อาชญากรรม

ลูกทาสยาคลั่ง! ฉุนแม่ตามกลับบ้าน คว้ามีดฟันหัว ดับสยอง

โดย nut_p

4 ส.ค. 2567

458 views

ลูกทรพี คว้ามีดฟันหัวแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตคาที่ เหตุโมโหโดนตามกลับบ้าน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่ นำคนสนิทเข้าเจรจา ก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย



วันที่ (4 สิงหาคม 2567) เวลา 12.50 น. พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี นำกำลังรุดเข้าตรวจสอบบริเวณถนนกลางหมู่บ้าน หมู่ 5 บ้านปากคลอง ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี หลังได้รับแจ้งเหตุว่า มีลูกชายเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธมีดฟันหัวแม่เสียชีวิต พร้อมทั้ง ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลชะอำ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถานจังหวัดเพชรบุรี ร่วมสนับสนุน



ที่เกิดเหตุพบชายวัยกลางคน ไม่สวมใส่เสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น สีดำ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างศพแม่ที่นอนเสียชีวิต คร่อมรถจักรยานยนต์ ล้มอยู่กลางถนน โดยมีอาวุธมีดและจอบวางอยู่ข้างตัว ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดล้อมพื้นที่ ผู้ก่อเหตุมีอาการประสาทหลอน นั่งพูดคนเดียวอยู่ตลอดเวลา และท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปดำเนินการจับกุมตัว ทราบชื่อต่อมาคือ นายนวพล หรือตี๋ อายุ 38 ปี ชาวอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นมารดาของผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นางสาว พิศวง อายุ 59 ปี ชาวอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ถูกอาวุธมีดฟันที่บริเวณศีรษะ เสียชีวิต



โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบุคคลที่สนิทคุ้นเคยของผู้ก่อเหตุ มาทำการเจรจาเกลี้ยกล่อม ใช้เวลากว่า 20 นาที นายนวพลฯ ได้ยินยอมและเดินเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังคงอยู่ในอาการคุ้มคลั่งตลอดเวลา เบื้องต้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี



นางไฟ มณีฉาย ป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติแล้วผู้ก่อเหตุกับแม่มักไม่ค่อยถูกกัน และมักจะมีปากเสียงกันเป็นประจำ พักหลังผู้ก่อเหตุได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนสติประสาทหลอน โดยก่อนเกิดเหตุ แม่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มาตามผู้ก่อเหตุให้กลับไปบ้าน กระทั่งผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดและจอบตีเข้ามาที่บริเวณศีรษะของแม่จนเสียชีวิต



ด้าน พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุได้สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยใช้วิธีการเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็เป็นผลดีกับทุกฝ่าย สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News