อาชญากรรม

ครูพบจดหมาย นร.บอกเกลียดพ่อ-พี่ นำมาสู่การไขคดี พ่อ-พี่ชายต่างแม่ อนาจารเด็ก 12 นาน 4 ปี

โดย chutikan_o

12 มี.ค. 2567

2.1K views

ครูพบจดหมายในถังขยะหลังห้องเรียน เด็กหญิงวัย 12 เขียนข้อความว่า “หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” ก่อนเกลี้ยกล่อมจนเด็กยอมเล่า ถูกพ่อ-พี่ชายต่างแม่ ลวนลามทุกวัน เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ตร.ตามรวบตัวคนพี่ได้


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายปฏิภาณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าร้านลิลลี่ ช็อป เขตดินแดง กรุงเทพฯ


สืบเนื่องมาจากจดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียน นำมาสู่การคลี่คลายคดี ด.ญ.เอ (นามสมมติ) นักเรียนหญิงวัย 12 ปี เขียนบรรยายความรู้สึก ก่อนขยำทิ้งลงในถังขยะหลังห้องเรียน ครูสาวคว้าตัวเด็กหญิงเอมาเกลี้ยกล่อมจนเธอค่อยๆ ถ่ายทอดความทรงจำที่เธอต้องอยู่ในสภาพตกนรกทั้งเป็น เริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปี 2562 ตอนที่เธออายุได้เพียง 8 ขวบ เธอต้องอาศัยอยู่กับพ่อและพี่ชายต่างแม่ โดยทุกวันเธอจะถูกพ่อใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อและกางเกง จับหน้าอกและอวัยวะเพศ บีบคลึงเป็นประจำทุกวัน โดยทุกการกระทำของเธอมักจะถูกคนในครอบครัวพูดว่า ต้องเอาร่างกายมาแลก และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ พี่ชายก็ร่วมวงทำเลียนแบบเช่นเดียวกับที่พ่อทำกับเธอมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 4 ปี ครูได้ฟังแล้วจึงพาตัว ด.ญ.เอ ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมาสู่การแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง


หลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก็ขออนุมัติศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน คือ นายพรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี พ่อแท้ๆ และ นายปฏิภาณ (สงวนนามสกุล) พี่ชายต่างแม่ ซึ่งหลังเจ้าตัวทราบว่าถูกดำเนินคดีก็หอบข้าวของออกจากเมืองกรุง แต่ก็ยังพยายามหาช่องทางที่จะคุกคามเหยื่อ โดยพบว่ามีบางครั้งปลอมตัวเป็นทนายความบุกไปที่โรงเรียนของ ด.ญ.เอ อีกด้วย




ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทันที โดยสืบทราบว่า นายพรชัยและนายปฏิภาณได้หลบหนีไปอยู่ละแวกภาคเหนือตามภูมิลำเนาเดิม ชุดสืบสวนจึงวางกำลังสะกดรอยติดตามกว่า 1 สัปดาห์ จนล่าสุดได้เบาะแสว่า นายปฏิภาณกลับเข้ากรุงเทพฯ มุ่งหน้ากลับบ้านพักซึ่งเปิดเป็นร้านขายทุกอย่าง 20 บาท ที่เขตดินแดง กรุงเทพฯ ชุดจับกุมจึงวางกำลังซุ่มจนได้จังหวะยืนยันตัวคนร้ายกำลังจะหลบหนีออกทางด้านหลังร้าน จึงบุกเข้าไปจับกุมตัวได้ในที่สุด


ในส่วนของ ผู้เป็นพ่อที่ถูกออกหมายจับด้วยคือ นายพรชัย พบประวัติว่าเคยถูกดำเนินคดี 2 คดี คือ 1.ปี 2563 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” 2.ปี 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ซึ่งทราบข้อมูลว่าหลบหนีอยู่พื้นที่ภาคเหนือ อยู่ระหว่างทำการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี


ในชั้นจับกุม นายปฏิภาณให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กล่าวว่า เป็นพี่ชายต่างแม่จริง และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เติบโตด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่น้องสาวมโนไปเอง สร้างเรื่องให้เขากับพ่อถูกดำเนินคดี


หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย




พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับทั้งพ่อและพี่ชายรายนี้ จากพฤติการณ์ในคดีนี้นับว่า น่าหดหู่ใจอย่างยิ่งของสถาบันครอบครัว ขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้า ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งยืนยันว่าจะพลิกแผ่นดิน ตามล่าคนร้ายที่เหลือรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

คุณอาจสนใจ

Related News