ฝากขังเจ้าของ ‘ดารุมะ’ พบบัญชีเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้าน อ้างถูกทวงหนี้หนัก จึงหนีไปตั้งหลัก

ตำรวจคุมตัว บอนนี่ เจ้าของ ‘ดารุมะซูชิ’ ฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์โดยคัดค้านการประกันตัว พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินคนใกล้ชิดเพิ่ม เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์

หลังจากที่ ตำรวจกองปราบปรามฯ และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ได้จับกุมตัว นายเมธา ชลิงสุข หรือบอนนี่ เจ้าของดารุมะซูชิ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางจากไต้หวัน กลับมาถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ ซึ่งบอนนี่ถูกตำรวจ ปคบ. ออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันทุจริต โดยนำเอาข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากไปแจ้งความดำเนินคดี หลังได้ขายคูปองบุฟเฟต์ปลาแซลมอนทิพย์ ในราคา 199 บาท รวมถึงยังได้ขายแฟรนไชนส์ให้ผู้สนใจสาขาละ 2.5 ล้านบาท

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัวบอนนี่ ซึ่งถูกตำรวจสอบปากคำตลอดทั้งคืน ไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลอาญา โดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีดังกล่าว มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมูลค่าความเสียหายสูง และหากอนุญาตให้ประกันตัวไป เกรงว่าอาจจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเปิดเผยว่า จาการสอบสวนพบว่าคดีนี้มีผู้เสียหายถึงหลักพันคน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีพบมีหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง รวมถึงจะดำเนินการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่า มีลูกค้าได้รับความเสียหาย จากการซื้อคูปองบุฟเฟต์ 33,002 คน โดยพบว่ามีการจำหน่ายคูปองผ่านแอปพลิเคชัน จำนวน 174,177 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 27 ล้านบาท ส่วนมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำธุรกิจมากกว่า 17 ล้านบาท

ส่วนการสอบปากคำนายบอนนี่ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าการเงินขาดสภาพคล่อง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงทำการออกคูปองบุฟเฟต์ราคา 199 บาท เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาการเงินอย่างหนัก เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในระบบ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบกับถูกทวงหนี้จำนวนกว่า 100 ล้านอย่างหนัก

จึงหลบหนีไปตั้งหลักที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีการเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ภายหลังทราบข่าว ประกอบกับถูกกดดันอย่างหนัก จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย ทั้งนี้ตำรวจยังไม่เชื่อในคำให้การของบอนนี่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง