อาชญากรรม

ไม่สำนึก! รวบโจรเพิ่งพ้นคุก กระชากสร้อยทองสาว วันเดียว 3 ราย พบเคยถูกจับลักทรัพย์ 5 ครั้ง

โดย nut_p

30 ธ.ค. 2566

168 views

บุกจับ 'อ้ายช้าง บางขัน' เพิ่งพ้นโทษ 3 เดือน ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์หญิงสาว 3 ราย กลางวันแสก ๆ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา แถมภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกได้อย่างชัดเจน พลิกแฟ้มประวัติคดีสุดอึ้ง เคยถูกจับกุมนอนเรือนจำมาแล้วในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ถึง 5 ครั้ง ก่อนมาลงมือซ้ำ และถูกจับอีกครั้งล่าสุด ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง



วันนี้ 30 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองกำกับการสืบสวนภูธร จ.ตรัง (กก.สส.ภ.จว.ตรัง) และสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จำนวนรวมกว่า 10 นาย เข้าจับกุมตัว ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายทวีวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ หรือ อ้ายช้าง บางขัน อายุ 48 ปี ชาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ได้ที่บ้านเลขที่ 241 หมู่ 3 ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ที่ จ.513/2566 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ฐานความผิด “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม”



พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 10 รายการ เช่น 1.รถ จยย. ยี่ห้อ ฮฮนด้า MSX สีดำ จำนวน 1 คัน ซึ่งนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา รับว่าใช้ขับขี่ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 15.45 น. เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซุปเปอร์มาร์ท 2.เสื้อผ้า กางเกง และรองเท้า ที่ นายทวีวัฒน์ฯ ผู้ต้องหา รับว่าใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ 3.กระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ 4.หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ มีหน้ากาก สีเทา ซึ่งใช้สวมใส่เพื่อปิดบังใบหน้าใช้ในวันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์



5.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮฮนด้า เวฟ ไอ สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน ซึ่งนายทวีวัฒน์ฯ ผู้ต้องหา รับว่าใช้ขับขี่ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ ต.บางรัก และ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.66 เวลาประมาณ เวลา 09.00 น. และเวลาประมาณ 15.45 น. 6.บัญชีธนาคาร ชื่อนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา แจ้งว่ามียอดเงินคงเหลือ 3,000 บาท พร้อมบัตรกดเงินด่วน ATM ซึ่งนายทวีวัฒน์ฯ ผู้ต้องหา รับว่าเงินในบัญชีเป็นเงินที่เหลือจากการขายทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวทรัพย์มาแล้วได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าว และ 7.โทรศัพท์มือถือ 1. เครื่อง ที่ผู้ต้องหา รับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ซื้อโดยเงินที่ได้มาจากการขายทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวทรัพย์มา



เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมให้รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.66 ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ผู้เสียหาย ในพื้นที่ อ.เมืองตรัง จำนวน 2 ราย โดยวันดังกล่าวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากบ้านของตน ใน ต.บางขัน อ.บางขัน ขับมุ่งหน้าผ่าน อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ไปยังเขตตัวเมืองตรัง เมื่อถึงบริเวณ ถนนสายตรัง-สิเกา ม.4 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ได้ทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหาย ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อม พระกริ่ง 1 องค์ แต่เมื่อได้ขับขี่ไปทาง ต.บางหมาก อ.กันตัง ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าทองรูปพรรณเป็นของปลอม จึงได้นำไปโยนทิ้งบริเวณบ้านหนองเสม็ด ใกล้เรือนจำ จ.ตรัง



จากนั้นวันเดียวกันเวลาประมาณ 12.49 น.ได้ขับรถจักรยานยนต์คันเดิม ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระเหรียญกิ้วอ่อง 1 องค์ จี้หยกรูปหัวใจ 1 ชิ้น บริเวณ ถนนกันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ได้ใช้เส้นทางหลบหนีโดยผ่านทาง อ.ห้วยยอด ผ่าน อ.รัษฎา จ.ตรัง และได้นำทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวมา ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เงิน 21,000 บาท และจากการซักถามนายทวีวัฒน์ฯ ผู้ต้องหา ยังให้การรับสารภาพอีกว่าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2566 เวลาประมาณ 15.47 น.ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายมาก่อนด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซุปเปอร์มาร์ท ถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พระกริ่ง 1 องค์ โดยครั้งนั้นได้นำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เงิน 28,000 บาท



จาการพลิกแฟ้มคดีพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำ จ.นครศรีธรรมราชมาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 หรือประมาณ 3 ที่ผ่านมา ก่อนจะมาถูกจับกุมอีกครั้งในครั้งนี้ และยังพบอีกว่าผู้ต้องหารายนี้เคยถูกคดีและจำคุกในเรือนจำมาแล้วถึง 5 ครั้ง ได้แก่ ปี 2555 คดีวิ่งราวทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ปี 2548 คดีวิ่งราวทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองตรัง ปี 2559 คดีชิงทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.สิเกา จ.ตรัง ปี2560 คดีชิงทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.กันตัง และในปี 2555 คดีวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จนกระทั่งเพิ่งพ้นโทษออกมาและมาก่อเหตุซ้ำและถูกจับกุมอีกครั้งล่าสุดนี้



สำหรับ 2 เหตุการณ์ล่าสุดที่ผู้ต้องหาได้ลงมือก่อเหตุ ปรากฏพยานหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่ 1 ได้ปรี่เข้ามากระชากสร้อยจากคอหญิงสาวรายหนึ่ง ก่อนจะวิ่งขึ้นรถ จยย. โดยที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงสาวพยายาม ฮึดสู้เข้าไปยื้อยุดฉุดกระชาก แต่ไม่สามารถสู้แรงไหว ประกอบกับคนที่เห็นเหตุการณ์คิดเป็นเหตุสามีภรรยาทะเลาะกัน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามหรือช่วยเหลือ และผู้ต้องหาได้พยายามข่มขู่ว่า “เดี๋ยวแทงตาย” ขณะเดียวกันยังเห็นว่ารถ จยย. ของผู้ต้องหามีอาการผิดปกติไม่สามารถขับขี่ออกไปได้ในทันทีทันใด ใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่ง ก่อนขับรถย้อนศรออกไป และทรัพย์ที่ได้ตกบนถนน และได้จอดเก็บ ส่วนเหตุการณ์ภาพจากวงจรปิดครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาได้ลงจาก รถ จยย.ปละปี่เข้าไปกระชากสร้อยของหญิงสาวอีกรายโดยทันที เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน และนำตัวส่งฝากขังศาล จ.ตรัง ต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News