อาชญากรรม

‘ณัฐวุฒิ’ เตือนภัย ถูกมิจฉาชีพ หลอกจองโต๊ะ-ให้ซื้อไวน์ โชคดีไหวตัวทัน

โดย attayuth_b

27 ม.ค. 2567

310 views

จากกรณีเฟซบุ๊ซ ชื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์เตือนภัย ว่า เยี่ยมใต้ มี “ควา..” มาเยือนไม่ใช่เรื่องพาดพิงสัตว์เพื่อนแท้ชาวนา แต่นักเลงปักษ์ใต้เรียกพวกต้มตุ๋น หากินหลอกคนว่า “ควา...”

เกือบเที่ยงวันนี้ ที่ร้านได้รับการติดต่อทางไลน์ จองโต๊ะ 20 ที่ จะมา 6 โมงเย็น ให้จัด 2 โต๊ะ ผู้ใหญ่ 8 ผู้น้อย 12 ขอเมนู สั่งอาหารหลายรายการ ถามวิธีจ่ายเงิน พอบอกว่าจ่ายที่ร้านได้ ก็ตอบกลับว่าจะมาจ่ายเงินสด ฝ่ายบัญชีจะปิด 15.30 น. เพราะบริษัทมีประชุม …

ทิ้งช่วงสักพัก เริ่มถามว่ามีเครื่องดื่มแนะนำหรือไม่ แล้วส่งรูปไวน์มาให้ 2 ขวด ให้ทางร้านหาซื้อให้ พอบอกว่าหาซื้อไม่ได้ ที่เหลือก็เดินตามสูตร จะถามผู้ใหญ่ดูว่าซื้อที่ไหน แล้วบอกให้ทางร้านโอนเงินไปซื้อให้ก่อน แล้วจะเอาเงินสดมาจ่ายที่ร้าน ส่ง ID ร้านไวน์มา ผมให้ทีมทักไปคุย ร้านไวน์กับควา...ตัวนี้คือตัวเดียวกัน บอกราคาเสร็จสรรพ ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม โทรมาบอกให้ถ่ายรูปโต๊ะที่จัดส่งให้ด้วย แล้วก็คุยกันตามข้อความและคลิป

ร้านอาหารทั้งหลาย ระวังกันด้วยนะครับ เหตุเกิดหลายพื้นที่แล้ว รับจองโต๊ะถ้าเจอแบบนี้ อย่าเชื่อ อย่าโอนเงินให้ อย่าเป็นเหยื่อพวกมัน เรียนสุจริตชน ผมมาเป็นเด็กเสิร์ฟ เช็ดโต๊ะ เก็บจาน ต้อนรับทุกท่านด้วยไมตรี มาเยี่ยมใต้ได้ตลอดเวลาครับ ส่วน“แกงค์ควา...” มึงไปให้พ้น อย่าเสือกมาทะลึ่งกับ..

หมายเหตุ : พอเปิดว่าจับได้ก็ไล่ลบข้อความ มีการอ้างชื่อบุคคลและบริษัท ถ้ามีจริงผมเชื่อว่าท่านเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้อง ขออภัยที่ชื่อปรากฏในคลิป ควา...แกงค์นี้ใช้รูปโพรไฟล์เป็นชายคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ตัวจริงผมขออภัยที่เอามาลง ถ้าใช่ก็ฝากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเก็บไว้ดูเล่น

วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ร้านอาหารเยี่ยมใต้ ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือเต้น อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นเด็กเสริฟร้านอาหารเยี่ยมใต้ เพื่อสอบถามถึงเหตุการ์ที่โพสต์เรื่องราวที่มีควา...นักต้มตุ๋น โทรมาหลอกจองโต๊ะและอาหารภายในร้าน รวมทั้งหลอกให้สั่งซื้อไวน์ราคาแพงให้

นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า เมื่อวานตอนกลางวันตนเข้ามาดูแลร้านปกติ ระหว่างนั่งทานอาหารกลางวันได้ยินพนักงานแจ้งว่ามีลูกค้าโทรมาจอง 20 ที่ในห้องส่วนตัว ตนก็นั่งฟังไปปกติจนได้ยินว่าลูกค้าถามเรื่องเครื่องดื่ม ให้แนะนำเรื่องเครื่องดื่มว่ามาไวน์อะไรบ้าง ตนก็เอะใจ ตนจึงบอกกับเด็กในร้านว่าไม่ใช่ลูกค้าแล้ว น่าจะเป็นแก๊งค์มาหลอกลวง ตนจึงให้พนักงานในร้านพิมพ์ไลน์โต้ตอบไปมาสักพัก เพื่อต้องการดูวิธีการของมิจฉาชีพ ตนตั้งใจจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นสู่สาธารณะเพื่อเตือนภัยให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะร้านอาหารทั้งหลาย มิจฉาชีพก็ใช้วิธีตามสูตรของเขาแจ้งรายละเอียดไวน์ที่ผู้ใหญ่เขาต้องการดื่ม แจ้งยี่ห้อดัง ร้านอาหารปักษ์ใต้หรือร้านทั่วไปจะมีไวน์ยี่ห้อดัง ราคาแพงได้อย่างไร พอทางร้านแจ้งว่าหาซื้อไม่ได้ก็มีการแนะนำร้านขายไวน์ให้ ซึ่งตนก็นั่งดูข้อความที่พิมพ์ตอบโต้ไปมาจนตอนหลังตนก็นำไปพิมพ์ตอบโต้เอง ในระหว่างที่คุยกับมิจฉาชีพทางไลน์ ตนก็ส่งรายละเอียดขบวนการนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนครึ่งช่วยตรวจสอบด้วย ให้ช่วยหาพิกัดของไลน์มิจฉาชีพรายนี้ได้ไหม ทางตำรวจก็แจ้งว่าหาไม่ได้ตามตัวไม่เจอ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในระหว่างที่คุยกับมิจฉาชีพนั้นเขาได้อ้างชื่อบริษัทแห่งหนึ่งแถว อ.บางบัวทอง ตนเช็คแล้วบริษัทที่อ้างมีตัวตนจริง ชื่อคนที่มิจฉาชีพอ้างก็น่าจะมีตัวตนจริง น่าจะเป็นขบวนการแบบมืออาชีพ ถ้ามีร้านอาหารหลงเชื่อน่าจะสูญเงินกันเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ตนมีแต่หลักฐานที่คุยไลน์ หลังจากที่โทรไปคุยทางมิจฉาชีพน่าจะรู้ตัวไล่ลบข้อความทางไลน์หมด แต่ตนถ่ายไว้หมดแล้ว และมีวิดีโอพูดคุย ตอนนี้อยู่ระหว่างปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะทำอะไรได้บ้าง ตนอยากให้ขบวนการพวกนี้ได้รับโทษตามกฏหมาย และเป็นการเตือนภัยสังคมและเพื่อนร่วมประกอบอาชีพสุจริตทั้งหลาย เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพเหล่านี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนคาดหวังว่าหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้จะจับให้ได้ ไล่ให้ทัน ถึงเรื่องเทคโนโลยีจะเดินไปเร็วแต่กลไกของรัฐมีหน้าที่ต้องเดินให้เร็วกว่า จากที่ดูข่าวมันเป็นโศกนาฏกรรมของสุจริตชน หมดเงิน หมดโอกาส หมดทรัพย์สิน นอกจากรัฐจะทวงเงินคืนให้ไม่ได้ กว่าจะจับได้แต่ละรายก็ยากเย็นเหลือเกิน ต้องฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ DSI หรือหน่วยงานทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ถ้าเครื่องมือไม่พอก็จัดหามา ตนว่าถ้าจัดหาเครื่องมือมาดักจับพวกคอลเซ็นเตอร์ หรือแก๊งค์กลโกงเหล่านี้ได้ประชาชนเขาจะมีความสุข ถ้าจับได้แล้วก็ต้องบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุดอย่างเด็ดขาด จะได้เกิดการเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการดำเนินการกับคนเหล่านี้

จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้อธิบายเรื่องไวน์ที่แก๊งค์มิจฉาชีพสั่งว่าเป็นยี่ห้อดัง ราคาขวดละ 7-8 พันบาท รวมสั่ง 4 ขวดเป็นเงินประมาณเกือบ 4 หมื่นบาท ถ้าหากินแบบนี้ร้านค้าโอนเงินไปได้หลายรายก็ได้เงินจำนวนมาก จากที่ประเมินคนร้ายน่าจะใช้โทรศัพท์สองเครื่องในการทำกลโกงแบบนี้ ทำตัวเป็นคนสั่งด้วยทำตัวเป็นร้านไวน์ด้วย ซึ่งปัจจุบันนายณัฐวุฒิมาทำงานร้านอาหารเต็มตัวกลโกงแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ร้านอาหารทั้งหลายอย่างไปหลงเชื่อ คนร้ายไม่ได้เกรงกลัวอะไรถึงจะได้ยินชื่อณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถึงตอนนี้จะมีอาชีพเป็นแค่เด็กเสริฟก็ไม่ใช่จะมาหากินได้ง่ายหรือรังแกกัน


คุณอาจสนใจ

Related News