ฟัน 3 ข้อหาหนัก ‘แท็กซี่เมาแล้วขับ’ ชนตำรวจตาย เจ้าตัวอ้างดื่มแต่ไม่ได้เมา

ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา คนขับรถแท็กซี่เมาสุรา ชน รองสารวัตรจราจร สน.บางเขน เสียชีวิต พร้อมนำตัวไปฝากขังที่ศาลแล้ว ขณะที่ผู้ต้องหาอ้าง ไม่ได้เมา ดื่มสุราไปแค่เพียง 1 แบน

จากเหตุการณ์ที่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้าวานนี้ นายวราบุตร์ สมแสวง อายุ 43 ปี ได้ขับแท็กซี่สีเขียวเหลือง พุ่งชนร้อยตำรวจตรีอัสดา จำเนียรศรี รองสารวัตรจราจร สน.บางเขน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยจราจรงานเดินวิ่งการกุศล ของมหา วิทยาลัยราชภัฏพระนคร บริเวณหน้าอู่ ขสมก. บางเขน บริเวณช่องทางซ้ายสุด มุ่งหน้าวงเวียนบางเขน โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายวราบุตร์ไว้ได้ ซึ่งพบว่ามีกลิ่นสุราเหม็นรุนแรง และเมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 287 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนร้อยตำรวจตรีอัสดา ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล แต่สุดท้ายเสียชีวิต

ขณะที่การสอบปากคำนายวราบุตร์ ยังคงพูดจาไม่รู้เรื่อง บอกว่าออกจากบ้านย่านรามอินทรา 3 ไปนั่งดื่มเหล้าย่านห้วยขวางดูถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเกือบทุกคู่ แต่อ้างว่า ไม่ได้เมา ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถกลับบ้าน ถึงจุดเกิดเหตุเห็นตำรวจยืนอยู่กลางถนน พยายามหักรถหลบซ้ายแล้วแต่เอาไม่อยู่ ชนเข้าอย่างจัง

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางเขน คุมตัวนายวราบุตร์ ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ใน 3 ข้อหา "ขับรถโดยประมาท , ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ขับรถโดยสารสาธารณะขณะมึนเมา" โดยสีหน้าของนายวราบุตร์ ค่อนข้างเครียด

พันตำรวจเอกอนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการสน.บางเขน บอกว่า ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยเบรคจากรถแท็กซี่ ทำให้ร่างของรองสารวัตรกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาตอนแรกผู้ต้องหายอมรับว่าดื่มสุรามาหลังเลิกขับแท็กซี่ ช่วง ตี4 ของวันที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว ดื่มไป 1 แบน

จนกระทั่งเช้าและขณะขับรถกลับบ้าน สารภาพว่ามองไม่เห็นผู้เสียชีวิต ซึ่งตำรวจ มองว่าไม่น่าจะดื่มสุราเพียงแค่ 1 แบนตามที่อ้างเมื่อเทียบกับปริมาณที่วัดได้ และการขับรถสาธารณะ ก็ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้เลยอยู่แล้ว แม้จะวัดปริมาณได้ไม่ถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

ส่วนร้อยตำรวจตรีอัสดา ผู้เสียชีวิต ถือเป็นตำรวจน้ำดีของ สน.บางเขน เป็นคนนิสัยดี ทำงานดี ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชาจะดูแลครอบครัว และให้ความช่วยเหลือตามสิทธิอย่างเต็มที่

ขณะที่นางเบญจวรรณ จำเนียรศรี หรือ คุณตุ๊ก อายุ 48 ปี ภรรยาของ รองสารวัตรจราจร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ สามีออกไปทำงานตั้งแต่ตี 3 เพราะมีภารกิจงานวิ่งการกุศล ซึ่งตอนเช้าเธอนอนหลับอยู่ เพื่อนตำรวจของสามีโทรมาบอก เธอเอะใจแต่แรกแล้ว เพราะไม่เคยมีใครโทรมาตอนเช้า พอรับสาย ปลายสายก็บอกว่า "ใจเย็นๆ นะ พี่อัสดาโดนรถชน" ตอนนั้นตกใจมาก รีบไปปลุกลูกๆ ไปที่โรงพยาบาล

พอไปถึงพบว่าสามีเลือดออกเยอะมาก ก่อนจะหัวใจหยุดเต้นไป ซึ่งเธอได้แต่มองดูผ่านช่องเล็กๆ ตอนหมอปั๊มหัวใจ ก่อนสามีจะเสียชีวิต จากนั้นเข้าหาสามี บอกว่าให้ไปสบาย ไม่ต้องห่วงอะไร ตนจะดูแลลูกเอง แต่ตอนนั้นตนก็รู้สึกไม่ไหว มันช็อก ทุกอย่างมันเร็วมาก ไม่ทันได้สั่งเสียกัน ส่วนการดำเนินคดีจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

โดยช่วงบ่ายวันครอบครัวรองสารวัตรจาจรจะไปรับศพ ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และจะนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ซึ่งจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

https://youtu.be/tHBN4K1XiXo