อาชญากรรม
ฝากขัง ‘นุ-สา’ ค้านประกันตัว ตร.จ่อแจ้งข้อหา ‘ทนายตั้ม’ เพิ่ม - กกต.เร่งสอบ ปมถูกร้องไม่มีคุณสมบัติสมัคร สว.
โดย paweena_c
13 พ.ย. 2567
67 views
ตร.คุมตัว ‘นุ-สา’ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน ‘มาดามอ้อย’ 39 ล้านบาท ฝากขังพร้อมค้านประกันตัว จ่อแจ้งข้อหา ‘ทนายตั้ม’ ในเรือนจำเพิ่มในคดีนี้
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 2567) ตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมนายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือ นุ และนางสาวสารินี นุชนาถ หรือ สา ได้ที่บ้านพักย่านวังทองหลาง ทั้งสองคนเป็นคนสนิทของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมกับยึดรถหรูได้ 2 คัน คันแรกเป็นรถปอร์เช่สีฟ้า ทะเบียน ฆน 999 กทม. คันที่สองเป็นรถเบนซ์สีขาว ทะเบียน กค 999 กทม.
สำหรับการจับกุม 2 ผู้ต้องหาในครั้งนี้ มาจากกรณีที่นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย ได้แจ้งความกับตำรวจกองปราบปรามว่า ถูกกลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้โอนเงินจำนวน 39 ล้านบาท โดยอ้างว่าได้รับความเสียหาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาบอกว่าโอนเงินบิตคอยน์ จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าว่าจ้างคอนเสิร์ตให้ดาราจีน คือ เฉินคุน จำนวน 2 ล้านบาท ตามคำสั่งของมาดามอ้อย แต่ภายหลังบัญชีบิตคอยน์ของผู้ต้องหาที่มีเงินอยู่ 39 ล้านบาท ถูกสแกมเมอร์ดูดเงินไปจนหมด และผู้ต้องหาได้นำใบบันทึกประจำวัน ของ สน.บางซื่อมาตบตามาดามอ้อย จนมาดามอ้อยหลงเชื่อ โอนเงินคืนให้ผู้ต้องหา 39 ล้านบาท
วานนี้พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำนายนุและนางสาวสา จนถึงเกือบประมาณ 23.00 น. ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 17 ชั่วโมง จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน มาคุมขังที่ห้องขังของกองปราบปราม โดยพบว่าทั้งนายนุและนางสาวสา อยู่ในสภาพอิดโรย
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัว นายนุและนางสาวสาไปฝากขังที่ศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว
ระหว่างที่ควบคุมตัวมานายนุ ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย มีสีหน้าเรียบเฉย และยกมือไหว้สื่อมวลชนทั้งด้านซ้ายและด้านขวาหลายครั้ง แต่เมื่อนักข่าวพยายามถามว่าเกี่ยวกับเรื่องเงิน 39 ล้าน นายนุไม่ได้ตอบคำถามใดๆ แล้วขึ้นรถไปทันที
ส่วนนางสาวสา พบว่าสวมหน้ากากอนามัยและใส่หมวกปิดบังใบหน้ามิดชิด และไม่ได้ตอบคำถามอะไรเช่นกัน
โดยก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปฝากขัง ทีมข่าวพบว่ามีชายหญิง 2 คนซึ่งคาดว่าว่าน่าจะเป็นญาติ เดินทางเข้าเยี่ยมทั้ง 2 คน โดยนำข้าวของเสื้อผ้ามาให้ แต่ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับนักข่าว และเดินกลับออกไปทันที
พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองคนยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ได้ให้การเป็นประโยชน์ โดยรายละเอียดในสำนวนการสอบสวนตำรวจขอสงวนไว้ ไม่สามารถเปิดเผย โดยตลอดการสอบปากคำของผู้ต้องหา ได้มีทนายความของผู้ต้องหาร่วมรับฟังด้วย
ส่วนทนายตั้ม ซึ่งตำรวจมีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาทั้งสองคนในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ซึ่งตำรวจจะยังไม่ไปพบทนายตั้มเพื่อแจ้งข้อหาในวันนี้ ส่วนจะมีใครร่วมกระทำผิดอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวน แต่หากหลักฐานพาดพิงไปถึงใครก็จะดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้น
ขณะที่เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา นายนิติพัฒน์ ชูกล้ากสิกรณ์ ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต.จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัดสมุทรสาคร เดินทางเข้ามาสอบปากคำทนายตั้มที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กรณีมีผู้ร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม 17 เนื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี
นายนิติพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงประมาณเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนทนายตั้ม ในช่วงสมัคร สว. เรื่องคุณสมบัติการสมัคร สว. ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว แม้ในช่วงการรับสมัครรับเลือกตั้ง สว. จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว แต่เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น
ทั้งนี้เมื่อมีผู้ร้องคัดค้าน ก็จะต้องมาตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งเมื่อ กกต.จังหวัดสมุทรสาคร รับเรื่องจาก กกต.กลาง ก็มาดำเนินกระบวนการสอบสวนทันทีโดยมีระยะเวลาทำงาน 20 วัน แต่ทนายตั้มขอเลื่อนชี้แจง และขอขยายระยะเวลาการเข้าขี้แจงข้อมูล 2 รอบ รอบละ 15 วัน รวมเป็นเวลา 30 วัน และนัดหมายจะให้ข้อมูลวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากกรอบระยะเวลามีถึงแค่วันที่ 25 พฤศจิกายน จึงทำให้ต้องมาดำเนินการสอบปากคำทนายตั้มในวันนี้ ซึ่งหากสอบปากคำแล้ว ก็จะส่งให้ กกต.กลาง วินิจฉัยต่อไป
ทั้งนี้หากผลการตรวจสอบพบว่า ทนายตั้มขาดคุณสมบัติ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท
และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี และการเป็น สว.ตัวสำรอง ก็จะหลุดไปโดยปริยาย และจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/Ysq2i6wwSgg