อาชญากรรม

ผัวง้อเมียไม่สำเร็จ ชักปืนยิงกระสุนฝังปอด เจ็บสาหัส ครอบครัวผวา หวั่นกลับมาก่อเหตุซ้ำ

โดย nicharee_m

10 เม.ย. 2567

177 views

เร่งล่า ‘ไอ้นุ’ ผัวโหด ง้อเมียไม่สำเร็จ ชักปืนยิงกระสุนฝังปอด เจ็บสาหัส ครอบครัวผวา หวั่นกลับมาก่อเหตุซ้ำ

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 เม.ย.67 ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่บริเวณ หมู่ 2 ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากนางสุนิษา อายุ 57 ปี (แม่ผู้เสียหาย) และ น.ส.ศิรินทร์ทิพย์ บุญเพ็ชร อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ตำบลขุนศรี (ญาติผู้เสียหาย) ว่า

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 16.30 น. นายอนุชา หรือ นายนุ อายุ 33 ปี (ลูกเขยผู้ก่อเหตุ) ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิด ยิงลูกสาวคือ น.ส.ธีรดา หรือน้องวิน อายุ 33 ปี (ผู้เสียหาย) กระสุนปืนเฉี่ยวศีรษะ ถูกกลางหลังฝังทะลุอยู่ในปอด ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังตามง้อไม่สำเร็จ ก่อนจะขับขี่รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒฉ 1787 กทม. หลบหนีไป แจ้งความไว้ที่ สภ.ไทรน้อย

จากการสอบถาม น.ส.ศิรินทร์ทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านตำบลขุนศรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ตนได้รับการประสานจากนางสุนิษา ให้ไปรับน้องวิน หลังโดนสามีชื่อนายนุ ตบตีหลบอยู่ในปั๊ม ตนจึงรีบไปรับแล้วพาน้องวินไปแจ้งความ เพราะโดนสามีตบตีมาหลายครั้งแล้ว ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วกลับมาบ้าน

หลังจากนั้นตอนเย็นวันเดียวกันนายนุได้มาเก็บของที่บ้าน ได้นำรถ จยย.และเอกสารของน้องวินไปด้วย ตนเลยให้น้องวินหลบออกจากบ้านไปก่อน กลัวว่านายนุจะกลับมาทำร้ายอีกรอบ หลังจากนั้นตนได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านที่นายนุอยู่ ให้เอารถ จยย.กลับมา เพราะน้องวินต้องขับไปทำงาน พอตกกลางคืนนายนุได้นำรถ จยย.มาคืน แต่นำรถ จยย.อีกคันไปด้วย บอกว่าจะเอาไปใช้ หลังจากเอารถ จยย.ไปแล้วได้ขับรถไปตามน้องวินที่ทำงานและบ้านเพื่อน สร้างความเดือดร้อนรำคาญ

จนวันที่เกิดเหตุวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. ตอนเช้า ทางแม่ของน้องวินโทรมาแจ้งตนว่าให้มาดู พบว่านายนุนอนอยู่บนเปลหลังบ้านตน เลยสอบถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรตนจะไกล่เกลี่ยให้ เลยให้แม่โทรเรียกน้องวินให้มาไกล่เกลี่ยที่ สภ.ไทรน้อย ทางนายนุจะขอคืนดีแต่น้องวินยืนยันว่าจะเลิก และไม่ถอนแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย เลยลงบันทึกประจำวันกันเป็นครั้งที่ 2 ว่าจะเลิกแล้วต่อกันไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ

ทางฝ่ายชายยอมเซ็นแต่มีอาการโมโหแล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่คิดว่านายนุจะมารออยู่ที่บ้าน ทางน้องวินกับแม่มาถึงบ้าน ปรากฏว่านายนุอยู่บนห้อง ได้ยินเสียงปึงปัง ตนขึ้นไปดูตนเลยบอกว่าเหมือนจัดฉากผูกคอตายเอาเชือกผูกกับขื่อแล้วเอาถังวางตัวนอนอยู่ที่พื้น ทำให้นายนุไม่พอใจชี้หน้าด่าตน ก่อนจะรีบกลับออกไปจากบ้าน

ไม่ถึง 5 นาที นายนุกลับมาอีกครั้งอ้างว่าจะมาเอาเครื่องเสียง ตอนนั้นตนนั่งจับกลุ่มคุยกันหลายคน รวมทั้งน้องวินกับแม่ของน้องวิน นายนุเดินไปเดินมารอบบ้าน มาโผล่ที่หน้าต่างพยายามพูดง้อน้องวินแต่ไม่สำเร็จเลยตะโกนมาว่า “มึงจะเอาแบบนี้ใช่ไหม” ก่อนจะชักอาวุธปืนยิงน้องวินจำนวน 1 นัด กระสุนเฉี่ยวศีรษะทะลุหลังฝังที่ปอด ทางหมอบอกว่าถ้าผ่าตัดจะอันตรายกว่าไม่ผ่า ล่าสุดได้เจาะเอาออกซิเจนออกเพราะหายใจติดขัด

หลังก่อเหตุนายนุได้หลบหนีไป ตนกับแม่ของน้องวินจึงได้เดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อย ข้อหาพยายามฆ่า แต่ไม่จบ เมื่อวานตอน 2 ทุ่ม มีคนเห็นนายนุขับรถกระบะมาแถวบ้านตน รู้สึกหวาดกลัวมากเพราะที่บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงทั้งบ้าน มีทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ตนเลยร้องขอความช่วยเหลือจาก ดร.แก้ว ให้ช่วยประสานตำรวจมาคอยสอดส่องดูแล เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย และอยากให้ช่วยเร่งรัดตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว กลัวว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุซ้ำ

นางสุนิษา (แม่ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ลูกสาวตนคบกับลูกเขยได้ 2 ปี ตอนแรกแอบคบกันและก็ไปอยู่ที่บ้านของผู้ชาย พอตนรู้ในหลักศาสนาอิสลามจะต้องทำให้ถูกต้อง ตนไม่รู้ว่านิสัยของลูกเขยเป็นคนยังไง แต่ลูกสาวบอกว่าดีรับได้ที่มีลูกติด 2 คน ตนจึงไม่ขัดขวาง และจัดพิธีให้ถูกต้องเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย หาเงินไม่พอใช้ก็มาขอลูกสาวตน เวลามีปากเสียงกันก็จะทุบตีลูกสาวตน ต่อหน้าหลานก็เคยทำ

ส่วนใหญ่ทะเลาะกันเรื่องเงินไม่พอใช้ ขอยืมแต่ไม่คืน ตอนนี้ตนรู้สึกกลัวมากเลย ต้องปิดบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะเหตุการณ์วันนั้นอุกอาจมาก เกิดมายังไม่เคยได้ยินเสียงปืน แต่ลูกเขยยิงเข้ามาในบ้านน่ากลัวมาก ตนนั่งอยู่กับลูกสาวและหลานในบ้าน วิ่งหนีกันเข้าห้องน้ำเพื่อให้ปลอดภัย

ตอนนี้ลูกสาวตนได้รับบาดเจ็บถูกยิงกระสุนฝังในปอด เมื่อเช้าหมอใหญ่เข้ามาใส่สายยางเข้าไปดูดลมในปอดออกมา ยังไม่ปลอดภัย ตนยังไม่ได้ไปเยี่ยม แต่โทรหากันตลอด ลูกเขยตนติดยาด้วย ตนก็ไม่รู้ถ้ารู้แต่แรกคงไม่เอาเพราะตนไม่ชอบ ตนอยากบอกกับลูกเขยว่าต่อไปนี้อย่าทำแบบนี้อีก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ทำผู้หญิงมันผิดกฎหมาย และเป็นสามีภรรยากันมาทำแบบนี้มันก็ไม่มีความสุข ตำรวจบอกว่าจะตามจับกุมให้โดยเร็ว ตนก็เชื่อว่าตำรวจจะทำได้

ดร.แก้ว กล่าวว่า ตนได้ประสานงานกับตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ให้ช่วยเร่งรัดคดีในการจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ไวที่สุด เนื่องจากผู้เสียหายหวาดกลัวมากเพราะในครอบครัวมีแต่ผู้หญิงอยู่ทั้งบ้าน ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น ไม่กล้าอยู่ในบ้านตัวเอง ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรน้อย ให้เข้ามาตรวจดูแลให้บ่อยขึ้น

ฝากถึงผู้ก่อเหตุเป็นลูกผู้ชายก็อย่าหลบหนี มาสู้คดีในสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า ยังมีโอกาสคุยกันได้ ครอบครัวอาจจะให้โอกาส แต่ถ้าหากคุณยิ่งหนี มันจะไม่มีโอกาส ฝากให้มามอบตัวหรือมาขอโทษผู้เสียหาย ส่วนในเรื่องคดีตนได้ประสานตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และผู้กำกับ สภ.ไทรน้อยแล้ว คาดว่าไม่เกิน 1-2 วัน จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้

คุณอาจสนใจ

Related News