อาชญากรรม

สาวโต้! เป็นบัญชีม้าลวงน้องพลอย ไม่รู้ด้วยว่ามีธนาคารนี้ ร้านโทรศัพท์ร้องถูกตัดต่อ-แอบอ้าง ได้รับผลกระทบ

โดย paweena_c

18 ต.ค. 2566

176 views

ตำรวจไซเบอร์คุมตัวสาวเจ้าของบัญชีที่ลวงน้องพลอยโอนเงิน สูญเกือบ 2 หมื่นบาท จนตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง มาสอบสวน เจ้าตัวโต้เป็นบัญชีม้า ตนเองไม่เคยมี และไม่เคยรู้ด้วยว่ามีธนาคารนี้

เมื่อเช้านี้ผู้สื่อข่าว เดินทางไปพบกับ น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 23 ปี เจ้าของบัญชีม้าตามที่อยู่ที่ จ.ชัยภูมิ พบว่า น.ส.ดอกแก้ว ได้ถูกตำรวจไซเบอร์เชิญตัวมาสอบปากคำเบื้องต้นที่ สภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ก่อนจะส่งต่อมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ

ระหว่างนั้นสอบถาม น.ส.ดอกแก้ว ยืนยันว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเรื่องที่มิจฉาชีพนำชื่อของตนเองไปใช้เปิดบัญชี แล้วนำมาหลอกผู้ตายให้โอนเงินค่าโทรศัพท์มือถือ เพราะตนเองมีบัญชีธนาคารแค่ 3 บัญชี คือ ธนาคารกรุงไทย ที่ตนเองใช้ประจำ และธนาคารกสิกร ตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะจำรหัสแอพไม่ได้ ส่วนธนาคาร ธกส. เป็นบัญชีของลูกชาย อายุ 4 ขวบ ที่เปิดไว้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ส่วนบัญชีธนาคารที่ผู้ตายโอนให้มิจฉาชีพ ตนเองไม่เคยมี และไม่เคยรู้ด้วยว่ามีธนาคารนี้

ส่วนบัตรประชาชน ยืนยันไม่เคยทำหาย หรือนำไปสมัครอะไรในเน็ต รวมทั้งไม่เคยมีใครว่าจ้างให้เปิดบัญชีให้แต่อย่างใด ส่วนช่วงที่ตนเองไปทำงานที่กรุงเทพ ตนเองจะรับเงินค่าแรงเป็นเงินสดบ้าง และผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย

น.ส.ดอกแก้ว ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยถูกคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์มาอ้างว่าตนเองส่งของผิดกฏหมาย และอยู่ในเครือข่ายค้ามนุษย์ ซึ่งในตอนนั้นตนเองก็ไม่เชื่อ ต่อมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาอ้างว่า ตนเองไปกู้เงินออนไลน์ จำนวน 10,000 บาท โดยมิจฉาชีพส่งสลิปมายืนยันว่า ได้โอนเงินมาให้ตนเอง ตนเองจึงได้แสกนดูปรากฏว่า เป็นของปลอมเลยเดินทางไปแจ้งความ

แต่ครั้งนี้ตนเองยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อไปเปิดบัญชี จนทำให้มีคนเสียชีวิต และเมื่อวานนี้ตนเองได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้ว เพราะมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อจนทำให้เกิดความเสียหาย และส่วนหนึ่งเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

ขณะที่พ่อและแม่ของ น.ส.ดอกแก้ว บอกว่า ตนเองมีลูกสาว 2 คน น.ส.ดอกแก้ว เป็นลูกคนที่ 2 ก่อนหน้านี้ลูกสาวไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่กรุงเทพ ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท โดย 2 อาทิตย์ก่อน ลูกสาวกลับมาบ้าน ก็ไปทำงานรับจ้างกรีดยางพารา

ส่วนกรณีที่ว่าลูกไปหลอกให้เขาโอนเงินค่าโทรศัพท์แล้วก็โกง ตนเองไม่เชื่อว่าลูกจะมีพฤติกรรมไปหลอกลวงคนอื่น ซึ่งต้องไปถามกับลูกของตนเอง เพื่อความแน่ชัดว่ามีพฤติกรรมไปหลอกลวง หรือโกงคนอื่นจนทำให้มีคนเสียชีวิตหรือไม่ และถ้าลูกทำจริง ก็ต้องให้ลูกเป็นคนรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ แต่ถ้าไม่ได้ทำก็อยากขอความเป็นธรรมให้ลูกด้วย

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังเดินทางไปตรวจสอบร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าวที่ระบุว่าอยู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่าร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ซึ่งตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวน สภ.เกาะทวด ที่ระบุว่า เป็นการสร้างโปรไฟล์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงลูกค้าดังกล่าว

ด้านผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันจ่อออกหมายจับ บัญชีม้าจำนวน 4 แถว ที่นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โอนเงินไปซื้อไอโฟนแล้วถูกหลอกภายในวันนี้

พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ตำรวจไซเบอร์ได้รับโอนคดีจาก สภ.เกาะทวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มาแล้ว และมอบหมายให้ ตำรวจ สอท.5 เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดทั้งเครือข่าย

เบื้องต้น ได้ตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน และได้ข้อมูล IP Address ของผู้ใช้ Facebook ที่มาหลอกลวงผู้เสียหายแล้ว

ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งภายในวันนี้ จะสามารถออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ โดยเป็นกลุ่มบัญชีม้าทั้งหมด 4 แถว ที่มีการรับโอนเงินต่อจากบัญชีที่ผู้เสียหายโอนไป รวมไปถึงบุคคลที่ทำหน้าที่ไปกดเงินสดด้วย

สำหรับคดีนี้ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตำรวจไซเบอร์ สืบสวนสอบสวน อย่างเต็มที่ เพื่อให้จับกุมตัวผู้กระทำผิดได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งวันนี้ ตำรวจไซเบอร์ก็จะมีการประชุมสรุปสำนวนที่รับโอนมาจาก สภ.เกาะทวด ด้วย



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/JcT0RfgHJf8

คุณอาจสนใจ

Related News