อาชญากรรม

จับกุมคนเร่ร่อนอันตราย ตระเวนก่อคดีข่มขืน ลักทรัพย์ หลอกผู้สูงอายุโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง

โดย chutikan_o

17 ม.ค. 2567

140 views

สืบนครบาลจับกุมคนเร่ร่อนตัวอันตราย ตระเวนก่อคดีเพียบ ทั้งข่มขืน ลักทรัพย์ หลอกใช้โทรศัพท์ผู้สูงอายุเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมนายมนัส อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา หมายจับศาลอาญา ตลิ่งชัน ที่ 462/2566 ลงวันที่ 4 ก.ย. 2566 โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

พฤติกรรมคือหลอกลวงผู้เสียหายโดยใช้เฟซบุ๊กอ้างว่าเป็นตำรวจ สามารถช่วยให้คำปรึกษาเรื่องคดีความได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้นัดผู้เสียหายไปพบที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน แล้วข่มขืน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบจนทราบว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุนั้น คือนายมนัส แต่ผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด

และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหายังก่อเหตุอื่นอีก ดังนี้

1. หมายจับศาลอาญาที่ 1726/2566 ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2566 สน.พระราชวัง ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” โดยทำทีเข้าไปซื้อของในร้านขายจิวเวลรี่และของเก่า ย่านวังบูรพา เมื่อสบโอกาสจึงได้ลักเอาเข็มขัดเงิน มูลค่าประมาณ 12,000 บาท แล้วหลบหนีไป

2.หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.5777/2566 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566 สน.บางยี่ขัน ข้อหา “ลักทรัพย์ และ เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันและการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้เสียหายทำลายแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด” โดยหลอกลวงเอาโทรศัพท์จากผู้เสียหาย อายุประมาณ 77 ปี ซึ่งอ้างว่ารู้จักกันและเป็นเจ้าของห้องเช่าที่เช่าอยู่ ณ ตอนนั้น โดยหลอกลวงว่าจะอัปเดตระบบให้ แต่ได้ฉวยจังหวะผู้เสียหายเผลอ เข้าไปใช้งานแอปฯเบิกถอนเงินสด แล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ยอดประมาณ 55,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายมนัสหลบหนีการจับกุมด้วยการแฝงตัวเป็นคนเร่ร่อน อาศัยนอนและหาข้าวกินตามสถานที่ที่แจกอาหารให้กับคนเร่ร่อน ในบริเวณพื้นที่เขตพระนคร นอกจากนี้ยังพบว่ามีการก่อเหตุลักทรัพย์และหลอกลวงประชาชนในพื้นที่อยู่อีกหลายครั้ง จึงได้เดินทางตรวจสอบในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

ต่อมาตำรวจชุดจับกุมผู้ต้องหา นั่งพักอยู่บริเวณริมถนนข้างวัดชนะสงคราม ซ.รามบุตรี ถ.จักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้นายมนัสดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้นนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหา และแจ้งสิทธิ์ให้นายมนัสทราบ ก่อนทำการจับกุม

นายมนัส กล่าวว่า ตนเองตกงาน ปัจจุบันไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยนอนอยู่ตามร้านฟาสต์ฟู๊ดที่เปิด 24 ชั่วโมง โดยหมุนเวียนอยู่บริเวณสนามหลวง สะพานพระราม 8 จรัญสนิทวงศ์ ฯลฯ และอาศัยกินข้าวตามสถานที่ที่แจกข้าวสำหรับคนเร่ร่อน เป็นระยะเวลามานานหลายเดือนแล้ว โดยยอมรับว่าได้ทำผิดตามหมายจับจริง เพราะตกงานและต้องการเงินจริงๆ เขาเคยเข้าไปตีสนิทกับนักท่องเที่ยวเพื่ออาศัยกินดื่มฟรี เมื่อสบโอกาสที่นักท่องเที่ยวเมาจะใช้จังหวะเผลอลักทรัพย์ติดตัวมาจำนวนหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายอาจจะไม่ได้แจ้งความ และยังให้การว่าเคยเปิดโรงแรมเพื่อนอนพักหลายครั้งแล้วหลบหนีออกมาโดยไม่ได้จ่ายเงิน นอกจากนั้นยังเคยเข้าไปตีสนิทกับผู้คนต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นครูพละ เพิ่งมาบรรจุใหม่ เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือ ทำทียืมเงินแล้วก็หลบหนีไป ส่วนคดีข่มขืนนั้น ขอให้การภาคเสธ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมจากฐานข้อมูลคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า นายมนัสเคยมีประวัติคดีลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในหลายท้องที่ จำนวนหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่ถูกจับกุม เมื่อปี 2565 ในพื้นที่ สน.บางขุนนนท์

จากนั้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News