มเชลล์ในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ / คนที่ 2 ไปพบที่ร้านอาหารย่านราชพฤกษ์ช่วงสายวันรุ่งขึ้น / และคนที่ 3 ไปพบที่ร้านอาหารย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นคนที่พามาพบพนักงานสอบสวนในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ก.พ.

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนทราบมาว่า คนบนเรือจะมีการเปลี่ยนทนายความเป็นคนที่ 4 ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียง โดยการที่ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหามีการเปลี่ยนทนายความ นั่นอาจหมายความว่าปรึกษาทนายความเดิมแล้ว ดูท่าทางจะไปไม่รอด

ทนายเดชา ยังเปิดเผยด้วยว่า การตรวจร่างกายคนบนเรือมีการตรวจครั้งแรก 3 คน คือ ปอ โรเบิร์ต และจ๊อบ ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าในเวลา 21.00 น. ของวันที่ 25 ก.พ. และในวันที่ 1 มี.ค. ปอ โรเบิร์ต จ๊อบ และกระติก ได้มาทำการตรวจร่างกาย / ปัสสาวะ / เลือด ที่ สภ.เมืองนนทบุรี แต่มีเพียง แซน คนเดียวที่ไม่ยินยอมให้ตรวจปัสสาวะกับตรวจเลือด อย่างไรก็ตาม การที่ตำรวจจะตรวจได้ ต้องได้รับความยินยอม หรือมีข้อสงสัยอันสมควรให้ตรวจ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงไม่สามารถบังคับให้ตรวจได้

ทนายเดชา ทิ้งท้ายว่า หากย้อนไปหลังเกิดเหตุ ทั้ง 5 คนไม่เลือกที่จะไปหาทนายก่อนมาพบตำรวจ เรื่องก็จะจบโดยที่ไม่มีดราม่า เหตุการณ์จะเป็นลักษณะของการพาเพื่อนไปนั่งเรือกินเหล้าดื่มไวน์ และเกิดอาการมึนเมาจนตกเรือเท่านั้น แต่การที่ทั้งหมดเลือกไปหาทนายก่อนจึงทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ อธิบายถึงการตรวจสอบบาดแผลที่ขาของแตงโม ว่าบาดแผลที่ขา สามารถระบุได้ว่าเป็นแผลที่เกิดขึ้นก่อนการเสียชีวิต เพราะในเนื้อเยื่อยังมีเลือดแทรกอยู่ ซึ่งเป็นการตรวจโดยการเอาชิ้นเนื้อเยื่อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์

ส่วนกรณีลิ่มเลือด ในทางทฤษฎีสามารถอธิบายได้ว่า เมื่อบาดแผลเกิดขึ้นและมีเลือดไหลออกมา หากอยู่บนบก เลือดจะมีการแข็งตัว จับตัวเป็นก้อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-8 นาที หลังเกิดบาดแผล แต่ถ้าบาดแผลเกิดขึ้นในน้ำ น้ำก็จะชะล้างเลือดจนหมด ไม่เกิดการแข็งตัว อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องลิ่มเลือด ยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลใดที่บอกว่าพบลิ่มเลือดที่บาดแผลของแตงโมหรือไม่ และหมอพรทิพย์เองก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ผลผ่าชันสูตรสามารถบอกได้เพียงสาเหตุการเสียชีวิต แต่ไม่สามารถบอกพฤติการณ์ของการเสียชีวิตได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องดูประกอบกันหลายอย่าง ทั้งการสอบสวนและผลทางนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ ดังนั้น ผลการผ่าชันสูตรศพเพียงอย่างเดียว จึงไม่สามารถชี้ไปถึงการแจ้งข้อกล่าวหาได้

สำหรับการตรวจคราบเลือดบนเรือ รศ.นพ.วีระศักดิ์ ยืนยันว่า แม้จะมีการล้างทำความสะอาดไปแล้วแต่ก็ยังสามารถตรวจได้ ซึ่งในข้อนี้ ทนายเดชา ได้ยืนยันว่า บนเรือตรวจไม่พบคราบเลือด

รศ.นพ.วีระศักดิ์ ยังอธิบายถึงการตรวจร่างกายของผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัย ว่าตามหลักการแล้ว เมื่อพนักงานสอบสวนส่งตัวมาตรวจร่างกาย หมอจะต้องถามก่อนว่าคนไข้ยินยอมให้ตรวจไหม หากไม่ยินยอมก็ทำได้เพียงแค่แจ้งกลับไปยังพนักงานสอบสวน ไม่สามารถบังคับให้ตรวจได้

อย่างไรก็ตาม การที่พนักงานสอบสวนส่งตัวมาตรวจร่างกาย นั่นหมายความว่าจะต้องมีพยานหลักฐานสำคัญที่ทำให้เป็นเหตุต้องสงสัย การส่งตัวมาตรวจเป็นการตรวจเพื่อนำผลไปยืนยันข้อสงสัยเท่านั้น ซึ่งตนมองว่าการที่เลือกจะไม่ตรวจจะมีผลเสียมากกว่า เพราะไม่มีผลไปยืนยันหักล้างพยานหลักฐานในชั้นศาล

ส่วนการที่ทั้ง 5 คนบนเรือมาพบตำรวจช้า หลังผ่านไปแล้วกว่า 20 ชั่วโมง แน่นอนว่าต้องมีผลกระทบต่อผลการตรวจร่างกาย แต่จะกระทบเพียงแค่บางอย่างเท่านั้น ที่ชัดเจนเลยคือปริมาณแอลกอฮอล์ ส่วนเรื่องสารเสพติด หากตรวจในเลือด จะตรวจพบได้หากตรวจภายใน 1-2 วัน ส่วนในปัสสาวะจะอยู่ได้ 2-3 วัน

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ ยังคงยืนยันว่า ในมุมนักอาชญาวิทยา มองว่าพฤติกรรมของคนบนเรือทั้ง 5 คน ต่างจากพฤติกรรมของคนปกติทั่วไป ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยกับตำรวจ ทราบว่าตำรวจเองก็มีข้อสงสัยไม่ต่างจากที่สังคมสงสัย เพียงแต่การดำเนินคดีจะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าตำรวจมีพยานหลักฐานค่อนข้างที่จะครบแล้ว ต้องรอดูว่าหลักฐานที่มีจะสามารถดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องได้มากน้อยอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้องค์กรตำรวจ นำคดีนี้มาถอดบทเรียนเป็นอุทาหรณ์ เพื่อที่จะเปลี่ยนการทำงานของตำรวจให้เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น เพราะคดีนี้หลังเกิดเหตุมีการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีพยานหลักฐานต่างๆ เลือนหายไป แม้ว่าในคดีใหญ่ๆ มักจะมีการใช้คณะทำงานส่วนกลางเข้ามาช่วยคลี่คลายคดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเก็บพยานหลักฐานที่สำคัญหลังเกิดเหตุทันที

โดยตนมองว่า สาเหตุหนึ่งของความไม่เป็นมืออาชีพ คือ เรื่องระบบโครงสร้างขององค์กรตำรวจที่ตำรวจ 1 คน สามารถที่จะโยกย้ายไปได้ในทุกสายงาน ดังนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถถูกโยกย้ายมาเป็นพนักงานสอบสวนได้ ทำให้พนักงานสอบสวน อาจไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ส่งผลให้มองคดีไม่ขาด เนื่องจากต้องอาศัยทั้งองค์ความรู้และประสบการณ์

ยกตัวอย่างกรณีของคดีแตงโม ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นตำรวจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาบอกว่า การที่ แซน ให้การว่าแตงโมจับขาไว้ก่อนพลัดตกเรือ หากเป็นที่สหรัฐอเมริกา ตำรวจจะมีการตรวจลายนิ้วมือแตงโมที่ขาของแซนทันที ในคืนนั้นว่าพบหรือไม่ และถึงแม้ทั้ง 5 คนจะแยกย้ายกลับบ้าน ตำรวจก็จะต้องติดตามไปหาถึงบ้าน เพราะหากไม่อยู่ให้ความร่วมมือกับตำรวจหลังเกิดเหตุเท่ากับว่าผิดปกติ

ส่วนการจะแก้ไขโครงสร้างองค์กรตำรวจ จริงๆ มีการพูดคุยกันมานานมากแล้วแต่ก็ยังแก้ไม่ได้ เป็นเพราะองค์กรตำรวจถูกแทรกแซงได้ง่ายเนื่องจากขึ้นอยู่กับการเมือง ดังนั้น ถ้าตำรวจเองยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนก็คงไม่คาดหวังว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรม และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ks6vdyXteNo

คุณอาจสนใจ

Related News