เจ้าของโรงโม่หินปืนโหด ยิงผู้จัดการ วิ่งหนีถูกยิงซ้ำ ดับคาที่

ชุมพร เจ้าของโรงโม่หินปืนโหด ยิงทะลุคอผู้จัดการ วิ่งหนีตายถูกยิงซ้ำกลางหลัง ดับคาที่ ตำรวจเผยปมขัดแย้งธุรกิจ


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 พ.ค.65 ร.ต.อ.ณภัทร ด้วงสถิต พนักงานสอบสวน สภ.สวี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันตายภายในโรงโม่หิน พื้นที่หมู่ 7 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร จึงรุดตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุอยู่ภายในโรงโม่หิน พบศพ นายวีระวัฒน์ จิโนวัฒน์ เป็นผู้จัดการของบริษัทเช่าช่วงจากบริษัทเจ้าของสัมปทาน นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนถนนลูกรัง ลักษณะเป็นทางลาดชันตามแนวภูเขาใช้ในการขนย้ายหิน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. กระสุนเข้าต้นคอขวาทะลุกรามซ้าย 1 นัด ด้านหลังทะลุอกซ้าย 1 นัด รวม 2 นัด


ยังพบรอยเลือดเป็นทางยาวประมาณ 20 เมตร ไปถึงรถยนต์กระบะโตโยต้าสี่ประตู สีขาว จอดติดเครื่องหันหัวรถมาทางผู้เสียชีวิต ในกระบะหลังมีซองปืนหนังสีดำวางอยู่ 1 อัน ส่วนบนพื้นระหว่างประตูหลังซ้ายและล้อ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ 1 ปลอก หน้ารถอีก 1 ปลอก รวม 2 ปลอก และรองเท้าหนังของผู้เสียชีวิตตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน


ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายอุดม อุโพธิ์ อายุ 71 ปี เจ้าของสัมปทานโรงโม่หินดังกล่าว หลังก่อเหตุยิงนายวีระวัฒน์ เดินทางพร้อมกับอาวุธปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อุดร แก้วสุขศรี ผกก.สภ.สวี


ต่อมาด้าน พล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร เดินทางสอบปากคำด้วยตัวเอง นานกว่า 1 ชั่วโมง สำหรับปมขัดแย้งถึงต้องฆ่ากันตาย เบื้องต้นทราบว่ามาจากเรื่องธุรกิจโรงโม่หินและเรื่องเงิน ซึ่งทั้งคู่มีความขัดแย้งกันมานาน โดยก่อนเกิดเหตุนายอุดม เจ้าของสัมปทานโรงโม่หิน เพิ่งเดินทางกลับจากซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนในพื้นที่ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อมาถึงโรงโม่จึงขับรถขึ้นไปบนเชิงเขา เป็นจังหวะเดียวกับที่นายวีระวัฒน์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จัดการของบริษัทเช่าช่วง ขับรถยนต์ลงมาเจอกันระหว่างทาง ทำให้เกิดมีปากเสียงกันอีก


นายอุดมจึงใช้ปืนยิงนายวีระวัฒน์ 1 นัด เข้าต้นคอทะลุกราม แต่นายวีระวัฒน์ทนฝืนวิ่งหนีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว แต่ถูกนายอุดมใช้ปืนตามยิงไล่ถูกด้านหลังกระสุนทะลุอกซ้าย นายวีระวัฒน์ล้มขาดใจตาย


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา และรอผลชันสูตรพลิกศพของแพทย์โรงพยาบาลสวี ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุต่อไป