‘รองแต้ม’ ไขชนวนสังหาร ‘สจ.โต้ง’ จ่อย้ายขั้วการเมือง ปิดฉาก ‘บ้านใหญ่วิลาวัลย์’ แห่งปราจีนฯ

“รองแต้ม” มั่นใจ การเมืองท้องถิ่นเป็นชนวนสังหาร “สจ.โต้ง” เหตุเตรียมย้ายไปซบผู้มีอำนาจอีกกลุ่ม อาจส่งผลให้สิ้นสุด “บ้านใหญ่วิลาวัลย์” แห่งปราจีนบุรี

พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการเสียชีวิตของ สจ.โต้ง ว่า ข้อมูลที่ทราบจากคนใกล้ชิด พูดได้เลยว่า ไม่มีสาเหตุอื่นนอกจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น ว่าจะเอาใครลงสมัครเป็น นายก อบจ. ซึ่ง สจ.โต้ง อยากให้ภรรยาลงสมัคร จึงมีการพูดคุยตกลงกับโกทร แต่ตอนหลังเหมือนโกทรจะไม่ให้แล้ว แต่จะไปให้บ้านเล็กลงสมัครแทน เมื่อเรื่องไปเข้าหู สจ.โต้ง จึงเกิดความบาดหมางกันมา เพราะ สจ.โต้ง จะเทียบบารมี หากภรรยาของ สจ.โต้ง ได้เป็น นายก อบจ. ตระกูลวิลาวัลย์ก็จะไม่มีนักการเมืองแล้ว น้องสาวโกทรก็ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากมีคดีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลอยู่ ลูกสาวก็โดนให้เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต หลายอีกคนก็บารมีไม่ได้ ดังนั้น บารมีของบ้านนี้ก็จะหมดไป นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า สจ.โต้ง ไปซบกับผู้มีอำนาจอีกกลุ่ม เพื่อจะล้ม จึงเป็นมูลเหตุให้เกิดความขัดแย้งกัน

ส่วนคลิปเสียงที่ปรากฏออกมา จากข้อมูลที่ทราบมา ไม่ใช่เหตุการณ์วันเกิดเหตุ แต่เป็นการบันทึกเสียงการคุยโทรศัพท์กันระหว่าง 3 คน ในช่วงไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ โดยในสายมี โกทร, สจ.โต้ง และทหารนอกราชการคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของทั้งคู่ โดยมีการเถียงกันค่อนข้างแรง ลำเลิกบุญคุณ บอกว่าไม่ให้เกียรติ ซึ่งเป็นคำที่แรง จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ก็เชื่อว่าเป็นการเรียกให้เข้าไปตาย

ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่ง ทำให้ สจ.โต้ง เอง ก็ระมัดระวังตัว เอาตำรวจมาติดตาม และมีมือปืนประจำตัว เพราะ สจ.โต้ง เองเคยพูดเปรยๆ ในวงการมวยว่า ตัวเขาอาจจะถูกเก็บ แต่การที่เข้าไปในบ้านโกทรมือเปล่า ไม่เอาผู้ติดตามเข้าไปด้วย สจ.โต้ง ก็คงคิดไม่ถึง เพราะเป็นพ่อลูกบุญธรรม เข้าออกหากันปกติ คงไม่คิดว่าจะมาทำอะไรในบ้าน แต่อีกมุมก็ต้องบอกว่า การจะทำอะไร สจ.โต้ง นั้น นอกบ้านทำได้ยาก ทำในบ้านง่ายกว่า

ลักษณะการยิง ก็เป็นการตั้งใจให้ถึงตาย เพราะมีการจ่อยิง และยังกระหน่ำยิงซ้ำ เนื่องจากพบรอยกระสุนทะลุเจาะไปถึงที่พื้นด้วย คงจะต้องแค้นมาก และคำว่าพ่อลูกบุญธรรม ก็ไม่เหมือนพ่อลูกแท้ๆ อีกทั้งเรื่องการเมือง เวลามันต้องการชนะ มันทั้งฟาด ทั้งพิฆาต ทั้งฆ่ากัน ทำได้ทุกอย่าง พี่น้องก็ฆ่ากันได้

นักข่าวตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการเตรียมการจริง ระยะเวลาหลังเกิดเหตุยิงจนตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ประมาณ 5-10 นาที เพียงพอให้ทำลายหลักฐานหรือไม่ พลตำรวจตรี วิชัย ตอบว่า เมื่อตำรวจไปถึงแต่กว่าจะเข้าบ้านได้ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง พยานหลักฐานทำลายได้เต็มที่ก็แค่เอาปืนไปทิ้ง แต่ร่องรอยกระสุนปืนที่ตก และร่องรอยที่อยู่บนร่างของ สจ.โต้ง ก็จะบอกได้ว่าใช้ปืนกี่กระบอก ชนิดใดบ้าง มันสามารถพิสูจน์ได้หมด ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ปืนที่ตรวจพบทั้งหมดไม่ใช่ชื่อของมือปืน แต่เป็นชื่อของโกทร

แต่เชื่อว่า ตำรวจชุดทำคดีน่าจะรู้มูลเหตุหมดแล้ว แต่ต้องสอบพยานบุคคลให้ได้ว่า ใครเป็นคนก่อเหตุ เพราะทุกคนต้องให้การเหมือนกัน เนื่องจากเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นจะสอบพยานได้ลำบาก จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้ได้ชัดเจนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากคนที่ให้การว่าเป็นมือปืน ยืนกรานว่าเป็นคนยิงเอง ก็เป็นการตัดตอน ให้คนที่เหลือมีโอกาสต่อสู้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Hp3wEUJfHuY