อาชญากรรม

เพื่อนเล่ารับน้องโหด ‘น้องเปรม’ ถูกเตะต่อยไม่ยั้ง แก้ผ้าให้สาวมอง แฟนร่ำไห้แฉ ถ้าไม่ร่วมจะโดนรุ่นพี่แบน

โดย thichaphat_d

16 มี.ค. 2565

560 views

จากกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา แอบจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ จนเป็นเหตุทำให้นายพัดยศ ชลภักดี หรือ 'น้องเปรม' อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 ระดับ ปวส. แผนกช่างกลโรงงาน เสียชีวิต สาเหตุมาจากถูกรุ่นพี่ปี 2 ชก และถีบที่หน้าอกเหนือลิ้นปี่ จนหมดสติ ก่อนเสียชีวิตอย่างน่าสลด


โดย เพื่อนของน้องเปรม ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องครั้งนี้ด้วย เล่าว่า เหตุเกิดวันที่ 13 มีนาคม รุ่นพี่ได้นัดในเวลา 5 โมง เป็นรอบรับน้องรอบใหญ่ โดยรุ่นพี่มีแค่ปี 2  ประมาณ 32 คน บอกกับรุ่นน้องว่าให้มาเจอกัน โดยมีรุ่นน้องชั้นปีที่ 1 ที่เข้าไปเจอกับรุ่นพี่ ทั้งหมด 38 คน ด้วยกัน


ซึ่งเพื่อนของน้องเปรม ได้เล่าว่า การรับน้องครั้งนี้ มี 4 รอบด้วยกัน (แต่ละรอบจะเป็นคนละวันกัน) คือ

1.ให้ไปร้องเพลง คลานในน้ำที่เป็นทุ่งนา น้ำตื้น

2. รอบเสื้อดำ เป็นการรับเสื้อดำของสาขา ให้แก้ผ้าหมดเลย (ไม่ใส่กางเกงใน) ยืนเรียงหน้ากระดานร้องเพลง มีนักเรียนหญิงอยู่ด้วย ก็ให้นักเรียนหญิงยืนมอง

3. เหมือนรอบเสื้อดำ แต่มรการทดสอบร้องเพลงสถาบัน ใครร้องไม่ได้จะถูกชกและถีบ

4. ???




ซึ่งในรอบที่ 3 ที่เป็นวันเกิดเหตุนั้น รุ่นพี่นัดรวมพลกันในมหาวิทยาลัย เวลา 5 โมง หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม ก็ขึ้นรถเดินทางไปที่ป่า ซึ่งรุ่นพี่ได้ขับรถยนต์กระบะ 4-5 คัน มารับกลุ่มรุ่นน้องไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นไร่อ้อยกลางทุ่งนาโล่งเตียน โดยบริเวณเกิดเหตุมืดมาก เพื่อนของตนหลายคนพากันหวาดกลัว พอไปถึงก็นั่งรอให้รุ่นพี่มาครบก่อน


รุ่นพี่ที่มาถึงก่อนก็รินเบียร์ใส่แก้ว แล้วให้กินส่งต่อกันไป พอรุ่นพี่มาครบปุ๊บ รุ่นพี่ก็จุดธูป 1 กำ แล้วแจกรุ่นน้องคนละดอก ขอเจ้าที่เจ้าทางใช้สถานที่ตรงนั้นในการรับน้อง


พอขอเจ้าที่เสร็จ ก็เอาธูปไปปัก กลุ่มรุ่นพี่ได้สั่งให้กลุ่มรุ่นน้องผู้ชายถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด เปลือยกายล่อนจ้อน นอนเรียงแถวกับพื้น หากไม่พอใจกลุ่มรุ่นพี่ก็จะชกที่หน้าท้องหรือถีบหลัง และก็มีการร้องเพลงประจำแผนก ใครร้องเพลงผิดเพี้ยนก็จะถูกทำโทษ ให้เกร็งท้อง และจะต่อยช่วงท้อง ทั้งเตะ ถีบ ชก  โดนเหมือนกันหมดทุกคน รวมเปรมด้วย มันเป็นระบบหมู่ ใครร้องผิดก็โดนทั้งหมดเลย ยกเว้นผู้หญิงไม่โดนต่อย ไม่โดนถีบ


รุ่นพี่ปี 2 จะสั่งให้รุ่นน้องร้องเพลง รุ่นพี่อยากฟังเพลงไหนก็สั่งเพลงนั้น ถ้าร้องผิดจะถูกต่อย ส่วนร้องถูกก็จะรอดโดนต่อยไป  ซึ่งถ้าร้องผิดคนเดียว ในแถวที่ตนยืนมีรุ้นน้อง 23 คน จะโดนต่อยหมดทุกคน


ขนาดในกลุ่มมีคนหนึ่งใส่เหล็ก เพราะผ่าหัวมา ก็โดนต่อยที่ท้องด้วย พวกตนก็โดนโหม่งโลกเอาหัวปักดิน กลุ่ม 23 คนนี้ เปรมโดนหนักสุด โดนต่อยช่วงท้องและหน้าอก ซึ่งจำไม่ได้ว่าเปรมยืนอยู่คนที่เท่าไหร่  มันชุลมุน เวลาไปหารุ่นพี่ ยืนเรียงใครเรียงมัน พี่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้วต่อยเรียงตัวตั้งแต่คนแรกจนคนสุดท้าย


คนต่อยเปรม มี 7 คน มีรุ่นพี่คนหนึ่งชกเข้าที่ลิ้นปี่ของเปรม  ตอนแรกเปรมไม่ออกอาการ แต่อยู่ดีๆ เปรมก็ลงไปนอนกับพื้น เริ่มหายใจไม่ออกและหมดสติไป รุ่นพี่ก็เข้าไปดูปฐมพยาบาล เอายาดม เอาเสื้อพัดให้


พวกรุ่นพี่ก็ให้รุ่นน้องร้องเพลงต่อ ใครร้องผิดก็โดนอีก จนเปรมเริ่มปากซีดก็เลยหยุดการกระทำ แล้วหยิบเสื้อผ้าที่กองรวมกันไม่รู้เสื้อผ้าใครเอามาใส่ให้เปรม แล้วก็พาไปส่ง รพ. แต่สุดท้ายเปรมก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นพฤติกรรมของพวกรุ่นพี่ที่โหดร้ายเกินไป ตนรู้สึกเสียใจที่ต้องมาสูญเสียเพื่อนจากเหตุการณ์รับน้องครั้งนี้


ด้านการดำเนินคดี ตำรวจ สภ.มะเริง ได้เรียกกลุ่มรุ่นพี่มาสอบปากคำทั้งหมด 7 ปาก เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งหมดได้ยอมรับว่า มีการจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่จริง โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัย โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายกับกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 7 คนแล้ว และหากการสอบสวนพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป




ด้านรุ่นพี่ที่เป็นผู้ลงมือต่อยน้องเปรมจนเสียชีวิต เปิดเผยว่า กลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม ได้เตรียมการเพื่อที่จะทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ ได้มีการดื่มแอลกอฮอล์ และขอยอมรับว่าตนได้มีการต่อยหมัดเข้าใส่ที่บริเวณลิ้นปี่ของน้องเปรมไป 1 ครั้ง ทำให้น้องเปรมล้มลงหมดสติ


ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายน้องจนถึงขั้นชีวิต ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตนได้มีการกราบขอขมาพ่อแม่ของน้องเปรมไปแล้ว ซึ่งตนขอยอมรับผิดทุกอย่าง และให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

—--

ด้าน เพจฟซบุ๊ก ANTI SOTUS ได้โพสต์ข้อความว่า

“สายจากเพื่อนน้องเปรม

พี่เขาทำกันทั้งหมดประมาณ 30 กว่าคน เป็นพวกที่เอารุ่น รุ่นพี่เขาให้ยืนเรียงแถวกันตามเลขที่

แล้วรุ่นพี่ก็จะเข้ามาต่อยทีละคน

เช่น รุ่นพี่เลขที่ 1 จะต่อยรุ่นน้องเลขที่ 1-30 ไปทีละคน

รุ่นพี่เลขที่ 2 ก็มาต่อยเรียงกันไปเรื่อย ๆ ตามคนที่ 1

รุ่นพี่เลขที่ 3...... เลขที่ 4......ไปเรื่อย ๆ

น้องเปรมโดนทั้งต่อยหน้าอกด้วย และก็โดนถีบด้วย

ให้นึกภาพเหมือนทหารเกณฑ์ยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งแล้วครูฝึกมาต่อยท้องทีละคน

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ 5 คนนั้นแน่นอน ที่บอกว่ามี 5-6 คนนั้นเพราะพ่อถามว่าใครทำบ้าง แล้วก็รับกันแค่นั้น

แล้วเปรมมันเป็นโควิดลงปอด ไม่มีใครรู้ หมอเพิ่งมาบอกทีหลัง ตอนที่ตายไปแล้ว

(แอดมินคิดว่าถ้าเป็นโควิดด้วย กินเหล้าด้วย แล้วถูกกระแทกที่หน้าอกหลายครั้งด้วย โอกาสรอดแถบไม่มีเลยยากมากปอดไม่แข็งแรง เลือดสูบฉีด และถูกกระแทกที่ปอดและลิ้นปี่

พอต่อยเสร็จแล้วพี่เขาจะให้เดินกลับ เปรมก็ล้มลงไปหายใจไม่ทัน ตัวแข็งตาเหลือก

พอเอาไปโรงพยาบาลเขาก็ใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่หาชีพจรไม่เจอ หมอเลยบอกว่าอย่ายื้อเลยน้องเขาไม่ไหว

อย่าไปเชื่อว่ามีแค่ 5 คนครับ”



ด้าน พ่อของน้องเปรม น้ำตาคลอเบ้ากล่าวว่า รู้สึกเสียใจมาก หลังทราบข่าวลูกชายถูกรุ่นพี่รับน้องจนเสียชีวิต เบื้องต้นทราบว่าน้องเปรมถูกรุ่นพี่ 5-6 คน รุมทำร้าย และถูกชกที่หน้าอก จนล้มฟุบหมดสติและเสียชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น


เคยเห็นแต่ในข่าวในอดีตมีการรับน้องโหด ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับลูกตัวเอง ตนเองรักลูกคนนี้มาก เขาอยากเรียน มทร.อีสาน ก็ตามใจ ในใจพ่ออยากให้ลูกกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่น้องเปรม บอกอยากเรียนที่นี่ เพราะมีเพื่อน


คนที่เสียใจที่สุดคือพ่อแม่ ที่ต้องมาสูญเสียลูกชายที่เป็นความหวังของครอบครัว เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อว่าถูกชกเพียงครั้งเดียวจนเสียชีวิต เพราะลูกชายเป็นคนแข็งแรง และเป็นนักกีฬาฟุตบอล  ตนก็ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก อยากให้ลูกชายเป็นคนสุดท้าย ยืนยันต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยตนเองเคยขอให้ลูกชายเรียนที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ลูกไปอยู่หอพักคนเดียว แต่ลูกก็ไม่ยอม


พ่อขอน้องเปรม กล่าวต่อว่า รุ่นพี่ที่ก่อเหตุได้มากราบขอขมาแล้วและร้องไห้ด้วยความสำนึก แต่ตนยังไม่ได้คุยอะไรกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ แค่สอบถาม “ทำไมถึงทำขนาดนี้ มาสำนึกตอนนี้ลูกชายพ่อก็เสียไปแล้วแต่พ่อไม่ให้อภัยหรอก”


พ่อระบุว่าอีกว่า “พ่อเจ็บและทรมานจิตใจแค่ไหน ถ้าจะรับผิดชอบพ่อก็โอเค ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก ขอให้จบที่น้องเปรม ตอนนี้พ่อยังทำใจไม่ได้  ร้องไห้ตลอด เจ็บอยู่ที่ใจพูดไม่ออก พ่อไม่แค้น อยากให้ลูกไปสบาย ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีก ตนนั่งบนรถตอนนำศพมานิติเวชฯ ก็เคาะโลงศพบอกพ่อมารับแล้วนะ จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้”


ด้าน แม่ของน้องเปรม กล่าวว่า  สะเทือนใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ สูญเสียลูกมันยิ่งใหญ่ ลูกที่เรารักจากไปไม่มีวันกลับ แม่รักลูกมาก ศพก็ยังไม่ได้เห็นหน้า หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งกว่าใจสลาย อยากฝากบบอกรุ่นพี่ที่ทำกับรุ่นน้องว่าต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก ให้ลูกชายแม่เป็นศพสุดท้าย แม่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย การกระทำของรุ่นพี่โหดเกินไป น้องเปรมถูกซ้อม เตะ ต่อย คิดดูจะตายอย่างทรมานขนาดไหน ไม่อยากให้มีกิจกรรมรับน้องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะมันดูโหดร้าย ทางสถาบันการศึกษาก็ไม่ได้มีมาตรการนี้ แต่รุ่นพี่แอบรับน้องกันเอง ทางสถาบันฯ ก็ต้องเคร่งครัดให้มากกว่านี้


ด้านแฟนสาวของน้องเปรม ซึ่งตั้งครรภ์ประมาณ 2 เดือน เผยว่า หลังเกิดเหตุรุ่นพี่ที่รับน้อง โทรมาหาตนเพื่อขอบัตรประจำตัวประชาชนของเปรม ไม่ได้บอกจะเอาไปทำอะไร และไม่บอกว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับเปรม กระทั่งมีรุ่นพี่อีกคนโทรมาแจ้งว่า “เปรมหายใจไม่ทันตอนนี้มันอยู่โรงพยาบาล” ระหว่างที่ตนกำลังจะไปโรงพยาบาล รุ่นพี่คนดังกล่าวโทรกลับมาว่า “ให้ทำใจดี ๆ เปรมไปแล้ว” ตนได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเปรมแข็งแรงมาก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ความช่วยเหลือครอบครัวโดยยินดีจะชดใช้และออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้




ด้าน มหาวิทยาลัยเทคโนโลนีราชมงคลอีสาน หรือ มทร.อีสาน ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจเหตุรับน้องนอกสถานที่ โดยระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดการรับน้องนอกสถานที่และทำให้มีนักศึกษาระดับชั้น ปวส. มทร.อีสาน นครราชสีมา เสียชีวิตนั้น ขอเรียนว่ามหาวิทยาลัยมีนโยบายอย่างเด็ดขาดเคร่งครัดที่ห้ามมีการรับน้องไม่ว่าในสถานที่หรือนอกสถานที่หรือการประชุมเชียร์ใด ๆ อย่างเด็ดขาด ตามประกาศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เรื่อง งดการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ และประชุมเชียร์ ประจำปีการศึกษา 2564


มหาวิทยาลัยได้รับทราบเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วยความเสียใจยิ่ง และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของน้องนักศึกษาดังกล่าวที่ต้องสูญเสียบุตรผู้เป็นที่รัก และอนาคตของชาติ อันเป็นผลจากการกระทำของกลุ่มนักศึกษาที่กระทำลงไปโดยขัดกับประกาศและกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงยิ่ง ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีถึงที่สุดต่อไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/GP1vSuDb4gI

คุณอาจสนใจ

Related News