อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน อดีตผกก.พัทยา เข้าข่ายผิดวินัย ไม่คัดค้าน ‘ชายเยอรมัน’ ซื้อบริการทางเพศ

โดย paweena_c

5 ธ.ค. 2566

128 views

“บิ๊กโจ๊ก” ยืนยัน อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา เข้าข่ายผิดวินัย เพราะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน กรณีผู้ต้องหาชาวเยอรมันซื้อบริการทางเพศ ก่อนหนีออกจากไทย เนื่องจากไม่คัดค้านการประกันตัว และไม่ยอมเพิกถอนวีซ่า ทั้งที่เป็นความผิดร้ายแรง

จากกรณีช่อง DW documentory ของเยอรมัน นำเสนอสารคดีข่าวเกี่ยวกับการค้าบริการเด็ก ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย โดยระบุว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ในข้อหา ซื้อบริการเด็ก แต่สุดท้ายผู้ต้องหา ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยเป็นเงินกว่าล้านบาทจนหนีออกจากไทยและมาใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ที่เยอรมัน

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เข้าจับสถานบริการในพื้นที่เมืองพัทยา พบมีการค้าประเวณีเด็ก รวม 8 คน ซึ่งได้มีการดำเนินคดีทั้งเจ้าของร้าน และผู้ซื้อบริการ



ส่วนประเด็นผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ที่ซื้อบริการเด็กแล้วได้รับการประกันตัวจากศาล จนออกนอกประเทศไทยไปได้ มาจากความบกพร่องของผู้กำกับการ สภ.เมืองพัทยา ในขณะนั้น ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะคดีนี้ผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ตามขั้นตอนจะต้องรายงานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเพิกถอนวีซ่า ทำให้ไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ ซึ่งแม้ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัว แต่ก็จะต้องถูกคุมตัวในห้องกักขังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจนกว่าจะขึ้นศาล

นอกจากนี้ในระหว่างที่นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง กลับไม่มีการค้านประกันตัวผู้ต้องหาทั้งที่เป็นคดีค้ามนุษย์ อีกทั้งในระหว่างที่นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังกลับไม่คัดค้านการประกันตัวทั้งที่เป็นคดีค้ามนุษย์

ซึ่งตนได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้พิจารณาว่าการกระทำของผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง รวมถึงมีการรับผลประโยชน์หรือไม่ และในวันศุกร์นี้ตนจะประชุมกับผู้ช่วยทูตตำรวจเยอรมัน ในเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาชาวเยอรมันและอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศว่า ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชั่วคราว

โดยให้เหตุผลว่าจะกลับไปที่เยอรมันเพราะมีปัญหาเรื่องธุรกิจ โดยจะเดินทางไปวันที่ 7 พฤศจิกายน และกลับมารายงานตัวที่ศาลในวันที่ 14 พฤศจิกายนปีที่แล้ว พร้อมวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ซึ่งศาลก็อนุญาต เพราะเห็นว่าผู้ต้องหามีธุรกิจและมีที่อยู่ในไทย รวมถึงมีภรรยาเป็นคนไทย และผู้ต้องหาก็ยืนยันจะกลับมาต่อสู้คดี แต่สุดท้ายผู้ต้องหาไม่ได้มารายงานตัวต่อศาลตามกำหนด ซึ่งทางศาลก็ได้ยึดเงินประกัน และออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/mULKOJ3UwJM

คุณอาจสนใจ

Related News