พ่อ ‘จีจี้’ คาใจ ทำไมเด็ก 18 ถึงพกปืนได้ ผบ.ตร.เผยปืนเป็นของพ่อฝ่ายชาย ลงทะเบียนถูกต้อง

ครอบครัวน้องจีจี้ เดินทางไปรับศพน้องจีจี้ เพื่อไปทำพิธีทางศาสนา ยอมรับยังคาใจประเด็นเรื่องปืน ที่อิคคิว นำมาใช้ก่อเหตุ เจ้าของปืนตัวจริงเป็นใคร และต้องรับผิดด้วยหรือไม่

เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น.ที่ผ่านมา ครอบครัวของนางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ หรือ จีจี้ เน็ตไอดอลชื่อดัง ซึ่งถูกพบเป็นศพพร้อมกับแฟนหนุ่ม คือ นายภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา หรือ อิคคิว นักเรียนเตรียมทหาร ลูกชายของอดีตพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ที่คอนโดย่านอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นห้องของจีจี้ โดยสภาพศพทั้ง 2 ศพ พบมีร่องรอยถูกยิงที่ศีรษะนั้น ครอบครัวได้เดินทางที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อทำเรื่องขอรับศพจีจี้ไปทำพิธีทางศาสนา ทั้งนี้ไม่พบว่ามีครอบครัวของอิคคิว มารับศพอิคคิว ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันแต่อย่างใด

ขณะที่พ่อของจีจี้ กล่าวว่า ยังคาใจเรื่องอาวุธปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่าทำไมอิคคิว ซึ่งมีอายุเพียง 18 ปี ถึงมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ซึ่งเมื่อคืนนี้ได้ถามประเด็นนี้กับพนักงานสอบสวนได้รับคำตอบว่า ปืนที่อิคคิวใช้ก่อเหตุ เป็นปืนที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่บอกว่าใครเป็นเจ้าของปืน ซึ่งตนต้องการคำตอบว่าใครเป็นเจ้าของปืน และเจ้าของปืนจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรมกับลูกสาวของตน

ขณะที่พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน ซึ่งได้เน้นย้ำไปแล้วว่าขอให้เร่งรัดในการดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจ

เบื้องต้น ในที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตฝ่ายชาย คาดว่าถูกฝังอยู่ในศีรษะ แต่ต้องรอความชัดเจนจากผลแพทย์อีกครั้ง

ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของใคร เบื้องต้นพบว่าเป็นปืน SIG SAUER ซึ่งเป็นปืนที่มีเสียงเบากว่าปกติ เบากว่าประทัด ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงขณะยิง รวมถึงมีบุคคลที่สามเข้าหรือออกในช่วงเวลาเกิดเหตุหรือไม่นั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน แต่คอนโดดังกล่าวเป็นคอนโดหรู ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี

ส่วนประเด็นที่เมื่อวานนี้ครอบครัวฝ่ายน้องจีจี้ ได้เซ็นต์เอกสารไม่ติดใจสาเหตุการตายนั้น ขอชี้แจงว่าการไม่ติดใจสาเหตุการตาย คือ ไม่ติดใจว่าถูกยิงตาย ส่วนสาเหตุที่ถูกยิงเป็นคนละส่วนกัน เพราะทางครอบครัวได้มีการถามกับพนักงานสอบสวนว่า ถ้าครอบครัวเชื่อว่ามีคนทำให้จีจี้เสียชีวิตจะสามารถฟ้องร่วมกับอัยการได้หรือไม่

พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตร และต้องเอามารวมกับผลตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งวิถีกระสุน ทิศทางกระสุน รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ

เบื้องต้นจากการที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจดูทิศทางแนววิถีกระสุน คาดว่า "ฝ่ายชายน่าจะเป็นคนก่อเหตุ" แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอทาง พฐ. สรุปวิถีกระสุนให้แน่ชัดก่อน

ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เท่าที่ย้อนเวลากลับไปดูไทม์ไลน์ เบื้องต้นได้ข้อมูลจากเพื่อนของฝ่ายหญิงว่า ทั้งคู่ได้ไปเที่ยวพัทยากันในช่วงวันสงกรานต์ ก่อนจะกลับเข้ามายังห้องพัก แต่ในช่วงวันที่ 18-19 เมษายนที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด

ยืนยันว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน โดยตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งรวมถึงยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีตัวละครเพิ่มหรือไม่ ส่วนการชันสูตรศพของแพทย์ เบื้องต้นพบว่า ทั้งคู่เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-24 ชั่วโมง

ส่วนประเด็นเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่า เป็นของคนในครอบครัวของฝ่ายชาย และเป็นปืนที่ใช้ในอาชีพข้าราชการ ซึ่งตัวอิคคิว ซึ่งอายุ 18 ปีไม่สามารถครอบครองปืนได้อยู่แล้ว ส่วนเจ้าของปืนจะมีความผิดหรือไม่ต้องดูว่าปืนถูกขโมยไปหรือรู้เห็นเป็นใจให้นำไปใช้หรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบอีกที

ส่วนความเคลื่อนไหวที่ สน.มักกะสัน พันตำรวจเอกเสนาะ พูนเพชร ผู้กำกับการสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และรักษาการผู้กำกับการ สน.มักกะสัน ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ

ล่าสุด พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุน่าจะมีคนเข้าไปได้เพียง 2 คน จึงน่าเชื่อว่าฝ่ายชายใช้อาวุธและฆ่าตัวตายตาม คงไม่มีประเด็นอื่น ส่วนอาวุธปืนเบื้องต้นพบว่าเป็นของบิดาของฝ่ายชาย ซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/HBrRr0FmeYc