อาชญากรรม

สุดทน! เพื่อนบ้านข้าราชการคุกคามกว่า 10 ปี ปาขวด-ยิงเลเซอร์ใส่วงจรปิด อ้างเส้นใหญ่ขู่จะเอาเข้าคุก

โดย paweena_c

2 ก.ย. 2567

117 views

เพื่อนบ้านยิงเลเซอร์ใส่กล้องวงจรปิด ติดเครื่องตัดสัญญาณ ทิ้งขยะข้ามกำแพง แถมข่มขู่สารพัด อ้างตัวเองเส้นใหญ่ ขู่จะเอาเข้าคุก และบอกด้วยว่า ไม่อยากเสวนากับพวกไพร่

ครอบครัวผู้เสียหาย 4 คน พ่อ แม่ ลูก เดินทางมาจาก จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากกัน จอมพลัง หลังมีปัญหานาน 5 ปี กับเพื่อนบ้าน 2 พ่อลูก ที่ตัวลูกเป็นข้าราชการการรถไฟและตัวพ่อเป็นตำรวจระดับ รอง ผู้กำกับ ในพื้นที่

โดยคุณแม่ เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่มีปัญหากันมาตั้งแต่ 2561 ลูกสาวของตนไปยืมโทรศัพท์มือถือจากทาง นายเอ อายุ 29 ปี (คู่กรณี)เป็นข้าราชการการรถไฟ โดยยืมโทรศัพท์มาใช้ได้ประมาณ 3-4 วัน

เพราะตอนนั้นมือถือลูกสาวถูกครูยึด ปรากฎว่า ตอนลูกสาวเอาไปคืน นายเอ บอกว่ามือถือพัง ต้องส่งไปซ่อมถึงสิงคโปร์ ค่าซ่อมประมาณ 1,600 บาท แต่ลูกสาวก็ยืนยันว่า ไม่ได้ทำพังและมือถือก็ยังใช้งานได้ปกติ ตนกับลูกสาวยอมจ่ายค่าซ่อมไปให้เพราะไม่อยากมีปัญหา หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนบ้านกันปกติ ยังไม่มีปัญหากัน

กระทั่งต่อมาสามีของตนมีปัญหากับเครือญาติพี่น้องและมีการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทกัน ซึ่ง นายพิทักษ์ (นามสมมติ) พ่อของนายเอ ที่เป็นตำรวจระดับรองผู้กำกับ อาศัยมาทำคดีให้ โดยสามีของตนเคยพูดไว้ก่อนที่จะชนะคดีว่าหากได้เงินค่าเสียหายมาจะช่วยซื้อกระติกน้ำร้อนและบริจาคเงินให้กับโรงพัก ปรากฎว่า ชนะคดีจริง ได้ค่าเสียหายมา 30,000 บาท แต่สามีไม่ได้ให้เงินตามที่พูดไว้ เพราะเหมือนว่า นายพิทักษ์ จะเก็บเงินเอาไว้เอง สามีจึงไม่ยอมให้เงินไป

ตนคิดว่า ปมปัญหามาจาก 2 เรื่องนี้หลักๆ เรื่องแรกที่ลูกสาวตนไปยืมโทรศัพท์มือถือของนายเอ ลูกชายและเรื่องที่ 2 คือสามีไม่ยอมแบ่งเงินค่าเสียหายให้กับนายพิทักษ์

ทำให้หลังจากนั้นครอบครัวของตนก็เริ่มมีปัญหากับบ้านหลังนี้เรื่อยมา และกระทบกระทั่งกันรุนแรงมากขึ้น ถึงขั้นถูกด่าทอว่าบ้านตนเป็นไพร่ เดี๋ยวจะเอาให้ติดคุก และอ้างว่ามีเส้นสายรู้จักคนใหญ่คนโต

นอกจากนี้ที่บ้านตนมักจะถูกบ้านนายเอ โยนขยะข้ามกำแพงมาเป็นประจำ ตนจึงติดกล้องวงจรปิด ก็ถูก นายเอ เอาอุปกรณ์ตัดสัญญาณอินเทอเน็ตมาติดตั้งไว้ทำให้กล้องวงจรปิดไม่ทำงาน พยายามเชื่อมต่อยังไงก็ไม่สำเร็จ แต่พอย้ายกล้องมาอีกฝั่งของบ้านกลับใช้งานได้ปกติ

คุณแม่ บอกอีกว่า ล่าสุดที่บ้านตนซื้อกล้องวงจรปิดมาติดตั้งเพิ่ม รอบนี้ นายเอ ยิงเลเซอร์ใส่กล้องวงจรปิดเลย จนทำให้กล้องพังเสียหาย ตนจึงใช้กระจกเงามาติดไว้ข้างๆกล้องวงจรปิดเพื่อสะท้อนแสงเลเซอร์กลับไป

ตนเคยพาครอบครัวย้ายหนีไปอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีชั่วคราว พอกลับมาคิดว่าปัญหาจะจบ แต่กลับรุนแรงขึ้นและเป็นปัญหาเรื่อรังแบบนี้มานาน 5 ปี ครอบครัวของตนรู้สึกเครียดมากแจ้งความดำเนินคดีไปอัยการก็ยกฟ้อง

เหมือนว่ามีการช่วยเหลือทางคดีกันเพราะตัวพ่อก็เป็นรองผู้กำกับและเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน อาจจะทำสำนวนให้อ่อน วันนี้ต้นจึงต้องมาขอความเป็นธรรมจากกัน จอมพลัง และตนไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือฟ้องร้องอะไร แค่ต้องการให้ต่างคนต่างอยู่

ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ติดต่อไปยังพ่อ ของผู้ก่อเหตุ ที่เป็นตำรวจระดับรองผู้กำกับ ให้ข้อมูลอีกด้านบอกว่า จริง ๆ แล้วตนเองกับทางผู้ร้องเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ตัวผู้ร้องเป็นน้องสาวคนสุดท้อง ซึ่งเดิมที่บ้านตนไม่เคยทำกำแพงหรือสร้างรั้วรอบขอบชิดเพราะอยู่กันแบบบ้านพี่บ้านน้อง

เรื่องที่ลูกสาวของผู้ร้องมายืมโทรศัพท์มือถือของลูกชายตน เรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ส่วนเรื่องที่ทำให้เกิดรอยร้าวเพิ่มขึ้น คือ สามีของน้องสาว(ผู้ร้อง) มีคดีความฟ้องร้องหมิ่นประมาทกันกับเครือญาติของตัวเอง ทางน้องสาว ติดต่อมาว่า ขอให้ช่วยดูคดีให้หน่อย ซึ่งตอนนั้นตนไปประจำอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

จึงฝากคดีให้กับพนักงานสอบสวนอีกท่านหนึ่งช่วยทำคดีให้ แต่น้องสาวก็ยังไม่พอใจ ติดต่อมาอีกว่า คดีมันล่าช้า ประกอบกับช่วงนั้นตนได้ย้ายกลับมาอยู่โรงพักเดิมพอดี ตนจึงเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน โดยสามีของน้องสาวบอกว่าถ้าได้เงินค่าเสียหายจะไม่เอาแม้แต่บาทเดียวจะบริจาคให้กับโรงพัก

ซึ่งตอนแรกฝั่งน้องสาวเรียกเงินจากคู่กรณี 50,000 บาท คู่กรณีขอจ่ายจบ 30,000 บาท ทางน้องสาวและสามีตอบตกลง ก็มีการโอนเงินกันให้เสร็จเรียบร้อยและไม่เป็นคดีความฟ้องร้องกัน และน้องสาวตกลงจะนำเงินจำนวนหนึ่ง มาบริจาคให้โรงพัก จึงติดต่อไปหาน้องสาวบอกว่าให้ช่วยซื้อตู้เย็น กับกระติกน้ำร้อนเอาราคาไม่ต้องแพงไม่ต้องเกิน 10,000 บาท ปรากฏว่าน้องสาวเงียบกริบไม่ยอมให้เงินแถมยังทำเรื่องร้องเรียนตนเองว่าเรียกรับสินบนอีกด้วย

ต่อมามีปัญหากันอีกที่เป็นประเด็นมากที่สุด คือ เรื่องที่ลูกสาวของน้องสาว มีการแชร์บทความในลักษณะหมิ่นสถาบัน ทางตนเองและลูกชาย จึงมีการตักเตือนในฐานะญาติพี่น้องกันว่าไม่เหมาะสม ปรากฏว่าลูกสาวของผู้ร้องไม่พอใจ ก็มีการโพสต์ด่าบูลลี่หน้าตาเพื่อนสาวของลูกชายตน ลูกชายตนก็เกิดความไม่พอใจ จึงมีการตอบโต้กันตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนเป็นคดีความและศาลพิพากษาคู่กรณีเป็นฝ่ายผิดโดนรอลงอาญา 5 ปี

ส่วนเรื่องทิ้งขยะ เนื่องจากตอนแบ่งที่ดินกัน 4 คนพี่น้อง ตนเสียสละเลือกแปลงสุดท้ายในสุด ทางเข้าออกมันก็มีทางเดียวและเวลาทิ้งขยะก็ต้องเอาออกมาวางหน้าบ้าน ซึ่งบางทีก็มีสุนัขแถวนั้นมาคุ้ยขยะกระจุยกระจาย น้องสาวก็เข้าใจว่า ลูกชายตนแกล้งโยนขยะเข้าไป แต่ยอมรับว่ามีบางครั้งที่ลูกชายตนโยนขวดโซดาเข้าไปจริงเพราะช่วงนั้นมีปัญหาทะเลาะและด่ากันไปมา ด้วยความโมโหลูกชายตนจึงปาขวด ปาหินเข้าไปทำกระเบื้องหลังคาบ้านน้องสาวแตก ซึ่งคดีความจบไปแล้ว ซึ่งบ้านตนเสียค่าปรับ ค่าเสียหายไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับเรื่องยิงเลเซอร์ใส่กล้องวงจรปิด ตนยอมรับว่าลูกชายทำจริง เพราะต้องการให้เห็นว่า มุมกล้องวงจรปิดตั้งใจหันมาทางหน้าบ้านของตน


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/p8gQuWR4EpA

คุณอาจสนใจ

Related News