อาชญากรรม
‘เจ๊อ้อย’ ให้ปากคำวันที่ 4 ยันฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ ฉ้อโกง 71 ล้าน – ‘สนธิ’ เปิดศึก ‘ทนายเดชา’ ช่วยฟอกขาว
โดย paweena_c
5 พ.ย. 2567
104 views
วันนี้เจ๊อ้อย เข้าให้ปากคำกับตำรวจรอบที่ 4 แล้ว เรื่องเงิน 71 ล้านบาท คาดน่าจะออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เมื่อวานมีการเปิดศึกเบาๆ ระหว่างนาย สนธิ ลิ้มทองกุล กับทนายเดชา ปมช่วยฟอกขาวให้ทนายตั้ม
ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ (4 พ.ย. 67) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ ระบุว่า นาย สนธิ ได้แสดงความเห็นเรื่องของทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อยู่ 3 เรื่อง
เรื่องแรก คือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์พยายามฟอกขาวให้ "ทนายตั้ม" เพราะทั้งคู่รู้จักกัน ทนายเดชามักจะพูดในทิศทางที่เชื่อได้ว่าทนายตั้มมีทางออก หรือพูดเหมือน จะช่วยทนายตั้มแทนที่จะพูดถูกผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน
เรื่องที่ 2 นาย สนธิ จะยื่นร้องต่อสภาทนายความ และกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบทนายตั้มภายในอาทิตย์หน้า แต่ยังกังวลว่า จะมีขบวนการที่คอยปกป้องทนายตั้มอยู่ในสภาทนายความหรือไม่
เรื่องที่ 3 กรณีที่ทนายเดชา ออกมาเปิดเผยว่าคดีหมดอายุความ ยืนยันว่าไม่จริง เพราะอายุความจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่รู้ว่ามีการฉ้อโกง
หลังการแถลงข่าวของนาย ปานเทพจบ ทนายเดชา ที่โดนพาดพิงก็เปิดสำนักงานชี้แจงกับนักข่าวทันที ยืนยัน ไม่เคยฟอกขาวให้ทนายตั้ม และเรื่องคลิปที่พูดเรื่องคดีหมดอายุความ คลิปนั้นถูกทนายความคนหนึ่งตัดมาบางช่วงบางตอน
ซึ่งข้อความที่เขาพูด คือ "การนับอายุความเป็นไปตามมาตรา 96 กรณีความผิด อันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ จึงได้ตั้งคำถามคดีนี้ทนายตั้มได้รับเงินจากเจ๊อ้อยตั้งแต่ปี 2565 และปี 2566 ใช่หรือไม่ และรู้เมื่อไหร่ว่าถูกฉ้อโกง เนื่องจากผ่านมา 1-2 ปีแล้ว ถ้าพึ่งรู้ก็ไม่ขาดอายุความ" หลังจากนี้จะดำเนินคดีกับทนายความคนนี้ และคนที่นำคลิปไปเผยแพร่ด้วย
วันนี้ (5 พฤศจิกายน) เป็นวันที่ 4 ที่นาง จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ในคดีพิพาทเรื่องเงิน 71 ล้านบาท ที่เธอแจ้งความเอาผิดกับทนายตั้ม
หลังจากก่อนหน้านี้เธอได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามแล้วจำนวน 3 ครั้ง คือ วันที่ 31 ตุลาคม ประมาณ 12 ชั่วโมง วันที่ 1 พฤศจิกายน ประมาณ 11 ชั่วโมง และวันที่ 3 พฤศจิกายน ประมาณ 12 ชั่วโมง รวมสอบปากคำไปแล้วราว 35 ชั่วโมง
และเมื่อเวลา 9 โมง 15 นาทีที่ผ่านมา นาย สมชาติ พินิจอักษร ทนายความของเจ๊อ้อย มาถึงกองบังคับการปราบปรามก่อน และบอกว่า วันนี้เป็นการสอบปากคำวันที่ 4 ซึ่งประเด็นการสอบปากคำวันนี้เน้นประเด็นเรื่องของเงินที่ 71 ล้านบาทเป็นหลัก รวมถึงเรื่องเงินที่จ่ายชดเชยให้คู่สามีภรรยาที่อ้างว่าถูกหลอกจากการว่าจ้างนักแสดงชาวจีน 39 ล้านบาท เงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท เงินเข้าออกแบบบ้านสามีมาดามอ้อย 3 ล้านบาท และเรื่องรถเบนซ์ 13 ล้านบาท ที่สอบปากคำประกอบในสำนวนเช่นเดียวกัน
การให้ปากคำได้ให้การเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกจากทนายดังด้วย เช่น ในเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ที่ให้การเชื่อมโยงกับนาย ส.เสือ ส่วน ส.เสือ จะเชื่อมโยงกับใครอีกบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและเส้นทางการเงิน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประเด็นที่มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง กล่าวอ้างว่า หากฝั่งทนายชื่อดังเปิดพยานหลักฐานเด็ด ซึ่งเป็นข้อความแชทที่อ้างว่า เจ๊อ้อยคุยกับทนายคนดังกล่าว จะทำให้คดีดังกล่าวพลิกและฝั่งเจ๊อ้อยจะจอดหมด ทนายสมชาติเผยว่า การจะเปิดพยานหลักฐานอะไรออกมา ไม่ใช่แค่จะดูข้อความอย่างเดียว จะต้องดูการพูดคุยก่อนหน้าและหลังจากนั้นด้วย พร้อมยืนยันว่า เจ๊อ้อยไม่เคยให้โดยเสน่หา
ส่วนกรณีที่นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า จะออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 5 ราย รวมทนายความชื่อดังด้วย ทนายสมชาติกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะแจ้งข้อหาใครบ้าง และโดนคดีอะไร แต่เบื้องต้นตอนนี้เป็นการแจ้งความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทนายตั้มเงิน71ล้าน ,ทนายตั้ม ,คดีฉ้อโกง ,ปากคำกับตำรวจ ,เจ๊อ้อย