รวบ ‘เหม่ง ปากดำ’ ยูทูบเบอร์ดัง ชวนเล่นพนัน พบเอี่ยวกว่า 10 เว็บ

ตำรวจไซเบอร์ เปิดแผน “ปฏิบัติการสยบปากดำ” ดำเนินคดี ยูทูบเบอร์คนดัง ขวัญใจวัยโจ๋ เจ้าของยอดวิว Youtube 5,000,000 วิว “เหม่ง ปากดำ” หลังพบเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์กว่า 10 เว็บไซต์  

วันนี้ (18 ต.ค.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี เปิดแผน “ปฏิบัติการสยบปากดำ” ทำการสืบสวนทุกมิติ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี เอาผิดกับ นายภาณุวัฒน์ หรือ (เหม่ง ปากดำ) เนื่องจากพบพฤติการณ์ของ นายภาณุวัฒน์ เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นหรือโฆษณาชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ประชาชนเล่นการพนัน  (พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘) โดยนายภาณุวัฒน์ มีพฤติการณ์โฆษณาชักชวนให้พี่น้องประชาชน เด็ก เยาวชน และผู้หลงผิด เข้าเล่นการพนัน ผ่านเว็บพนันออนไลน์จำนวนกว่า 10 เว็บไซต์

ตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มุ่งเน้นให้มีการปราบปรามจับกุมบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งมีอิทธิพลต่อจิตใจของประชาชน เช่น อินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ เป็นต้น โดยมีพฤติการณ์ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี กระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยทำการโฆษณาชักชวนให้พี่น้องประชาชน เด็ก เยาวชน และผู้หลงผิดเข้าเล่นการพนัน ผ่านเว็ปพนันออนไลน์ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำการสืบสวนอย่างจริงจัง จนนำไปสู่การจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัดนั้น

โดย พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ รรท. ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.สอท.1 ให้ดำเนินการตามนโยบาย ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและให้ทำการสืบสวนอย่างจริงจัง จนนำไปสู่กระบวนการการจับกุมบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งมีอิทธิพลต่อจิตใจของประชาชน โดยมีพฤติการณ์โฆษณาชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ประชาชนเล่นการพนัน ผ่านเว็บพนันออนไลน์ เพื่อทำการกวดขันบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้สั่งการให้ ร.ต.อ. ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ทำการสืบสวน ตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา จากการสืบสวนปรากฏพบว่า พบบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งมีอิทธิพลต่อจิตใจของประชาชน มีพฤติการณ์โฆษณาชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ประชาชนเล่นการพนัน ผ่านเว็บพนันออนไลน์ โดยมีจำนวนกว่า 10 เว็บไซต์ ซึ่งบุคคลดังกล่าวคือ นายภาณุวัฒน์ โดยนายภาณุวัฒน์  มีพฤติการณ์โฆษณาให้เข้าเล่นการพนัน ผ่านเว็บพนันออนไลน์จำนวนกว่า 10 เว็บไซต์ ผ่านเพจบัญชีเฟซบุ๊กของนายภาณุวัฒน์ เอง ในชื่อ “เหม่งปากดำChannel” อย่างโจ่งครึ่ม และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่อย่างใด

โดย นายภาณุวัฒน์ มีพฤติการณ์โฆษณาให้เข้าเล่นการพนัน ด้วยวิธีการลงสตอรี่ในเพจบัญชีเฟซบุ๊กในชื่อ “เหม่งปากดำChannel” พร้อมแปะลิ้งก์เว็บพนันออนไลน์ และไอดี LINE ของเว็บพนันออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ดำเนินคดีตามกฎหมาย กับ นายภาณุวัฒน์

วันนี้ (18 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายภาณุวัฒน์ ได้เดินทางมาพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และพ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ณ ที่ตั้ง บก.สอท.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B ชั้นที่ 4 กรุงเทพฯ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ที่นายภาณุวัฒน์ ได้รับ

เบื้องต้นนายภาณุวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดดังกล่าวจริง ผู้ต้องหาแจ้งว่าหลังจากตนได้พ้นโทษจากเรือนจำ ที่เคยถูกดำเนินคดีพิพากษาจำคุกมากกว่า 10 ปี ได้ผลันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายเล่าประสบการณ์ภายในเรือนจำ มีผู้ติดตามมากกว่า 100,000 คน จากนั้นเอเย่นต์เว็บพนันได้เข้ามาติดต่อให้ตนโฆษณาเว็บพนันจำนวนมาก เพื่อชักชวนให้เล่นเว็บพนัน ซึ่งตนได้รับจ้างโฆษณาเว็บพนันเป็นรายวัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.๑ ได้ทำการสืบสวนพบนี้พบการกระทำความผิดดังกล่าวจริง จึงได้แจ้งกล่าวหา และนำส่งพนังงานสอบสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยจำนน ต่อหลักฐาน พร้อมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และไม่คิดหลบหนีแต่อย่างใดโดยพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายภาณุวัฒน์ ในครั้งนี้ ในฐานความผิด

1.มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นหรือโฆษณาชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ประชาชนเล่นการพนัน (พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘) “ผู้ต้องหาหรือจําเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคําพิพากษาถึงที่สุด”“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ”