อาชญากรรม

เจ้าอาวาสวัดดัง เมืองสุพรรณ หายตัวพร้อมเงินกฐินกว่า 7 แสน แถมยืมเงินชาวบ้านไปอีก 4 ล้าน

โดย attayuth_b

21 พ.ย. 2566

4.8K views

จากการณีเจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาสวัดดัง เมืองสุพรรณบุรี หายตัวไปพร้อมเงินกฐิน กว่า 7 แสนบาท และไม่สามารถติดต่อได้ ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินมาจากชาวบ้านกว่า 30 ราย อีกประมาณ 4 ล้านบาท มาใช้ทะนุบำรุงวัด

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายฉลอง วงษ์จันทร์ อายุ 70 ปี เจ้าหน้าที่การเงินวัดแห่งหนึ่ง ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี เข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.ต.นิคม ขุนสอาดศรี สว (สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 66 ทางวัดแห่งหนึ่งได้มีการทอดกฐิน ได้ยอดเงิน จำนวน 717,186.75 บาท ต่อมาเจ้าอาวาสวัดได้นำเงินไปฝากธนาคาร ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งสาขาสุพรรณบุรี กระทั่งเจ้าอาวาสได้หายตัวพร้อมเงินกฐิน กว่า 7 แสนบาท และยังไม่สามารถติดต่อไป ซึ่งในช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย. 66 นายฉลอง ได้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารของวัด โดยนำสมุดบัญชีของทางวัดไปปรับดูยอดเงิน ปรากฎว่าไม่มีเงินกฐิน เข้าบัญชีวัดแต่อย่างใด โดยปกติต้องนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของวัด ธนาคารกรุงไทย และหลังจากเกิดเหตุ ไม่สามารถติดต่อเจ้าอาวาสวัดได้ ทางคณะกรรมการวัดจึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวเจ้าอาวาสมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

นายฉลอง วงษ์จันทร์ อายุ 70 ปี เจ้าหน้าที่การเงินวัด เล่าว่า ซึ่งสมุดบัญชีวัดมี 2 เล่ม เล่มหนึ่ง มีชื่อคนที่รับผิดชอบ 3 คน เวลาจะเบิกต้องใช้ 2 ใน 3 ซึ่งมีนายฉลอง วงษ์จันทร์ เป็น 1 ในผู้รับผิดชอบ และ เจ้าอาวาสวัด พร้อมกับมีอีก 1 คน ในบัญชีเหลือเงินเพียง 849.15 บาท แต่อีกหนึ่งบัญชี เป็นชื่อวัดบางปลาหมอ โดยบัญชีนี้ทางเจ้าอาวาสเบิกคนเดียวได้ ซึ่งบัญชีเล่มที่ 2 นี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลังวันทอดกฐิน มีการเบิกเงินไป 290,000 บาท และวันที่ 14 พ.ย. มีการเบิกออกไปอีก 5,000 บาท จนเหลือเงินในบัญชี 262.65 บาท

ด้าน พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการวัด ผู้ดูแลเงินของวัด เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ก็ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดรวมถึงพฤติกรรมทั้งหมดลงไปในรายละเอียด ในเรื่องเงิน เส้นทางการเงินที่จะต้องเข้าในบัญชีของวัดอย่างไร ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง รวบรวมพยานหลักฐานและหลังจากนั้นก็จะนำมาดูว่าจะเข้าข้อกฎหมายในเรื่องใด และอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นในเรื่องของการติดตามเจ้าอาวาส เพื่อมาให้การ ในเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่การเงินของวัดได้กล่าวหาไว้ ว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร

ซึ่งส่วนนี้เราได้ดำเนินการไปพร้อมพร้อมกัน ในส่วนของทางเจ้าอาวาสที่หายตัวไป ตอนนี้อย่างที่บอกไว้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเราก็อยากจะทราบสาเหตุข้อเท็จจริง ที่ท่านหลบไปและไม่ติดต่อมีสาเหตุตรงไหน อย่างไร ซึ่งตรงนี้ก็จะขอเวลาให้ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการหน่อยนึง อยากจะฝากจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนให้กับหลายวัดในส่วนของกระบวนการควบคุมในการติดตามตรวจสอบเรื่องการเงินของวัด อยากให้มีความรัดกุมมากขึ้น เราเข้าใจถึงพุทธศาสนิกชนที่นำเงินมาทำบุญให้วัดแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าใจถึงความรู้สึก ดังนั้นแต่ละวัดที่จะดำเนินการทอดกฐิน อยากให้มีการวางมาตรการแนวทางการควบคุมให้เกิดความรัดกุมและปลอดภัยมากขึ้น

ด้านนายฉลอง วงษ์จันทร์ เจ้าหน้าที่การเงินของวัด กล่าวว่า มาแจ้งความในเรื่องของเงินกฐินของวัด เงินที่ได้มา 700,000 กว่า ไม่มีเข้าบัญชีวัดเลยและทางเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าหายตัวไปไหน ติดต่อไม่ได้ จึงได้มาให้ทางตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งกฐินมีตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกาที่ผ่านมา โดยเจ้าอาวาส หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ก็ 4-5 วันแล้ว หลังจากนับเงินกฐินเสร็จทางเจ้าอาวาสได้นำเงินไปเข้าบัญชี แต่ผลปรากฏพอตรวจแล้วไม่มีเงินเข้าบัญชีของวัด ทีแรกก็ไม่รู้ว่าเงินเข้าบัญชีหรือยังเพราะสมุดอยู่ที่อาจารย์ แล้วพอผมไปเอาสมุดมาแล้วไปปรับบัญชีเมื่อวาน (20 พ.ย) ก็ปรากฏไม่มีเงินในบัญชี

โดยส่วนตัวคิดว่าทางเจ้าอาวาสน่าจะเอาเงินไป เพราะติดต่อไม่ได้เลย นอกจากเงินวัดแล้วก็ยังมีการยืมเงินส่วนตัวของชาวบ้านด้วย ในส่วนตัวของผมท่านยืมไป 60,000 บาท โดยบอกว่า ยืมไปช่วยญาติที่เดือดร้อน และชาวบ้านในละแวกที่ถูกยืมเงินไปมีอีก 38 ราย ยอดรวมกันประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ทางชาวบ้านยังไม่มาแจ้งความ โดยเมื่อวานช่วงเย็นทางฝ่ายปกครอง และเจ้าคณะอำเภอได้เข้าไปประชุมร่วมกัน ว่าจะเอายังไง ว่าจะรวมกันมาทีเดียวหรือจะให้ต่างคนต่างไปแจ้งความ โดยได้นัดกันอีกทีในวันที่ 29 พ.ย. อยากบอกให้เจ้าอาวาสเอาเงินกฐินมาคืนวัดแต่ในส่วนเรื่องเงินส่วนตัวที่ยืมไป อันนี้ก็เป็นเรื่องของท่านเอง ซึ่งอุปนิสัยของเจ้าอาวาสปกติเป็นคนนิสัยดีพูดจาหยอกล้อหัวเราะร่าเริง ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แกเป็นคนอัธยาศัยดี อายุก็เพิ่งจะ 30 กว่าเอง ที่ผ่านมาพัฒนาวัดได้ดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องจะบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

ด้านนายลภัสวัฒน์ อภิศภัทรวสุ อายุ 58 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า พอรู้เรื่องก็รู้สึกช็อคไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เพราะแต่ที่รู้จักท่านมา ท่านก็เป็นคนดีท่านพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาเยอะ อย่างเช่นหอสมุดเขาก็สร้างขึ้นมา แล้วก็มาช่วยกันพัฒนา ชาวบ้านก็รักท่านทุกคนนะ แต่พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เสียความรู้สึกอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังเชื่ออยู่ว่าอีกไม่กี่วันท่านก็คงจะกลับ ที่ผ่านมาท่านมีปัญหาอะไรท่านก็ไม่เคยเล่า ไม่เคยพูดให้ชาวบ้านได้รู้เลยว่ามีเรื่องหนักใจลำบากใจอะไรท่านก็ไม่เคยพูดให้ฟัง ซึ่งที่ผ่านมาท่านก็อยู่แต่วัดตลอดไม่เคยไปไหน จะออกไปข้างนอกบ้างก็จะเป็นงานกิจนิมนต์ตามบ้านและวัดใกล้เคียง ถ้าตอนนี้ทางเจ้าอาวาสได้ดูข่าวอยู่อยากให้ท่านกลับมาและมาช่วยพัฒนา วัดเหมือนเดิม ก็คิดว่าชาวบ้านก็ยังรักและชอบท่านอยู่เพราะท่านพัฒนาเก่ง

ขณะที่ลูกศิษย์รายหนึ่งเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ทางท่านเจ้าอาวาส บ่นว่าเครียด แต่ไม่ยอมบอกว่าเครียดเรื่องอะไร และท่านเจ้าอาวาสยังบอกว่าอยากไปหาสถานที่สงบ ๆ เงียบๆ นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ซัก 4-5 วัน กระทั่งต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้มาหายตัวไปพร้อมเงินกฐิน โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดเหตุร้ายอะไรกับท่านหรือไม่ หรือไปเอง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนติดตามตัวท่านมา หรือหากท่านได้ดูข่าวขอให้ท่านกลับมา เรื่องทุกอย่างจะได้กระจ่าง



คุณอาจสนใจ

Related News