อาชญากรรม

จ่อแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ 18 บอส ‘ดิไอคอน’ ปปง.เผยยึดทรัพย์แล้ว 320 ล้านบาท

โดย paweena_c

7 พ.ย. 2567

33 views

DSI ประชุมร่วม ตร.สอบสวนกลาง จ่อแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-ขายตรง 18 บอส ‘ดิไอคอน’ ในสัปดาห์หน้า ปปง.เผยยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 320 ล้านบาท

การประชุมเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 2567) เป็นการประชุมร่วมระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง กับพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการประชุมใหญ่ร่วมกันของทั้ง 2 หน่วยงานเป็นครั้งที่ 2 โดยใช้เวลาประชุมราว 2 ชั่วโมงครึ่ง

พันตำรวจตรี ยุทธนา เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถือว่ามีประโยชน์ในการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมมาก ถือว่าครบองค์ประกอบความผิดว่ามีการตกลงร่วมกัน จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และรู้ว่าไม่สามารถที่จะประกอบธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามที่ดำเนินการได้

คาดว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง คาดว่าจะแจ้งข้อหาได้ภายในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ได้อายัดที่ดินเพิ่มเติมอีก 78 แปลง ซึ่งเป็นของทั้งผู้ต้องหา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ตามความผิดมูลฐานฟอกเงิน

ล่าสุดวันนี้ (7 พ.ย. 2567) พันตำรวจตรี ยุทธนา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า พยานฝั่งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่ทนายความของบอสพอลได้พามายังไม่ได้สอบปากคำ แต่ได้ให้ทนายความทำหนังสือระบุรายชื่อและประเด็นที่ต้องการจะให้ปากคำให้ชัดเจนส่งมาก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับ จากนั้นดีเอสไอจะรับพิจารณาว่า มีความจำเป็นจะต้องเรียกใครมาสอบหรือไม่ อย่างไร เพราะหากรับฟังพยานแล้วได้ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ก็จะสอบเท่าที่จำเป็น เนื่องจากมีระยะเวลาจำกัด ซึ่งพนักงานสอบสวนก็มีแนวทางในการวินิจฉัย ถ้าต้องสอบปากคำทั้งหมด ก็จะมีการยื่นพยานมาเรื่อยๆ อาจเกิดความเสียหายต่อคดี

ส่วนการอายัดทรัพย์สิน นายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กล่าวว่า ยึดทรัพย์ไปแล้วประมาณ 320 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบัญชีที่เก็บเงินจากการซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากที่มีคำสั่งโอนชัดเจน แต่มีความยากคือ การกระทำความผิดเกิดขึ้นในเวลาหลายปี ทรัพย์อาจถูกยักย้ายถ่ายเทไป ตอนนี้ต้องทำการรวบรวมทรัพย์ให้นิ่งก่อน แล้วจึงจะเข้าขั้นตอนคุ้มครองสิทธิ ต้องมาดูว่าผู้เสียหายจะต้องได้ทรัพย์สินคืนอย่างไร

สำหรับเงินที่พบว่าผู้ต้องหาโอนไปทำบุญ จะสามารถยึดอายัดได้หรือไม่นั้น กรณีนี้วัดที่รับทำบุญ สามารถต่อสู้ได้ว่า รับโดยสุจริตตามศีลธรรมจรรยา ไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด เช่นเดียวกับคนใกล้ชิดกลุ่มบอสจะโดนอายัดทรัพย์ด้วยหรือไม่ ต้องดูว่า รู้ไหมว่าเงินได้มาจากกระทำความผิด


https://youtu.be/RROgysVtyy8

คุณอาจสนใจ