อาชญากรรม

ร่ำไห้ 'พร' ร่วมงานศพ 'ใหม่' ยืนยันจากนี้ไปขอไม่มีผัวอีก เพื่อน-น้องชาย ร่วมร้องเพลงส่งเป็นครั้งสุดท้าย

โดย chutikan_o

5 ก.พ. 2567

152 views

งานฌาปณกิจศพของใหม่ หนุ่มโรงงาน เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ด้านพร ระบุว่า หลังจากนี้ไปขอให้เป็นบทเรียน ยืนยันจะไม่มีผัวใหม่

บรรยากาศงานฌาปนกิจศพ นายใหม่ ที่วัดคลองปลัดเปรียง จังหวัดสมุทรปราการ มีครอบครัว ญาติสนิท และเพื่อนผู้เสียชีวิตมาร่วม ไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

ขณะที่พร ภรรยาผู้เสียชีวิตเดินทางมาพร้อมกับพ่อและญาติ ตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยพร ได้ร่วมเดินเวียนศพรอบเมรุ ก่อนจะเคลื่อนโลงขึ้นตั้งหน้าเตาเผา ผู้สื่อข่าวสังเกตุว่า พร มีสีหน้าเคร่งเครียด ร้องไห้และมีอาการคล้ายจะเป็นลมอยู่ตลอดเวลา คาดว่า พรอาจจะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

โดยหลังจากที่พร เดินเวียนรอบโบสถ์เสร็จแล้ว จู่ๆ พรก็ร้องไห้ออกมา ทำให้ญาติต้องเข้าไปปลอบใจพร้อมกับพูดกับเธอให้ยอมรับความเป็นจริงและให้ทำใจหากเพื่อนหรือคนใกล้ชิดของสามีเขาจะมองเธอไม่ดี

หลังจากนั้น พร บอกว่า อยากให้เรื่องราวของเธอเป็นอุทาหรณ์ให้กับคู่รักคนอื่นๆ เพราะหากคนรักกันไม่มีความซื่อสัตย์ต่อกันก็จะทำให้เกิดปัญหา เธอยอมรับผิดทุกอย่างที่นอกใจสามีและมีใจให้ ช่างกิต แต่เธอขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการการเสียชีวิตของ สามีแต่อย่างใด

จากนั้น พร ก็ขึ้นทอดผ้าบังศุกุลบนเมรุและมีจังหวะได้เดินเข้าไปใกล้ๆโลงศพของใหม่ พรยิ่งร้องไห้อย่างหนักก่อนเคาะโลงศพและพูดว่า "ใหม่ เราขอโทษนะ" เป็นประโยคสุดท้ายที่พรได้พูดกับใหม่ก่อนลงจากเมรุและกลับขึ้นรถไปทันที โดยมี ตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อยเพราะเกรงว่า กลุ่มเพื่อนของใหม่ที่อยู่ในอารมณ์โกรธและอาจจะเกิดการไม่พอใจ

ขณะที่นายจำเริญ หลักแหลม พ่อของพร บอกว่า โดยปกติแล้วไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกับลูกสาว เลยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ลูกสาวกับลูกเขยมีปัญหาครอบครัวหรือไม่ เพราะปกติแล้วตนทำงานเฝ้าสวนอยู่ป่าระอูให้กับนายจ้าง ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นานๆครั้งถึงจะกลับบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าลูกสาวมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน

ส่วนลูกเขย ตนทราบดีว่ารักลูกสาวของตนมาก และลูกเขยก็เป็นคนดี ตนรักลูกเขยเหมือนกับลูกแท้ๆ ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจที่ลูกเขย ต้องมาเสียชีวิต เพราะสาเหตุจากการที่ลูกสาวของตนไปมีคนอื่น ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับ ช่างกิต ตนยอมรับว่า ไม่เคยเจอหรือรู้จักมาก่อน เจอครั้งแรกวันที่พบศพลูกเขยและช่างกิต พาพรมาส่งที่บ้าน ซึ่งวันนั้นตนยังขอบคุณช่างกิตที่มาช่วยตามหาลูกเขยและมาส่งลูกสาวตน ซึ่งตนก็ถามลูกสาวไปว่าช่างกิตเป็นใคร ลูกสาวบอกว่า เป็นหัวหน้างาน

และวันนั้นตนก็ดูแล้ว ช่างกิตก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร จนกระทั่งมาทราบว่า จริงๆแล้ว ช่างกิตเป็นผู้ก่อเหตุและยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกสาวตนอีกด้วย หากพยานหลักฐาน เชื่อมโยงไปถึงลูกสาว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าลูกเขย ตนก็ยินดีให้ลูกสาวเข้ากระบวนการยุติธรรม รับผิดกับสิ่งที่ก่อขึ้น

ส่วนเรื่องเงินประกัน ตนทราบจากลูกสาวว่า ลูกเขยเขียนผู้รับผลประโยชน์ให้แม่ของเขาและลูกสาวตนคนละ 50 %

ส่วนเงินเยียวยาจากยุติธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ลูกสาวตนได้คุยกับแม่ของใหม่แล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง และเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เงินตรงไหนที่จะเป็นข้อครหา ลูกสาวของตนจะไม่เข้าไปยุ่ง ต่อมาเพื่อนๆของใหม่ และปอนด์ น้องชาย ร่วมร้องเพลงส่งใหม่เป็นครั้งสุดท้าย

ด้าน นางละมัย เตอั้น แม่ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่าผิดหวังกับลูกสะใภ้ เป็นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลูกชายก็เป็นได้ โดยปกติแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตนกับลูกสะใภ้ก็ไม่ได้สนิทกันมีเพียงคุยกันผ่านๆ ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันรู้เพียงว่าเป็นเมียของลูกชาย

นอกจากนี้ นางละมัย ยอมรับว่าไม่ได้สงสัยลูกสะใภ้เลยตั้งแต่ต้น หลังจากนี้ก็ต้องฝากให้ตำรวจติดตามคนที่มีส่วนรู้เห็นการเสียชีวิตของลูกชายมาดำเนินคดี ให้ได้ทั้งหมด

ส่วนเรื่องของเงินประกันชีวิต ของผู้เสียชีวิตที่ทำไว้ หลังจากนี้ใครจะเป็นผู้จัดการ นางละมัย บอกว่า ตนไม่รู้ว่าลูกชาย ทำประกันไว้หรือไม่ มอบให้ใครบ้าง รู้เพียงว่ามีส่วนของเงินบริษัทที่ใหม่และภรรยาจะได้คนละครึ่ง

ส่วนเรื่องการเซ็นมอบอำนาจในฐานะผู้เป็นแม่ยังไม่ได้มีการเซ็นมอบอำนาจให้กับใคร ซึ่งตั้งแต่ลูกชายเสียชีวิตมีเพียงเอกสารเงินช่วยเหลือทำศพที่ตัวเองได้เซ็นเพียงฉบับเดียว

ขณะที่หลังประชุมเพลิงศพของใหม่ เสร็จสิ้น พี่ชายของของพร และญาตินางสาวพรเข้ามากล่าวขอโทษ น้องชายและกลุ่มเพื่อนนายใหม่

ด้านนายปอนด์ น้องชายนายใหม่ บอกว่า ญาติของพรมาขอโทษ เราก็เข้าใจเขา เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่าเพื่อนทุกคนไม่มีใครให้อภัย พร ได้ และขอให้จบแค่วันเผาร่างใหม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา และมองว่า พี่ชายของตนไม่ควรโดนแบบนี้ทั้งทั้งที่พี่ชายทำดีกับทุกคน นอกจากนี้ ปอนด์ ยังบอกว่า แม้ว่าหลักฐานจะไปไม่ถึงพร แต่คนทำผิดก็ต้องรู้อยู่แก่ใจและไม่มีวันให้อภัย แม้แต่จะเป็นคนรู้จักกัน เพราะเรื่องแบบนี้มันผิดตั้งแต่ไปนอกใจพี่ของตนแล้ว

นอกจากนี้ ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน ยังได้ไปคุยกับนายสงกรานต์ หนึ่งในรายชื่อที่ปรากฏว่า มีส่วนเกี่ยวข้องอุ้มฆ่านายใหม่ เปิดใจหลังมอบตัวให้ปากคำตำรวจและได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา โดยผู้ร่วมแก๊งทั้ง 4 คน คือ สงกรานต์ แท็ป นิว และโอ๊ต

โดยสงกรานต์ บอกว่า นายกิต โทรหาวันที่ 27 ม.ค. เวลา 18.00-19.00 ถามว่าอยู่ไหนไปหาที่บ้านหน่อย ตนก็ไป ก็นึกว่าคุยเรื่องงาน เพราะปกติเวลามีรถมาซ่อมหรือมาทำที่อู่ช่างกิตก็จะโทรตามให้ไปช่วย

พอไปถึงช่างกิตบอกว่า เดี๋ยวไปทำธุระกับพี่หน่อยตอน 21.00 ตนก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ถามว่าธุระที่ว่าคือทำอะไรเพราะคิดว่าน่าจะเป็นการไปดูรถปกติ จากนั้นก็นั่งคุยกัน 10-20 นาที ก่อนขอตัวกลับก่อนจะไปรับแฟน พอรับแฟนเสร็จ ตน ก็พาแฟนไปนั่งเล่นบ้านแท็ปเวลา 20.00 น. ก่อนจะนำรถกระบะ กลับมาเปลี่ยนที่บ้านและกลับไปนั่งเล่นที่บ้านแท็ปต่อ

จนกระทั่ง 21.00 ช่างกิตโทรมาถามว่า พร้อมยัง ตอนนั้นตนนั่งกัน 4 คน คือ สงกรานต์ แฟนสงกรานต์/ แท็ป และ นิวแฟนแท็ป ช่างกิตถามตนว่า แท็ปจะมาด้วยไหม กรานต์เลยยื่นมือถือให้แท็ปคุยกับช่างกิต ช่างกิตบอกแท็ปว่าไปทำธุระกับพี่หน่อย แท็ปถามกลับไปว่าแฟนผมอยู่ด้วย พาแฟนไปด้วยได้ไหมช่างกิต ตอบว่า ได้ จากนั้นกรานต์ก็ขี่มอไซมาส่งแฟนที่บ้าน และกรานต์ก็ขี่ไปที่อู่ช่างกิต โดยที่แท็ป และนิว ถึงอู่ช่างกิตก่อนแล้ว

และยืนสูบบุหรี่กันก่อน ขึ้นรถเก๋งสีแดงออกไป โดยตำแหน่งที่นั่งจะเป็นแบบนี้ตามภาพ สงกรานต์นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนเบาะหลัง แท็ป นิว โอ๊ต

โดยตลอดทางที่ขับรถออกไป ช่างกิตไม่ได้บอกรายละเอียด บอกแค่ไปทำธุระ พอไปถึงหมู่บ้านของพร ก็ขับวนและมาจอดรถรอ ตนจึงรู้สึกแปลก เพราะปกติเวลาไปดูรถลูกค้าพอไปถึงก็จะไปเจอลูกค้าและดูรถกันเลย ตนจึงถามช่างกิตว่า รออะไรพี่ จอดทำไม ช่างกิตบอกว่า รอแป๊บนึง เดี่ยวก็มาแล้ว

ระหว่างที่นั่งรอและช่างกิตลงจากรถไปสูบบุหรี่ ตนเห็นมีกองเชือกสีแดงที่เท้า จึงหยิบขึ้นมาดูและคุยกับทั้ง 3 คนที่อยู่บนรถ ว่ามีเชือกอยู่บนรถด้วย ทุกคนก็จับดูว่าเป็นเชือกอะไรและคุยกันว่า มันเริ่มแปลกๆ จากนั้นไม่นานพอ ใหม่คนตายขี่รถมอเตอร์ไซคค์ออกมา ช่างกิตก็ขับรถตามอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่พาตัวขึ้นรถ

โดยการขับรถเบียดประกบใหม่ จนใหม่เบรครถมอไซและล้มลงกอหญ้า และช่างกิตบอกให้กรานต์เปิดประตูและให้ใหม่ขึ้นรถ กรานต์เลยบอกว่า "พี่ขึ้นรถ" และใหม่ก็ลุกขึ้นรถโดยดี โดยที่กรานต์ บอกว่า ตนเองไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้ขู่บังคับ ไม่ได้อุ้ม

นายใหม่ยอมเดินขึ้นเอง ส่วนโอ๊ต ช่างกิตบอกให้ไปขับรถมอเตอร์ไซค์กลับไปที่บ้าน ผังที่นั่งด้านหลัง จึงเปลี่ยนเป็นแท็ป ใหม่และนิว

โดยที่นั่งรถมาก็ไม่ได้คุยอะไรกัน นั่งกันเงียบก่อนมาจอดแวะ ร้านสะดวกซื้อ เส้นคลองขุด ช่างกิตลงไปซื้อบุหรี่ นายใหม่ ผู้ตาย จึงถามว่า "พี่จับผมมาทำไม" กรานต์กับแท็ปเลยบอกใหม่ว่า "ผมก็ไม่รู้ เขาหลอกผมมาเหมือนกัน"

จากนั้นซื้อบุหรี่เสร็จก็ขึ้นมาบนรถแล้วขับกลับมาที่อู่ของช่างกิต ระหว่างทาง ช่างกิตถามนายใหม่ว่า ชื่อนี้ใช่ไหม นามสกุลใช่ไหม บ้านเลขที่นี้หมู่บ้านนี้ ทำงานที่นี่ใช่ไหม ผู้ตายตอบคำเดียวว่า "ครับ" ตน แท็ป และนิวจึงขอให้ส่งที่บ้านก่อน

ช่างกิตก็มาส่งตนที่ปากซอยบ้าน ประมาณ 22.50 น. แล้วกิตลงไปก่อน แล้วใหม่ก็ถามอีกรอบว่า "จับผมมาทำไม" กรานต์ แท็ป นิว ยืนยันกับใหม่อีกรอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน เขาหลอกผมมาเหมือนกัน"

กรานต์ แท็ป นิว ลงไปสูบบุหรี่กับ ช่างกิต คุยเรื่องวิ่งงานรถตู้ทึบปกติ โดยที่ใหม่นั่งอยู่ในรถคนเดียว และจากนั้นกรานต์ แท็ป นิว ขอแยกย้ายกลับบ้านและเดินไปเจอโอ๊ต หลังบ้านช่างกิต และเห็นโอ๊ตสูบบุหรี่อยู่ โดยที่ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของใหม่แล้ว

จากนั้นแท็ป นิว กลับบ้าน ส่วนกรานต์ไปดื่มเหล้ากับรุ่นพี่ โดยแท็ปกับนิวจะไปซื้อปลาหมึก แต่ไม่ได้ไป เข้าเซเว่นฯ แทน และข้ามจากเซเว่นมาซื้อลาบกลับไปกินข้าวที่บ้าน

และหลังจากนั้นประมาณ 23.00 เกือบเที่ยงคืน กรานต์ ออกจากที่นั่งดื่มเหล้ากับรุ่นพี่ ออกไปโซดา และมาดื่มเหล้าต่อ และแยกย้ายกลับบ้าน ก็มาหาแฟน และนั่งกินข้าวอาบน้ำนอน

นายกรานต์ บอกว่า ที่ข่าวออกไปว่ากรานต์ใส่เสื้อสีชมพูตอนตี 2 ยืนยันไม่ใช่กรานต์จริง ๆ เพราะวันนั้นตนใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงเจเจสีเขียวขี้ม้าขาสั้น รองเท้าแตะสีน้ำเงินหูรองเท้าสีเทา

ตอนนี้เลยให้ตำรวจไล่ภาพกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นชายเสื้อสีชมพูตามคลิปกล้องวงจรปิดที่ปรากฏและไม่ได้รู้เห็นว่าเกี่ยวข้องในการทำให้นายใหม่ตาย แม้แต่นิดเดียว ตนก็ยังงง ว่าทำไม ช่างกิต ถึงพูดแบบนั้นออกมาได้ ว่าแท็ปและกรานต์ไปร่วมก่อเหตุด้วย

ตนเองรู้จักช่างกิตมานานรักและเคารพเหมือนพี่ชาย ไม่คิดว่าพอเกิดเรื่องและจะมาโยนความผิดให้แบบนี้ซึ่งหากวันที่เกิดเหตุ ช่างกิตบอกตรงๆว่าต้องไปอุ้มคน ตนไม่ไปแน่นอน ส่วนพรแฟนของช่างกิตตน ไม่เคยรู้จักมาก่อนยืนยันว่าไม่มีการเสนอเงินค่าจ้างสั่งให้อุ้มคน

ส่วนเรื่องข้อหาตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา แต่เรียกไปในฐานะเป็นพยานเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการสอบปากคำอีกครั้งนึง วันนี้ เนื่องจากว่าการให้ปากคำไม่ตรงกันและเสื้อผ้าที้ใส่วันที่ 27 มกราคม ไปเก็บไว้ด้วย ตนเองยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

ขณะที่ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์เดินทางไปบ้านของช่างกิต ซึ่งอู่กับบ้าน เป็นที่เดียวกันพบว่ามีรถตู้จอดอยู่ 1 คัน ส่วนบ้านปิดเงียบ

ทีมข่าวจึงพยายามติดต่อโอ๊ต โดยโอ๊ตบอกว่า ตนเป็นหลานของช่างกิตและปกติช่างกิตจะรับซื้อรับจำนำรถอยู่แล้ว วันที่เกิดเหตุ 27 มกราคม ช่างกิตบอกว่า ให้ไปเอารถเป็นเพื่อนอาหน่อย ตนก็คิดว่า เป็นเรื่องปกติ จึงขึ้นรถเก๋งสีแดงออกไปด้วย และไม่รู้ว่ามีการชวนสงกรานต์ แท็ปและนิวไปด้วย

พอไปถึงก็นั่งรออยู่บนรถจนกระทั่งนายใหม่ ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ช่างกิตก็ขับตามอย่างรวดเร็ว และพอถึงจุดที่มีการเบียดรถนายใหม่ล้ม ช่างกิตและคนบนรถตะโกนว่า โอ๊ต โอ๊ต โอ๊ต ตนเองจึงเปิดประตูรถลงไปและเห็นว่ารถของใหม่ ล้มอยู่ ตนจึงพยุงรถขึ้นและขี่กลับบ้านเพราะเข้าใจว่า เป็นรถที่เอามาจำนำกับช่างกิต ขับกลับมาถึงบ้านประมาณ 23:58 น.

จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง สงกรานต์ แท็ปและนิว กลับมาเอารถมอไซต์ที่บ้านตนเอง ซึ่งตรงนี้ยังให้การไม่ตรงกันเพราะสงกรานต์บอกว่า พอกลับมาถึงที่บ้านโอ๊ต ไม่เจอรถจักรยานยนต์แล้ว และ ของที่โยนทิ้งป่าข้างทางโอ๊ต ก็ไม่พูดถึงบอกขอรอให้ปากคำตำรวจอีกครั้งก่อน

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรกับช่างกิต โอ๊ตบอกว่า ตนรู้มาระยะหนึ่งแล้ว ว่าทั้งคู่คบหากันเป็นแฟนและคบหากันแบบเปิดตัว ช่างกิตเคยพามาที่บ้านมาสวัสดีย่าด้วย แต่ตนไม่รู้ว่า พรมีสามีอยู่แล้ว ส่วนอากิต จะรู้หรือไม่ตนเองไม่ทราบ เพราะอากิตไม่เคยเล่าให้ฟัง

วงจรปิดตัวแรกที่เป็นกุญแจดอกสำคัญในการ สืบสวนและแกะรอยไขคดีนี้ ถือกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านผู้ตาย พบรถเก๋งสีแดงทราบภายหลังคือ Mitsubishi Mirage ขับเข้ามาในหมู่บ้านตอนประมาณ 21:45 น ของวันที่ 27 มกราคม จากนั้นขับตามรถจักรยานยนต์ของผู้ตายออกจากหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว ตอนประมาณ 22:00 น.

ทำให้ตำรวจเริ่ม แกะรอยจากรถต้องสงสัยคันนี้และพบว่ามีการขับขี่ ตามรถจักรยานยนต์ของผู้ตายอย่างกระชั้นชิดไปตลอดซอยจงศิริ ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

จนกระทั่งได้ภาพนาทีสำคัญ นาทีอุ้มนายใหม่ ผู้ตายขึ้นรถมิราจแดง โดยทราบภายหลัง จากที่ตำรวจจับกุมช่างกิต ผู้ต้องหาตัวการสำคัญได้ ทำให้ทราบว่า ในรถคันดังกล่าวช่างกิตเป็นคนขับ เบาะซ้ายข้างช่างกิต คือ นายสงกรานต์ ส่วนเบาะหลังนั่งเรียงกันแท็ป นิว และโอ๊ต

ซึ่งจังหวะที่ช่างกิตขับเบียดรถจักรยานยนต์ของนายใหม่จนล้มลงข้างทาง นายสงกรานต์และนายแท็ป เปิดประตูลงไปและบอกให้นายใหม่ขึ้นรถ ส่วนนายโอ๊ต เดินลงจากประตูขวา หลังคนขับและเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ของนายใหม่ ก่อนจะกลับตามกันออกไปตามกล้องวงจรปิด ซึ่งตำแหน่งเบาะหลังตามคำให้การจะเป็น แท็ป ใหม่ นิว

ต่อมาเวลา 00.52 นาที ของวันที่ 28 มกราคม 2567 รถยนต์เก๋งมิราจสีแดง คันดังกล่าวได้ขับมาจอดที่อู่ของ "นายกิต" จากนั้น "นายกิต" ลงจากรถ เพียงคนเดียว คาดว่า ใหม่ถูกมัดมือ มัดเท้าอยู่บนรถ ส่วนคนอื่นๆ คาดว่าส่งลงรถก่อนแล้วตามคำให้การของ 4 คน จากนั้น นายกิต เปิดกระโปรงท้าย เพื่อเอาสิ่งของบางอย่างออกแล้วเข้าบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมา "นายกิต" ตัดสินใจเอาทะเบียนปลอมมาเปลี่ยนเพื่อหวังตบตาตำรวจ

จากนั้น เวลา 01.00 น. วันเดียวกันกล้องวงจรปิดบันทึกภาพของชายปริศนา สวมเสื้อยืดสีชมพู คาดว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ เดินออกจากที่จอดรถ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอู่ของ "นายกิต" ไปวนเวียนอยู่บริเวณอู่ชั่วขณะหนึ่ง

เวลา 02.10 ชายปริศนาได้ขี่รถมอเตอร์ไซด์ มาจอดที่ท้ายรถตู้ทึบของ "นายกิต" ซึ่งคาดว่า ขณะนั้น "นายใหม่" ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกพันธนาการอยู่ในรถเก๋งมิราจคันดังกล่าว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/uJl_9gOpv9A


คุณอาจสนใจ