จับพิรุธ เด็ก 4 ขวบดับปริศนา ช้ำทั่วตัว แม่เชื่อฝีมือพี่เลี้ยง อีกฝ่ายโต้ เห็นรอยช้ำตั้งแต่เอาเด็กมาส่ง

จับพิรุธเด็ก 4 ขวบ เสียชีวิตปริศนา มีรอยช้ำทั้งตัว หน้าตาบวมปูด แม่เด็กเชื่อฝีมือพี่เลี้ยง ด้านพี่เลี้ยงโบ้ยกลับ เห็นรอยช้ำตั้งแต่แม่เอามาส่ง แถมเด็กพูดก่อนตาย "บอกไม่ได้ว่าใครทำ เดี๋ยวเขาฆ่าหนู"



เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านหนองหอย อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ เข้าตรวจสอบในบ้าน พบร่างน้องเก้า เด็กชายวัย 4 ขวบ ในสภาพลำตัวมีรอยเขียวช้ำเกือบ 10 แห่ง ใบหน้าบวมปูดจนหน้าผิดรูป ปากแตก บริเวณลูกอัณฑะบวมปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เชื่อว่าน่าจะถูกทำร้าย จึงนำร่างส่งชันสูตร ที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ



น.ส.ประภาพิณ อายุ 22 ปี แม่เด็ก เผยว่า ตนเดินทางบ่อย จึงเอาลูกไปฝากเลี้ยง ก่อนสงกรานต์ตนมารับลูกไปอยู่กับแฟนใหม่ แต่รับประกันได้ว่า แฟนใหม่ไม่ได้ไม่ทำอะไรเลย เพราะเขาอยู่กับตนตลอด จากนั้นก็พาลูกกลับมาส่ง ลูกก็ร้องตามตน แต่ตนก็ตัดใจ กระทั่งเกิดเรื่อง ก็คิดว่าเป็นฝีมือคนที่เลี้ยง ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขนาดตนเป็นแม่ยังไม่เคยตีลูก



ด้าน น.ส.รุ่งทิวา พี่เลี้ยงเด็ก บอกว่า หลังแม่นำเด็กมาส่ง ตนได้พาไปอาบน้ำ ก็เห็นมีจุดเขียว ๆ ตามตัว มีรอยนิ้วตามตัว และมีรอยเชือก รอยกัดที่หน้าอก จึงได้ถามเด็กว่า ไปโดนอะไรมา เด็กบอกว่า "บอกไม่ได้เดี๋ยวเขาจะฆ่าหนู" จากนั้นก็บ่นว่าเจ็บท้อง เหนื่อย ก็ไม่ได้เอะใจว่าเด็กถูกทำร้ายมาหรือไม่ วันต่อมาตนก็ออกไปทำธุระ แล้วซื้อยาแก้ปวดท้อง กับยาลดไข้มาให้เด็กกิน โดยไม่ได้พาไปหาหมอ จากนั้นเด็กก็ซึมลง ก็เริ่มเอะใจว่า เด็กน่าจะถูกทำร้ายร่างกายมา แต่ไม่รู้ว่าใครทำ เพราะตอนที่แม่เอาลูกมาส่ง ก็ไม่มีใครเห็น ซึ่งวันที่เด็กเสียชีวิต ตนได้ออกไปทำธุระ พอกลับมาอีกที่ พี่ชายบอกว่า เด็กเสียชีวิตแล้ว



ผู้สื่อข่าวไปคุยกับนายเอ อายุ 52 ปี พี่ชาย น.ส.รุ่งทิวา ซึ่งเป็นคนพบศพน้องเก้าเป็นคนแรก แต่นายเอ พูดวกไปวนมา จับใจความไม่ค่อยได้ จ้องแต่จะเป็นลมอย่างเดียว จนต้องให้ดมแอมโมเนียอยู่ตลอดเวลา โดยบอกว่า น้องเก้ามาอยู่ที่บ้านประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ตอนแรกตนเองเป็นคนดูแล ไปไหนก็พาไปด้วย รักเด็กคนนี้เหมือนลูก แต่ก่อนเด็กจะเสียชีวิต แม่มาพาลูกไป พอกลับมาก็มีรอยช้ำรอยเขียว ก่อนเด็กเสียชีวิต ยังได้ถามเด็กว่า กินอะไรหรือยัง เด็กบอกว่ายัง จึงได้ต้มมาม่าทิ้งไว้ให้ แล้วก็ออกไปทำธุระช่วงสาย กลับมาช่วงบ่ายก็พบเด็กนอนเสียชีวิตแล้ว