อาชญากรรม

ไร้เงาญาติมาเยี่ยม ชายวัย 70 ปี หลังบุกเดี่ยวจี้ร้านทองหาเงินจ่ายค่าไฟ

โดย JitrarutP

12 ส.ค. 2565

93 views

ยังไม่มีญาติติดต่อมาเยี่ยม ชายวัย 70 ปี ก่อเหตุอุกอาจ บุกเดี่ยวควบปืน 2 กระบอก จี้ชิงทองหาเงินจ่ายค่าไฟธุรกิจห้องเช่า ค้างชำระกว่า 2 หมื่นบาท

กรณีเกิดเหตุการณ์ในร้านทองแห่งหนึ่งในช่วงเย็นวานนี้ (11 ส.ค.) คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อยืดสีดำ และนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่หมวกแก๊ป สะพายกระเป๋าเป้สีดำ เดินเข้ามาในร้านแล้วหยิบปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับกระเป๋าสีดำยื่นให้กับพนักงาน บังคับให้หยิบถาดทองมา บอกว่าเร็วๆ หยิบมาๆ จากนั้นพนักงานหยิบถาดสร้อยทองน้ำหนัก 1 สลึงให้คนร้าย ก่อนที่เขาจะกวาดทองใส่ถุง แต่จังหวะที่จะออก ปรากฏว่าทางร้านล็อกประตูอัตโนมัติ

คนร้ายพยายามถีบประตูแต่ไม่ออก บอกให้พนักงานเปิดแต่ไม่มีใครเปิด เขาเลยกระชากและกระโดดถีบประตูจนตัวเองเซถลาหลังไปกระแทกเคาน์เตอร์ ก่อนจะตัดสินใจยิงไปที่ประตู 1 นัด แล้วถีบกระจกออกไป แต่ก็เสียหลักล้มโดนเศษกระจกที่แตก ทำให้ขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเดินข้ามถนนหลบหนีไป

แต่ขณะนั้นตำรวจจราจร สน.หลักสอง กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กับตลาดบางแค ได้ยินเสียงดังออกมาจากร้านทอง และชาวบ้านตะโกนบอกว่า มีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในร้าน และยิงประตูกระจกนิรภัย เพื่อหลบหนี ตำรวจจึงขอกำลังเสริมและติดตามไปควบคุมตัวไว้ได้ ขณะคนร้ายหนีไปนอนซ่อนตัวในป่ากล้วยใกล้กับลานจอดรถของห้างร้าง

ตอนที่เข้าไปควบคุมตัว พบว่าคนร้ายเป็นชายวัย 70 ปี ชื่อ นายบวร ก็ยอมให้จับแต่โดยดี ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน เพราะที่ขาซ้ายมีแผลถูกกระจกบาด ตรวจค้นตัวพบปืนขนาดจุด 38 จำนวน 1 กระบอก ภายในลูกโม่มีกระสุนบรรจุ อยู่ 4 นัด ถูกใช้ไปแล้ว 1 นัด พบสิ่งเทียมอาวุธปืน เป็นบีบีกัน ลักษณะปืนกล็อก อีก 1 กระบอก ในกระเป๋าสะพายสีดำเจอสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 17 เส้น มูลค่า 128,146 บาท

ช่วงที่ตำรวจคุมตัวมาที่ สน.เพชรเกษม นาย บวร ยอมรับว่า ที่ลงมือก่อเหตุเพราะเครียด เนื่องจากธุรกิจบ้านเช่าที่อยู่ภายในซอยวัดดุสิตาราม ค้างค่าไฟกว่า 2 หมื่นบาท ยังไม่ได้จ่าย และไม่มีเงินจะกิน ตลอด 10 วันที่ผ่านมา นั่งรถเมล์ตระเวนหาร้านทองเพื่อเตรียมจะก่อเหตุมาตลอด กระทั่งวันที่เกิดเหตุนั่งรถเมล์สาย 81 ผ่านหน้าร้านทองร้านนี้ เห็นว่ามีพนักงานเป็นผู้หญิงเฝ้าเคาน์เตอร์แค่ 2 คน จึงลงมือเลย ส่วนปืนซื้อมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ไม่รู้ถูกกฎหมายหรือไม่

วันนี้ทีมข่าวไปสอบถามความคืบหน้าคดีที่ สน.เพชรเกษม พบว่า นาย บวร ยังอยู่ในห้องขัง ไม่ได้มีอาการเครียด และบอกกับพนักงานสอบสวนว่ายอมรับชะตากรรม ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ยังไม่มีญาติมาเยี่ยม มีเพียงเพื่อนบ้านที่โทรมาคุยเท่านั้น

ส่วนบ้านเช่าของ นายบวร ทีมข่าวพูดคุยกับคนเช่าบ้านที่รู้จักกับผู้ต้องหามานานกว่า 20 ปี เล่าว่า นาย บวร เป็นคนดีมีน้ำใจไม่คิดว่าจะไปก่อเหตุรุนแรงได้ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากความเครียดเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะประชดชีวิต เพราะที่อ้างว่าไม่มีเงินกินเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนท์กว่า 20 ห้อง สามารถที่จะหาเงินได้

เช่นเดียวกับลูกบ้านอีกคนบอกว่า รู้สึกตกใจและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ นายบวร เคยคิดฆ่าตัวตายเนื่องจากมีความเครียดเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟแต่ละเดือนเป็นแสนที่ติดค้างหน่วยงานรัฐ เพราะไม่สามารถเก็บค่าเช่าห้องได้ ประกอบกับเจอสถานการณ์โควิด-19 ผู้เช่าหลายคนไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง อาจจะทำให้สถานการณ์ทางการเงินสะดุด

ส่วนความคืบหน้าทางคดีพนักงานสอบเตรียมนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลธนบุรีพรุ่งนี้ (13 ส.ค.) ในข้อหาชิงทรัพย์ พกปืนไปในที่สาธารณะ เมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในที่สาธารณะ เมือง หรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร

คุณอาจสนใจ