อาชญากรรม

เมียช็อก! ผัวหายพร้อมฟอร์จูนเนอร์ ยังไม่รู้ชะตากรรมเจอแต่รถจอดซุกป่า ตร.พบพิรุธแก๊งโจรกรรมข้ามชาติ

โดย paweena_c

5 ก.พ. 2567

427 views

ตำรวจทางหลวง สกัดยึดรถฟอร์จูนเนอร์ หลังเจ้าของอ้างแจ้งหาย พบเบาะแสเข้าพื้นที่ชายแดนนครพนม สุดท้ายเจอซุกป่า คาดเตรียมส่งขายข้ามลาว พบพิรุธทิ้งกุญแจวางในที่เก็บของ ตำรวจไม่ปักใจเชื่อถูกขโมย หวั่นเจ้าของรู้เห็นแจ้งหาย ก่อนขายให้ขบวนการโจรกรรมข้ามชาติ แฉพฤติกรรม เข้าบ่อนจำนำ แจ้งหาย ก่อนส่งขาย

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณีมีตำรวจทางหลวงนครพนม เข้าสกัดตรวจยึดรถยนต์ ต้องสงสัย รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว โดยก่อนนี้มีเจ้าของอ้างว่า มีการแจ้งความหายไว้ในพื้นที่ จ.ชุมพร อีกทั้งพบเบาะแสว่ารถยนต์ดังกล่าว เข้าพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม

จนกระทั่งทางตำรวจทางหลวง มีการสกัดติดตามพบรถยนต์เป้าหมาย ผ่านพื้นที่ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม รอยต่อ จ.สกลนคร และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชายแดนนครพนม จึงติดตามสกัดตรวจสอบ แต่คนขับไม่ยอมจอด จนกระทั่งขับรถยนต์ หลบหนีมาทิ้งไว้ในป่า พื้นที่ ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ส่วนคนขับหลบหนีไป ตรวจสอบพบกุญแจวางไว้ภายในช่องเก็บของในรถยนต์ และมีเสื้อผ้าวางในรถ จึงยึดมาตรวจสอบเก็บรักษาไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม เพื่อตรวจสอบหาที่มา



ทั้งนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างการประสานไปยังเจ้าของที่อ้างว่าแจ้งหาย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจน กรณีอ้างว่า สามีเป็นคนขับและหายตัวไป อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะยังติดต่อเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวไม่ได้ ทั้งนี้พบข้อพิรุธหลายอย่าง มีการทิ้งกุญแจรถยนต์ไว้ในที่เก็บของ คาดว่าจะเป็นขบวนการโจรกรรมรถยนต์ เตรียมส่งข้ามไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และจะต้องมีการตรวจสอบว่าเจ้าของของมีส่วนรู้เห็นหรือไม่

เนื่องจากข้อมูลการโจรกรรมรถยนต์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เจ้าของ รวมถึงขบวนการโจรกรรมข้ามชาติ จะใช้วิธีการแจ้งหาย รวมถึงนำไปจำนำตามบ่อนการพนัน ก่อนเข้าสู่ขบวนการโจรกรรมขายข้ามชาติในราคาถูก บางคันใช้วิธีดาวน์ต่ำก่อนส่งขาย หนีไฟแนนซ์ มีราคาซื้อขายประมาณคันละ 2-3 แสนบาท ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์โตโยต้า ประเภทยกสูง



รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวเป็นคันที่หญิงคนหนึ่งแจ้งความไว้ว่า นายขนบ อายุ 56 ปี สามี ได้หายตัวไปพร้อมกับรถคันดังกล่าว ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์


ด้านผู้สื่อข่าวที่จังหวัดชุมพร พยายามติดต่อสัมภาษณ์ภรรยานายขนบ ที่เป็นคนไปแจ้งความสามีหายไปพร้อมกับรถ แต่ภรรยานายขนบปฏิเสธที่จะพูด


ผู้สื่อข่าวจึงไปพบกับนายสำราญ อายุ 74 ปี พี่ชายของนายขนบ บอกว่า น้องชายเป็นเจ้าของสนามไก่ชน อยู่ริมถนนสายเอเชีย อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ทำมาแล้ว 5 ปี โดยมีภรรยา 2 คน คนแรกแต่งงานมา 8-9 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีลูกด้วยกัน อยู่ที่ตำบลเขาค่าย อำเภอสวี ส่วนคนที่สองคบกันมา 1 ปี อยู่ในพื้นที่อำเภอหลังสวน

น้องชายหายออกจากบ้านพักประมาณ 2 ทุ่ม ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตนเองได้แจ้งความไว้ที่ สภ.นาสัก ไว้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ จากนั้นไปที่บริษัทรถ เพื่อข้อมูลในการติดตามรถของน้องชาย พบว่า ช่วงเที่ยง ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รถวิ่งผ่านอำเภอเมืองสมุทรสาคร จากนั้นประมาณบ่าย 2 โมง พบสัญญาณจีพีเอสในรถ บอกว่า รถจอดอยู่ในลานจอดรถพื้นที่ฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร จึงให้ตำรวจ สภ.สวี ซึ่งอยู่ใกล้กับบริษัทรถ ประสานตำรวจท้องที่ ไปที่รถของน้องชาย แต่เมื่อไปถึงรถหายไปแล้ว หลังจากนั้นก็หาสัญญาณจีพีเอสไม่ได้อีกเลย คาดว่า น่าจะถูกถอดออก

ตนเองกับน้องชายไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เพราะน้องชายมักจะยุ่งอยู่กับธุรกิจสนามชนไก่ และจะเดินทางไปเล่นไก่ตามสถานที่ต่าง ๆ ในชุมพร ว่างก็ทำสวน ได้โทรศัพท์คุยกันล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว น้องไม่เคยหายตัวแบบนี้ และไม่เชื่อว่าน้องชายจะขับรถไปกรุงเทพฯ คนเดียว อีกทั้งการเคลื่อนตัวของรถ ก็ไวกว่าปกติ ไม่ค่อยจอดที่ไหน

ทั้งนี้ยังมาทราบภายหลังจากปากภรรยาหลวงของน้องชายว่า มีปัญหาครอบครัวกันเรื่องเงิน เจอกันก็ชอบขอเงิน พอไม่ให้ก็โมโหโกรธ ล่าสุดก่อนหายตัว น้องชายไปขอเงินภรรยา 1 แสนบาท แต่ภรรยาไม่ให้ จึงบอกภรรยาว่า "ถ้างั้นมึงไปจัดการเอาเองนะที่บ่อนไก่กูไม่ทำแล้ว" แล้วก็ออกไปบ้านภรรยาอีกคน จากนั้นก็มีเจ้าหนี้มาทวงเงินกับภรรยาหลวง แล้วมีปากเสียงจนต้องขึ้นโรงพัก อยากให้ตำรวจช่วยตามหาน้องให้ด้วย ตอนนี้ตั้งปมไว้ 2 เรื่อง คือ เรื่องเงินและเรื่องผู้หญิง

คุณอาจสนใจ