ครูโหดคว้าถาดหลุมฟาดหลัง นักเรียนวัย 2 ขวบ จนช้ำ ครอบครัวรับไม่ได้ลุยเอาผิด

ครอบครัวร้อง ลูกชายวัย 2 ขวบ ถูกครูในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด ทำโทษ ใช้ถาดหลุมฟาดหลัง จนเป็นแผลฟกช้ำ ลุยแจ้งความเอาผิด

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กเป็นหนึ่ง ได้โพสภาพพร้อมข้อความโดยระบุว่า พ่อเด็ก 2 ขวบร้องมาทาง เป็นหนึ่ง ว่าลูกถูกครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ทุบตีลูกชายของตนด้วยถาดข้าวที่เป็นเหล็ก จนร่างกายมีบาดแผลฟกช้ำ ทาง เป็นหนึ่ง รับเรื่องแล้ว และจะลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนที่สุด ต้องตีแรงขนาดไหน ถึงซ้ำขนาดนี้

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบไปยังศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่ง ภายในตำบลโพธิ์ทอง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการสอบถามนายชุมพล มาโยธา นายก อบต.โพธิ์ทอง กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 พ.ย.66 เวลา 09.00 น. ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองว่าเด็กชายวัย 2 ขวบ (เอ นามสมมติ) พบบาดแผลฟกช้ำ บริเวณแผ่นหลังในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ตนจึงออกคำสั่งให้ย้ายครูคนดังกล่าวกลับมาทำงานที่ อบต. และมอบหมายให้ ผอ. กองการศึกษาและครูถูกกล่าวหาพาเด็กชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อนำผลการตรวจร่างกายมาไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ส่วนครูทำร้ายเด็ก ตนมีคำสั่งย้ายกลับไปทำงานที่ อบต. ชั่วคราว พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริงแล้ว ครูศูนย์เด็กเล็ก คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าในวันเกิดเหตุ หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ เด็กประมาณ 30 คน ได้เข้าแถวตอนเรียงหนึ่งเพื่อนำถาดหลุมอาหารกลางวันมาวางซ้อนกัน ในลักษณะเป็นเกมให้เด็กได้รู้ถึงการเก็บถาดอาหารให้เป็นระเบียบ

ก็มีเด็กกลุ่มสองขวบ อยู่ประมาณ 3-4 ขวบ ซึ่งจะสลับอยู่ในระหว่างแถว จนถึงเด็กชายเอ เดินเข้ามาก็นำถาดหลุมมาวางซ้อนกับถาดที่วางก่อนหน้านั้น แต่ก็อาจจะใช้เวลาหมุนถาด ตามพัฒนาการของเด็กวัย 2 ขวบ ซึ่งอาจจะช้าจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเห็นเหตุการณ์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเนื่องจากครูที่ทำร้ายเป็นหัวหน้าศูนย์เด็ก

ด้านคุณ ศิริประภา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี แม่ของน้องเอ (นามสมมติ) บอกว่า น้องเอ ลูกชายของตน อายุ 2 ขวบ เรียนที่อนุบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด พักอาศัยอยู่กับคุณตาและคุณยายที่จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนตนทำงานที่จังหวัดระยอง

จากการสอบถามยายของน้อง เล่าให้ฟังว่า แต่เมื่อวันพุทธที่ 8 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา น้องหนึ่งกลับมาที่บ้าน น้องมีอาการร่าเริงปกติ เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน ก่อนที่คุณยายจะเรียกมาอาบน้ำถอดเสื้อผ้าถึงได้พบรอยช้ำที่บริเวณด้านหลัง และแขนขวา และยังมีรอยช้ำคล้ายฝ่ามือ คุณยายจึงถามน้องแต่น้องกลับเงียบ ไม่พูด

ตื่นเช้าขึ้นมาจึงพาน้องไปเรียนตามปกติ คุณยายจึงเดินเข้าไปถามคุณครูในโรงเรียนว่า "น้องไปโดนอะไรมา มีรอยเขียวช้ำตามร่างกาย" คุณครูท่านนั้นจึงจับมือคุณยายเดินเข้าไปในห้องและบอกกับคุณยายว่าคุณครูสุมารีย์ เป็นคนทำร้ายน้อง

ซึ่งคุณยายเกิดความตกใจ และคุณยายจึงเดินเข้าไปสอบถามคุณครูสุมารีย์ว่าได้ตีน้องหรือไม่ คุณครูตอบว่าตีไปสองครั้ง จากนั้นคุณยายถามว่า ได้ใช้ถาดอาหารตีน้องหรือไม่แต่คุณครูสุมารีย์กับเงียบ

จากนั้นคุณยายจึงรีบพาน้องไปโรงพยาบาล พอหมอเห็นก็ตกใจและถามคุณยายว่าน้องโดนอะไรมา คุณยายจึงบอกว่าถูกครูตี คุณหมอจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ ตนรู้สึกเสียใจและโมโหคุณครูที่ทำร้ายร่างกายลูกชายเป็นอย่างมาก ตนเองคิดมาตลอดว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง คุณครูที่มีวุฒิภาวะไม่ควรทำรุนแรงกับเด็ก ทั้งนี้อยากให้เคสของลูกชายของตนเป็นกรณีตัวอย่าง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/_6VIA4mpr6g