วิวาทเดือดบนถนน บานปลายเป็นยิงกันบนโรงพัก พยานโผล่เล่านาทีเกิดเหตุ

โหนกระแส (19 ธ.ค.65) พูดคุยกรณีนายพีรสิน อายุ 27 ปี ชักปืนยิงคู่กรณี คือนายคมสัน อายุ 32 ปี เสียชีวิตบน สน.หลักสอง หลังพนักงานสอบสวน นัดมาเคลียร์คดีทำร้ายร่างกายแต่คุยไม่ลงตัว ทำให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิต มองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ

ด้านแฟนสาวของผู้ตาย เผยว่า สืบเนื่องจากเหตุกระทบกระทั่งกันบนถนนเรื่องการขับรถ คู่กรณีต้องการจะยูเทิร์น แต่ไม่ได้ต่อแถวเข้าคิวเพื่อยูเทิร์นตามที่รถคันอื่นทำ สามีตนเองซึ่งตอนนั้นขับรถมาในทางตรงจึงไม่ให้ทาง สร้างความไม่พอใจให้กับคู่กรณี เมื่อคู่กรณียูเทิร์นกลับมาได้ ก็ขับรถตามรถของตนมา พร้อมกับเปิดไฟสูง

จากนั้นคู่กรณีขับรถออกเลนซ้ายเพื่อแซงขึ้นข้างหน้า ยอมรับว่าตอนนั้นสามีตนก็โมโห จึงขับรถปาดกันไปกันมา สามีตนจึงหยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มแล้ว ซึ่งอยู่ในรถขว้างออกไปที่รถของคู่กรณี เพื่อจะให้คู่กรณีหยุดรถ จะได้พูดคุยเจรจากัน จากนั้นก็โยนขวดใส่กัน และมีการทำร้ายร่างกาย

ต่อมาคู่กรณีเรียกค่าเสียหาย 9 ล้านบาท โดยอ้างว่า ช่วงที่ชกต่อยทำให้กระจกแว่นกระเด็นเข้าตา กระทบต่อการมองเห็น มีการเจรจาและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายมาตลอด 3 เดือน ก่อนที่ผู้เสียหายในวันนั้น จะกลายมาเป็นผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงอีกฝ่ายเสียชีวิตคา สน.หลักสอง ต่อหน้าตำรวจและภรรยา

ด้าน น.ส.แอน แฟนสาวของนายพีรสิน มือยิง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ม่านตาฉีกขาด วันเกิดเหตุที่ สน.หลักสอง ตนไม่ทราบว่าสามีพกปืนไปด้วย จุดประสงค์แค่ต้องการไปเจรจาเรื่องค่าเสียหาย เพราะต้องหยุดงานหลายวัน และมีเอฟเฟกต์กับร่างกายตามมาหลายอย่าง ทั้งนี้ต้องขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และจะพยายามเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าที่ทำได้

ขณะที่ทนายเพชร-เอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายของผู้ตาย ระบุว่า จากกระแสสังคมที่มองว่า คนตายสมควรตาย เพราะไปทำร้ายอีกฝ่ายก่อน ส่วนที่เห็นว่าตาบาดเจ็บมาก สูญเสียการมองเห็น ตนไม่ยืนยัน เพราะไม่เห็นใบรับรองแพทย์ ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้ยิงแค่คนเดียว ยังก่อเหตุยิงทนายความอีกด้วย

ด้านนายเอ ไรเดอร์ ที่เป็นพยานในที่เกิดเหตุและได้บันทึกเหตุการณ์ ได้เล่าช่วงที่เกิดวิวาทกันบนถนน โดยทางผู้ตายได้ต่อยคู่กรณี 3 ครั้ง แล้วแฟนสาวได้ดึงแขนเพื่อห้าม และได้ขับรถตามผู้ตาย ซึ่งขณะนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดเต็มหน้า ขับรถต่อไม่ไหว

ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากความใจร้อน แบ่งเป็นเหตุที่วิวาทกันบนถนน จากนั้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อเหตุยิงอีกฝ่ายที่โรงพัก อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมเตรียมให้ความช่วยเหลือกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะทนายที่โดนยิง