อาชญากรรม

ญาติติดใจหนุ่มคลั่งยา ถูกวิสามัญเกินกว่าเหตุ ด้าน ตร.ยันทำตามยุทธวิธี

โดย thichaphat_d

29 พ.ย. 2566

4.2K views

ญาติร้องสื่อ หนุ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ขณะเข้าระงับเหตุคลุ้มคลั่งจากเสพติด ว่ายังติดใจการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ลูกชายเสียชีวิต พร้อมทั้งถามถึงการเยียวยาหลานอีก 3 คนและสะใภ้ เพราะผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักของครอบครัว

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางยัง วัดป่าศิลาอาสน์ บ.หม้อทอง ต.ดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร สถานที่ตั้งศพของนายสาธิต ธรรมรัง อายุ 39 ปี ผู้เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญฆาตกรรม บรรยากาศภายในงานมีญาติมาคอยเตรียมงานเพื่อสวดอภิธรรมในช่วงค่ำ ขณะที่ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณยกานนท์ พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชา เดินทางมาเพื่อร่วมฟังสวดอภิธรรมในวันนี้อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งพวดหรีดในนาม สภ.บ้านม่วง เพื่อร่วมแสดงความอาลัยและฟังสวดอธิธรรมทุกวันตั้งแต่ 26-28 พ.ย และวันฌาปนกิจวันที่ 29 พ.ย 66


ขณะเดียวกันได้พบกับ นางชมพู ชัยบุญมี อายุ 42 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 66 เวลาประมาณช่วงเย็น ชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งว่า สามีตนปืนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้พร้อมกับพูดพึมพำคนเดียวให้มารับตัวกลับบ้าน ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังผู้นำชุมชนให้มาช่วยอีกแรง แต่สามีตนนั้นก็ลงมาจากต้นไม้แล้วก่อนจะขี่ จยย.ไปบ้านคนรู้จักสถานที่ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 2 กม. ขณะนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าของบ้านกำลังกินข้าวอยู่กับหลาน นายสาธิตเดินเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านเห็นท่าไม่ดีจึงปล่อยให้นายสาธิตนั่งกินข้าวคนเดียวแล้วพาหลานออกไป

ต่อมาตนและญาติได้ตามมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้สามีกลับบ้านแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่นานผู้นำชุมชนที่ได้ประสานงานไว้ก่อนหน้านี้ก็ตามมาพร้อมกับตำรวจ ทันใดนั้นเมื่อสามีตนเห็น ก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องของบ้านหลังดังกล่าว ลักษณะเป็นบ้านยกสูง ตนและเจ้าหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมให้ออกมาอยู่นานตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 - 20.00 น. ต่อมาประมาณ 21.00 น. สามีตนได้ออกมาจากห้องพร้อมกับถือมีดทำครัวปลายแหลม ลักษณะคล้ายกับคนไม่ได้สติ


เจ้าหน้าที่จึงใช้กระสุนยางยิงไปที่ตัว 3-4 นัด สามีจึงตะโกนโหวกเวกว่าเป็นภาษาท้องถิ่นว่า กูกลัวๆ แล้วรีบกลับเข้าห้องไป ต่อมาเวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านนอก สามีอาศัยจังหวะเผลอวิ่งออกมาจากห้องและตัวบ้านหวังจะหนี แต่เจ้าหน้าที่ก็วิ่งไล่ ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาชุลมุนได้ยินแค่เสียงปืนพอเห็นอีกทีสามีก็นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตกลางทุ่งนาแล้ว ตนนั้นเห็นรอยบาดแผลจากการถูกยิง 3 จุด ที่ ต้นขาด้านหลัง 2 ข้าง และท้ายทอยอีก 1 จุด จึงติดใจว่าถ้าสู้ทำไมมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง

นางชมพู่ ภรรยา ยังกล่าวต่ออีกว่า ตนมีลูกกับสามี 3 คน คนแรกอายุ 16 ปี ไม่ได้เรียน คนที่ 2 อายุ 13 ปี กำลังศึกษาอยู่ คนที่ 3 อายุ 5 ขวบ สามีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปทำเกษตร ยอมรับว่าสามีเสพยาเสพติดบ้าง แต่ก็เป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยเช่นกัน ขณะนี้เสาหลักของครอบครัวได้สูญเสียไปแล้ว ครอบครัวอยากได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนเรื่องการเยียวยาชดเชยแก่ครอบครัวเพราะลูกยังเล็กอยู่ ด้านตำรวจได้มีการเยียวยาในเบื้องต้นแล้วให้กับครอบครอบครัว แต่ยังเคลือบแคลงใจในเหตุการณ์โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่อาศัยอยู่ จ.ขอนแก่น ถ้าต่อสู้เจ้าหน้าที่ทำไมมีบาดแผลถูกยิงแต่บริเวณด้านหลังและร่างคว่ำหน้าลงกับพื้นจมกองเลือด


นายชัยยง การรุณ อาสาสมัครตำรวจประจำหมู่บ้านดงหม้อทอง กล่าวว่า วันดังกล่าวได้ทำหน้าที่ช่วยเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุร่วมกับตำรวจ และชุด ชรบ.หมู่บ้าน ซึ่งอยากจะให้ผู้ก่อเหตุนั้นออกมามอบตัว แต่ที่ต้องทำตามขั้นตอนตามยุทธวิธี เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุมีอาวุธมีดและยังอยู่ในอาการหวาดผวาของตำรวจ พอถึงช่วงเวลาตี 2 กว่าๆ ของคืนนั้น ผู้ก่อเหตุได้อาศัยตอนจังหวะ เผลอได้กระโดดลงจากบ้านที่หลบซ่อนอยู่วิ่งผ่านหน้าตำรวจไป พร้อมถืออาวุธมีดปลายแหลม จากนั้นก็วิ่งผ่านไปตามทุ่งนาออกไปประมาณ 100 เมตร จนตำรวจประมาณ 2 นาย ได้ถึงตัวและพยายามจับกุมตัวแต่พลาดท่าล้มลง และผู้ก่อเหตุทำท่าจะทำร้ายตำรวจ ขณะนั้นตำรวจอีกนายที่ตามหลังไปกระชั้นชิดเห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจระงับเหตุด้วยอาวุธปืน

นายหนม พูนเพิ่ม ผู้ใหญ่บ้านดงหม้อทองหมู่ 8 กล่าวว่า หลังจากยิงกระสุนยางเพื่อระงับเหตุ ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุเองก็กลับเข้าไปในบ้านล็อคห้องและยิ่งปิดห้องให้แน่นหนากว่าเดิม ระหว่างนั้นมืดค่ำผู้ก่อเหตุเองได้ ตัดไฟภายในบ้านทั้งหมด เจ้าหน้าที่เองก็ประเมินถึงอันตรายและไม่สามารถบุกเข้าไปได้เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะด้านนอกมีความสว่างจากแสงไฟขณะเดียวกันด้านในตัวบ้านนั้นสามารถมองออกมาจากด้านนอกได้ชัดเจน

กระทั่งช่วงเวลา ตี 2 กว่าๆ เขาอาศัยจังหวะเผลอ พยายามวิ่งหลบหนีออกจากนอกบ้านพร้อมอาวุธมีดที่พกติดตัว จนท้ายที่สุดต้องระงับเหตุเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อผู้อื่นและเจ้าหน้าที่เอง ยืนยัน ได้ทำทุกอย่างแล้วเพื่อให้เขาสบายใจออกมามอบตัว และไม่มีใครจะตั้งใจทำร้ายเขา และขอแสดงความเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณยากานนท์ ผกก.สภ.บ้านม่วง ให้ข้อมูลว่าเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบแล้ว วันเกิดเหตุภายหลังจากรับการประสานงานจากผู้นำชุมชน จนท.ตร.สภ.บ้านม่วง พร้อมด้วย ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อส.ตร. ชุด ชรบ. จำนวนเกือบ 20 คน ร่วมปฏิบัติหน้าที่ โดยนายสาธิตผู้ก่อเหตุมีลักษณะควบคุมตัวเองไม่ได้พร้อมกับมีอาวุธมีดอยู่กับตัว เจ้าหน้าที่จึงปฏิบัติตามยุทธวิธีจากขั้นเบาไปหาหนัก ขั้นแรกเกลี้ยกล่อม อุปกรณ์ไม้ง่าม ไปจนถึงการใช้กระสุนยางเพื่อระงับเหตุ แต่นายสาธิตได้หลบหนีออกจากบ้านใช้มีดที่พกติดตัวอยู่กำลังจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ ต้องยิงสกัดที่ขาเพื่อหยุดการกระทำแต่ไม่เป็นผล จึงต้องระงับเหตุอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันตัวของ จนท.กระสุนปืนไปโดนตัวผู้ก่อเหตุบริเวณต้นขาทั้ง 2 ข้างและ ด้านหลังท้ายทอย 1 จุด จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต



ภายหลังจากนายสาธิตเสียชีวิต ได้มีการตรวจสอบจุดเกิดเหตุร่วมกัน 5 หน่วย ซึ่งภรรยาอยู่ใกล้ๆเหตุการณ์และรับทราบกระบวนการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด พร้อมกันนี้ได้นำร่างของนายสาธิตส่งผ่าพิสูจน์และส่งมอบคืนแก่ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจชันสูตรพลิกศพ สำหรับด้านคดีความในเรื่องนี้เพื่อความเป็นธรรม พนักนักงานสอบสวนจะมีการเรียกพยานกว่า 20 คน มาให้ปากคำ พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยเรื่องการเยียวยาเพิ่มเติม ซึ่งต้องรอผลสอบสวนประกอบพยานหลักฐานเสร็จสิ้นก่อนจึงจะสรุปได้ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่าไปตามข้อเท็จจริงอย่างสมเหตุสมผล อย่างไรก็ดีจะมีการพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตเพื่อทำความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันทำตามขั้นตอนยุทธวิธี ทั้งนี้ขณะเข้าตรวจสอบที่ร่างกายนายสาธิตหลังเกิดเหตุพบว่าอาวุธมีดได้ถูกพันด้วยเชือกติดกับมือและยาบ้า 1 เม็ด ในกระเป๋าเสื้อ

คุณอาจสนใจ