อาชญากรรม

โจรทำทีมาซื้อของ ก่อนเตะก้านคอแม่ค้าร้านชำ กระชากสร้อยทอง 1 บาทแล้วหนี

โดย attayuth_b

21 ก.ย. 2566

116 views

ภาพจากกล้องวงจรปิด จังหวะที่คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ตัวใหญ่ สูงประมาณ 175 เซนติเมตร เข้ามาก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าของร้านร้านขายของชำ โดยเตะก้านคอเจ้าของร้านหวังจะให้สลบ แต่เจ้าของร้านฮึดสู้จนถูกทำร้ายซ้ำแล้วฉกเอาสร้อยคอทองคำที่เจ้าของร้านสวมใส่คอน้ำหนัก 1 บาทหลบหนีขึ้นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีออกจากหน้าร้านไปยังลอยนวล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 20 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพล ระดมกำลังออกติดตามหาเบาะแสของคนร้ายตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้

วันนี้ (21 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.สลาวุฒิ จันทศิลา รอฃ ผกก.ป.สภ.พล พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกัน สภ.พล ลงพื้นที่มาพบกับ นางณิชา ตุ่นป่า อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 บ้านเพ็กใหญ่ ม.11 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น ภายหลังเดินทางกลับจากโรงพยาบาล ทันทีที่แพทย์ที่ทำการรักษาอนุญาตให้กลับมาบ้านเพื่อดูอาการจากการถูกทำร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติก็ถือว่าปลอดภัยแต่หากมีอาการผิดปกติเช่นวินเวียน อาเจียน หรือปวดหัวให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อรีบวินิจฉัยทำการรักษา โดยให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมเน้นย้ำในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามเบาะแสของผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่าอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 175 เซนติเมตร รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายมิดชิด ปกปิดคลุมเหลือแต่ดวงตา เสื้อผ้ามีสกรีนชื่อบริษัทซึ่งลักษณะเหมือนเสื้อที่ทางโรงงานแจก

โดยนางณิชา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนเองขายของอยู่คนเดียวตามปกติ โดยลูกสาวไปทำงานยังไม่กลับ ก่อนเกิดเหตุช่วง 11.00 น. คนร้ายรายนี้ได้มาซื้อน้ำดื่ม 1 ขวด จ่ายเงินตามปกติแล้วกลับไป โดยแต่งกายเสื้อสีเท่า-ขาว ผ่านไปช่วงบ่ายโมงเศษ คนร้ายรายเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง โดยไปหยิบนมเปรี้ยวที่ร้านซึ่งเดินไปหยิบเปิดตู้แช่เอง พร้อมกับจ่ายเงินมาให้ 8 บาท แต่นมเปรี้ยวยี่ห้อที่คนหยิบมานั้นขึ้นราคาแล้วเป็น 9 บาท จึงถามอีกยี่ห้อหนึ่งให้ซึ่งคนร้ายก็ตกลงเปลี่ยน ก่อนจะออกไปยืนกินอยู่หน้าร้านจนหมดขวด แต่ก็ไม่ได้เอะใจว่าคนร้ายจะดูลาดเลาร้านหรือเปล่า ก่อนจะกลับมาในร้านแล้วถามซื้อเอ็ม 150 โดยบอกว่าเหลือแต่แบงค์ 10 บาท จะขอฝากเป็นประกันไว้ก่อนแล้วจะกลับมาจ่ายทีหลังพร้อมกับเอาแบงค์ 10 คืนพรุ่งนี้ ตนเองก็เห็นว่าเป็นลูกค้าคนหนึ่งจึงตกลงก่อนที่คนร้ายรายนี้จะออกจากร้านไป กระทั่งรอบที่สามรอบสุดท้ายที่คนร้ายเข้ามาโดยขับกระบะ แคป ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดปิดประตูร้านเอาไว้ จังหวะนั้นตนเองตกใจก็มองดูแต่เห็นชายรายเดิมลงจากรถมา โดยเปลี่ยนชุด โดยข้างหลังเขียนว่าป.ณัฐพล ซึ่งเป็นชื่อ โรงสีชื่อดังในตัว อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น จึงบอกว่าอ้าว ก่อนที่คนร้ายจะยื่นเงินแบงค์ 100 มาให้ จังหวะนั้นตนเองเข้าใจว่าจะมาแลกธนบัตรแบงค์ 10 บาทคืนไป พร้อมทั้งกลับบอกว่าเอาไอศครีมหนึ่งอย่างราคา 25 บาทบวกกับเครื่องดื่มชูกำลังราคา 12 บาท เป็น 37 บาท จังหวะที่เปิดเก๊ะเอาแบงค์ 100 วาง แล้วหยิบเอาแบงค์ 10 บาทออกมา กับนับเงินทอนให้คนร้ายนั้น ถูกเตะเข้าที่ก้านคออย่างจัง เป็นจังหวะที่หันมาและเห็นคนร้ายกำลังง้างมาพอดีแล้วก็มืดลงทันที เหมือนตั้งใจจะเตะให้เราสลบในทีเดียว จังหวะนั้นพยายามตั้งสติ และพยายามต่อสู้ ทำให้คนร้ายเข้ามาทำร้ายซ้ำและกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาทที่สวมใส่ที่คอวิ่งหลบหนีขึ้นรถกระบะที่จอดปิดทางเข้าบ้านโดยอ้อมไปทางด้านหลังรถ จังหวะนั้นตนเองรีบตั้งสติแล้ววิ่งตามไปเปิดประตู พร้อมกับตะโกนให้คนช่วย และพยายามหาสิ่งของที่คิดว่าจะเป็นหลักฐาน จึงคว้าได้แว่นตาและพาวเวอร์แบงค์ที่อยู่ในรถข้างคนขับ ทีแรกคิดว่าเป็นโทรศัพท์จึงหยุดชะงักเพราะคิดว่ามีหลักฐานแล้วแต่พอมองดูไม่ใช่โทรศัพท์กลับเป็นพาวเวอร์แบงค์จึงรีบมองหาสิ่งของอื่นและเห็นกระเป๋าวางอยู่ข้างเบาะนั่งคนร้าย ซึ่งกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบคนร้ายก็รีบเร่งเครื่องรถหลบหนีออกไปทันที

หลังเกิดเหตุชาวบ้านและผู้นำชุมชนได้พากันแจ้งทางตำรวจและทางอำเภอช่วยกันออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจพร้อมกับกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งก็ขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ยอมรับว่าขวัญเสียและผวา เวลามีลูกค้าที่แต่งกายปกปิดมิดชิดเรายังตกใจ พอมาเจอเหตุการณ์กับตัวเองก็ยิ่งตกใจไปอีก ที่ผ่านมาแม้แต่คนขายสลากสวมแว่นดำสวมหมวกแต่งกายมิดชิดเข้ามาขายตนเองก็ยังกลัวยังหลีกเลี่ยงที่จะซื้อก็ปฏิเสธไปตลอด ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านพ.ต.อ.พีระฉัตร สาขา ผกก.สภ.พล เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน เร่งหาเบาะแสรวบรวมพยานหลักฐาน ตามล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างผอมตัวใหญ่ ตอนเกิดเหตุสวมเสื้อแจกของโรงงานซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งคาดว่า จะทราบตัวผู้ก่อเหตุได้เร็วเร็วนี้ โดยทางตำรวจเองไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม เข้มงวดในการตรวจตรา โดยทางตำรวจเองจะมีสายตรวจตำรวจประจำอยู่ตำบลละหนึ่งนาย ก็จะมีการเข้มงวดในเรื่องการตรวจตรามากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามในระดับหนึ่ง

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางสุฅนธ์ ทุมพัง ผญบ.บ้านเพ็กใหญ่พัฒนา หมู่11 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น เปิดเผยกับผู้ข่าวว่า หลังเกิดเหตุช่วง 4 โมงเย็น ทางฝ่ายปกครองร่วมกับทางตำรวจได้ออกติดตามหาเบาะแสของคนร้าย โดยไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบรถยนต์ต้องสงสัยของผู้ก่อเหตุ เป็นรถยนต์กระบะแคป สีบรอนทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร คาดว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ยังมีภาพจากกล้องหน้ารถซึ่งขับผ่านมาพอดีและจอดดูเหตุการณ์ โดยคนขับรถบอกว่า ขณะขับรถจะผ่านหน้าหน้าร้านดังกล่าว พบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ มีเสียงดังแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงคนหยอกเด็ก ก่อนจะเห็นเหตุการณ์ในช่วงที่คนร้ายวิ่งขึ้นรถโดยมีผู้บาดเจ็บวิ่งตามไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่คนขับจะรีบเร่งเครื่องยนต์ขับหนีไป ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็ได้ประกาศเสียงตามสายประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนระมัดระวัง โดยเฉพาะคนเท่าคนแก่และคนที่อยู่ลำพังไม่ว่าจะตามบ้านเรือนหรือร้านค้า เพราะแม้แต่วัยรุ่นวัยกลางคนก็สามารถถูกทำร้ายได้หมดเพราะไม่รู้ว่าใครมาดีหรือมาร้ายก็ขอให้ระมัดระวัง ในส่วนของตนเองในฐานะผู้นำชุมชนก็จะมีการสอดส่องดูแลลูกบ้านอย่างเข้มงวดขึ้นอีกทางเพื่อเป็นหูเป็นตาป้องกันเหตุในเบื้องต้นด้วย

คุณอาจสนใจ