อาชญากรรม

ตร.แจ้ง 3 ข้อหา ‘ตู้ห่าว’ คุมตัวฝากขังผัดแรก เจ้าตัวยืนยันความบริสุทธิ์ ปัดทำธุรกิจสีเทา

โดย paweena_c

24 พ.ย. 2565

80 views

ตำรวจนำตัวนาย “ตู้ห่าว” ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังเป็นผัดแรก ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ปฏิเสธรับเงินแลกปล่อยรถ

เมื่อช่วงบ่ายโมงวานนี้ (23 พ.ย.) นาย ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ นายตู้ห่าว สวมเสื้อสีครีม สูทดำ นั่งมาในรถตู้สีดำ ก่อนจะเดินลงที่หน้าสโมสรตำรวจ ท่ามกลางกองทัพนักข่าวที่ไปรอ ทันทีที่มาถึงนักข่าวของช่อง 3 คุณ สุวรรณ เพ็งอ้น ก็เข้าไปสอบถามทันทีว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่ถูกออกหมายจับหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบปฏิเสธ ไปฟังบรรยากาศช่วงนั้น จากนั้น “ตู้ห่าว” ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และเดินเข้าไปให้ปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง

ขณะที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาสอบสวนด้วยตัวเองก่อนจะออกมาแถลงข่าว เปิดเผยว่า ปฏิบัติการกวาดล้างนายทุนจีนสีเทา และนอมินีที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงในไทย มีด้วยกัน 5 กลุ่มคือ 1.กลุ่มนายตู้ห่าว 2.กลุ่มนายเดวิด 3.กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย ซึ่ง 3 กลุ่มนี้โดนจับแล้ว 4.กลุ่มนายโทนี่ อยู่ระหว่างติดตามจับ และ 5.กลุ่มนายหมิง หลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างประสานขอออกหมายจับสากล หรือหมายแดงของตำรวจอินเตอร์โพลล์

จากการสอบสวนพบว่า ทั้ง 5 กลุ่ม มีความสัมพันธ์รู้จักกัน โดยแต่ละกลุ่มจะแยกย้ายไปธุรกิจผับในพื้นที่ต่างๆ เช่น ท็อปวันในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาด และเสียชีวิต ในกลุ่มนี้จับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 8 คน กลุ่มที่ 2 คือคลับวัน ในพื้นที่ เมืองพัทยา โดยมีนอมินีที่เป็นชาวจีน 4 ราย ที่สวมบัตรประชาชนไทย เคยสร้างวีรกรรมด่าผู้ว่า และตำรวจ "ว่ามีการจ่ายเงินแล้วทำไมถึงถูกจับกุม"

กลุ่มที่ 3 คือ ผับจินหลิง ย่านยานนาวา ที่เปิดให้นักเที่ยวจีนเข้ามาใช้บริการและเสพยาเสพติด ซึ่งที่นี่ นาย ตู้ห่าว เป็นเจ้าของ ส่วนกลุ่มที่4 คือ Baby face ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ มีแม่ยายของนายเดวิด เป็นนอมินี

ส่วนการเข้าค้นบ้าน “ตู้ห่าว” เมื่อวานนี้ เข้าค้นทั้งหมด 4 จุด โดย 2 จุดหลัก คือ บ้านย่านราชพฤกษ์มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตำรวจได้อายัดทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ทั้งอสังหาฯ รถยนต์ เงินสด มากกว่า 1,000 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ พร้อมเรียก พันตำรวจเอกหญิง ที่เป็นภรรยาของนายตู้ห่าวมาชี้แจงเรื่องทรัพย์สินที่ได้มา เพราะเชื่อว่าลำพังเงินเดือนตำรวจคงไม่สามารถมีเงินและบ้านหรูขนาดนี้ได้ แต่ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจได้ระดมตรวจค้นเครือข่ายนักธุรกิจสีเทามาแล้วใน 20 จังหวัด 75 จุด จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกันได้มากถึง 93 คน แม้ครั้งนี้นายตู้ห่าวจะปฏิเสธ แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน และจะคัดค้านการประกันตัวด้วย

พร้อมทั้งขยายผลถึงเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ในจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น แพร่ และเชียงใหม่ ที่อนุญาตให้เปลี่ยนวีซ่าจากนักท่องเที่ยว เป็นวีซ่านักศึกษา ทั้งที่บางคนอายุมากกว่า 50 ปี นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวน สน.ยานาวา และรองผู้กำกับการ จราจร สน.ลาดพร้าว ที่ปล่อยตัว นาย หวังเจิ้นหนาน อายุ 21 ปี หลานชายของ นาย ตู้ห่าว ที่ถูกจับที่ผับจินหลิง และ พันตำรวจเอก ณัฐพล โกมินทรชาติ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาในขณะนั้นปล่อยรถของกลางไป 4 คัน โดยแลกกับค่าตอบแทนคันละ 2 ล้านบาท

หลังจากแถลงข่าวจบ ตำรวจคุมตัว นายตู้ห่าว ไปดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา โดยเจ้าตัวยังยืนยันปฏิเสธว่าไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา หรือยาเสพติด พอรถผู้ต้องขังมาถึง สน.ยานนาวา นายสันธนะ ประยูรรัตน์ มายืนรอพร้อมตะโกนเรียกชื่อ “ห่าว ห่าว” อย่างสนิทสนมด้วย แต่เมื่อวานนี้ นายตู้ห่าว ก็ไม่ได้อนุญาตให้ นายสันธนะ เข้าเยี่ยม

ล่าสุดเมื่อประมาณ 10.45 น. ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ยานนาวา คุมตัว นายตู้ห่าว ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังผัดแรก ใน 3 ข้อหาที่ถูกออกหมายจับ คือ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยตำรวจได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว

การเดินทางไปศาลครั้งนี้ ตำรวจใช้รถมอเตอร์ไซค์สายตรวจ 4 คัน และรถกระบะของตำรวจประกบท้ายรถอย่างหนาแน่น และมีตำรวจนอกเครื่องแบบนั่งประกบผู้ต้องหาไปบนรถด้วย โดยขณะที่ควบคุมตัวมาขึ้นรถ นายตู้ห่าว มีสีหน้าดูเครียดเล็กน้อย และเมื่อถามว่า ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองอยู่หรือไม่ นายตู้ห่าว ตอบว่า ยืนยันจากนั้นก็ไม่ตอบคำถามใดๆ อีก

สำหรับประเด็นเรื่อง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ปล่อยรถ วันนี้ (24พ.ย.) ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม พันตำรวจเอก ณัฐพล ถึงเรื่องนี้ก็ตอบเพียงสั้นๆ ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องของการเรียกรับผลประโยชน์ตามที่มีกระแสข่าว และการมีคำสั่งย้ายนั้น ก็เป็นการกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 อยู่แล้ว เป็นเพียงเรื่องของการปรับกำลัง ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ถูกเรียกให้เข้าไปชี้แจง ยืนยันว่า ทำทุกอย่างตามหน้าที่ และไม่มีความกังวล

ขณะที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า หากไม่มีมูลก็แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากมีการแจ้งข้อกล่าวก็แสดงว่ามีมูลอยู่ ส่วนรายละเอียดขอไว้ในนำสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ล่าสุดได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด คือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้รองผู้บังคับการฯ มารับทราบข้อกล่าวหา ว่าอาจเข้าข่ายในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แล้ว

ด้านพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจหลายนายเข้ามาเกี่ยวข้องช่วยเหลือกลุ่มและเครือข่าย นายตู้ห่าว ว่า หากหลักฐานไปถึงตรงไหนก็จะดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา นี่ถือว่าเป็นการกวาดบ้าน ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจดีขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News