อาชญากรรม

คนร้ายโหดฆ่าพี่น้องสองตายาย ทิ้งหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน รื้อค้นทรัพย์สินในบ้านยับ

โดย chutikan_o

18 เม.ย. 2567

161 views

คนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกทำร้ายสองตายายอายุเกือบ 90 ปี จนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งอำพรางในบ่อน้ำบริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร พบมีการรื้อค้นทรัพย์สิน ตร.เร่งติดตามตัวคนร้าย

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 17 เม.ย. 2567 ตำรวจ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งมีศพถูกฆาตกรรม 2 ศพทิ้งอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้านหลังหนึ่งใน ต.นาพญา อ.หลังสวน

บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูงสภาพเก่า ห่างจากหน้าบ้านประมาณ เมตร 5 เมตร มีบ่อน้ำขุด ลึกประมาณ 5-6 เมตร ภายในบ่อมีกลิ่นโชยเหม็นคลุ้ง พบศพ 2 ศพลอยอืดโผล่ขึ้นมา เป็นผู้หญิง 1 ศพ และผู้ชาย 1 ศพ

เจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็คโฮขุดดินปากบ่อขยายให้กว้าง แล้วเอาปลอกท่อปูนซีเมนต์ขึ้นมาจำนวน 3 ท่อ เพื่อให้สะดวกในการนำศพขึ้นมา ใช้เวลาปรับสภาพพื้นดินรอบบ่อนานเกือบ 3 ชั่วโมง จากนั้นหน่วยกู้ภัยจึงโรยตัวลงไปนำศพทั้ง 2 ขึ้นมา ศพแรกทราบชื่อคือ นางสาวล้วน เจียมวิจิตร อายุ 89 ปี แขนข้างซ้ายมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนหักผิดรูป ศพที่ 2 ทราบชื่อคือ นายเจือง เจียมวิจิตร หรือ ทอง อายุ 85 ปี มีบาดแผลที่หน้าผากเหนือคิ้วขวาถูกตีด้วยของแข็งเป็นรอยยาวไปถึงขมับ และที่ท้ายทอยอีก 2 แผล ผู้เสียชีวิตเป็นพี่น้องกันและพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุหลังเดียวกัน

ที่เกิดเหตุบริเวณโคนเสาหน้าบ้านด้านขวามีกองเลือดแห้งเกรอะกรังจำนวนมาก และข้างบันไดบ้านมีมีดพร้าวางอยู่ 1 ด้าม ที่เตียงนั่งเล่นใต้ถุนบ้านมีคราบเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนหลายจุด และที่พื้นใกล้เตียงมีขวานวางอยู่ 1 ด้าม นอกจากนั้นยังพบร่องรอยลักษณะคล้ายมีคนลากศพจากเตียงไปทิ้งยังบ่อน้ำ ส่วนบนบ้านพบมีร่องรอยการรื้อค้นสิ่งของกระจุยกระจาย เจ้าหน้าที่เก็บรวมรวมพยานหลักฐานที่เกิดเหตุทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้งสองเป็นพี่น้องและอยู่บ้านเดียวกันมานานแล้ว โดยนายเจือง ผู้เป็นน้องชายเคยมีภรรยาและลูกชายหญิง 2 คน แต่ได้เลิกรากันไปกว่า 20 ปีแล้ว โดยฝ่ายอดีตภรรยานำลูกไปเลี้ยงดูด้วย จนปัจจุบันอดีตภรรยาอายุ 78 ปี ลูกสาวอายุ 45 ปี และลูกชายอายุ 43 ปี ย้ายไปอยู่อีกตำบลและไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย

นอกจากนั้นยังพบว่าเมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา นายเจืองได้ขายที่ดินไปกว่า 10 ไร่ ได้เงินมากว่า 2 ล้านบาท และนำเงินเข้าฝากไว้ในบัญชีในชื่อของนางสาวล้วน และยังพบว่าที่ผ่านมาผู้ตายทั้ง 2 คน มักจะอยู่แบบไม่สุงสิงกับใคร และมีปัญหากับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันหลายคน จนกระทั่งก่อนพบศพผู้ตายทั้ง 2 คน ช่วงบ่ายได้มีญาติพี่น้องเดินทางมาจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดกว่า 10 คน เพื่อแวะมาเยี่ยมเยือนในช่วงเทศสงกรานต์วันสงกรานต์ และพบเป็นศพจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว ส่วนปมเหตุการณ์ฆ่าโหดอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

นายจรัญ สงค์เสือ อายุ 57 ปี กล่าวว่า วันนี้ญาติๆ หลายคน จากหลายพื้นที่ทั้งที่อยู่ใน อ.หลังสวน อ.ละแม จ.ชุมพร และมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ กว่า 10 คน ได้นัดหมายกันว่าจะมาเยี่ยมและมาไหว้ขอพร น.ส.ล้วน และนายเจือง ซึ่งทั้งสองมีศักดิ์เป็นน้าและเป็นอาของทุกคน โดยได้ซื้อสิ่งของมาฝากทั้งสองอีกด้วย

นายจรัญ กล่าวว่า ตลอดระยะกว่า 10 ปี พวกเขาไม่เคยได้มาเยี่ยมหาทั้งสองเลย แต่ไม่ทราบว่าอะไรดลจิตดลใจ ให้ทุกคนอยากมากราบไหว้ขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ ทั้งสองถือว่าเป็นผู้อาวุโสของครอบครัว แต่เมื่อมาถึงก็พบว่า ประตูหน้าบ้านเปิดอ้าอยู่ จึงเรียกตะโกนหา นึกว่าทั้งสองอยู่ในสวน แต่พอมาสังเกตพบคราบเลือดติดอยู่ที่เสาบ้าน และเมื่อเดินไปบริเวณใต้ถุนบ้าน ก็พบรองเท้าแตะน่าจะเป็นของน้าสาว มีคราบเลือดติดเต็มทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังพบหยดเลือดบนเตียงนั่งอีกด้วย จึงเชื่อว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองเป็นแน่ ญาติต่างช่วยกันตามหา จนกระทั่งมาถึงบริเวณบ่อน้ำข้างบ้าน ซึ่งมีฝาบ่อที่ทำด้วยไม้ปิดอยู่ พบแมลงวันบินว่อนและยิ่งเข้าใกล้ก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยมา จึงเชื่อว่าภายในบ่อ ต้องเป็นน้าสาวและน้าชายแน่ จึงกันไม่ให้ใครไปจับต้องแต่อย่างใด พร้อมโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ด้านนางมะลิวรรณ พูลขัน อายุ 54 ปี กล่าวว่า เธอเป็นหลานอีกคนของทั้งสอง และจะเวียนมาหาทั้งสองอยู่เป็นระยะ เนื่องจากเป็น อสม.ในพื้นที่ โดยทุกครั้งที่จะมาก็นำยามาให้ตามหมอสั่ง หรือหากทั้งสองคนใดคนหนึ่งไม่สบาย ก็จะโทรศัพท์มาหาเธอเพื่อจะให้พาไปหาหมอ ล่าสุดเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเธอไม่ทราบรายละเอียดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้งสองเลย เพราะทั้งสองไม่เคยบอกแม้สักนิด อีกทั้งสองเป็นคนไม่ชอบไปสุงสิงกับใคร และไม่ไว้ใจใครอีกด้วย

ขณะที่นางกษิษฐา พัฒลำภู ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ทั้งสองคนอาศัยอยู่ที่นี้มานานแล้ว ที่ดินของตายาย มีประมาณ 10 กว่าไร่ และยังที่ดินอีกส่วนหนึ่งอยู่ต่างหมู่บ้าน แต่สำหรับที่ดินที่อยู่ปัจจุบัน เป็นที่ดินตาบอด ต้องอาศัยที่ดินของเพื่อนบ้านเข้าออก และที่สำคัญตายาย มักจะมีปัญหากับเจ้าของที่ดินรอบข้างบ่อย และมีเรื่องถึงโรงถึงศาลมาแล้ว ส่วนชนวนเหตุในครั้งนี้ แม้เธอจะเป็นผู้ใหญ่บ้านและที่ดินติดกัน ก็ยังไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด

คุณอาจสนใจ