อาชญากรรม

รวบชายแต่งกายคล้ายพระ แกล้งพิการ ยืนเรี่ยไรปชช.ชาวบ้านร้องตรวจสอบ

โดย attayuth_b

11 มี.ค. 2566

104 views

วันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผู้กำกับ สภ.พระประแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในตลาดครุใน ว่ามีพระรูปหนึ่งออกมาเดินเรี่ยไรภายในตลาดทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นดูไม่เหมาะสมและสร้างความเดือดร้อน จากนั้นทาง ผู้กำกับสภ.พระประแดง ได้แจ้งไปยัง พระราชพัฒนสุนทร เจ้าคณะอำเภอพระประแดง เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร ได้ประสานนิมนต์ให้ พระมหาเพชร ภทุทจาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดครุนอก และเป็นพระวิญญาธิการ พร้อมกับพระสมชาติ ขนุติสาโร พร้อมด้วย ร.ต.ต.อรุณ ภักดี รอง สวป. สภ.พระประแดง และกำลัง ไปตรวจสอบบริเวณทางเข้าตลาดครุในปากซอยสุขสวัสดิ์ 70/1 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อไปถึงบริเวณจุดดังกล่าวก็มีชาวบ้านญาติโยมมาแจ้งว่ามีพระรูปนึงมายืนเรี่ยไรและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พอเจ้าหน้าที่ไปที่จุดดังกล่าวบริเวณในซอยเข้าไปประมาณ 50 เมตร หน้าร้านทองพบ พระนิพนธ์ อุปถัมภ์ทิพยา อายุ 64 ปี ที่อยู่ 129/1 หมู่ที่ 8 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ยืนอยู่ในการแต่งกายใส่จีวรห่มผ้าสีเหลือง มีไม้เท้า 2 อันอยู่ข้างตัว และใส่ที่บล็อกคอมีผ้าปิดตาข้างขวา1 ข้าง พร้อมสะพายบาตรอยู่ด้านหน้า มีเครื่องขยายเสียง พูดถึงทางพระพุทธศาสนารวมทั้งขอทำบุญเรี่ยไร เหมือนกับตัวเองเจ็บป่วยหรืออาพาธ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมคณะสงฆ์จึงยืนดูสังเกตการณ์สักพัก

จากนั้นจึงเดินเข้าไปแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบโดยอ้างว่ามีชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงาน ทำให้พระนิพนธ์เกิดอาการไม่พอใจแสดงท่าทางเอะอะโวยวายและต่อว่าด่าทอเจ้าหน้าที่ทำให้ชาวบ้านหรือญาติโยมที่อยู่บริเวณนั้นเห็นแล้วพฤติการณ์ไม่เหมาะสมไม่สมที่จะเป็นพระสงฆ์ จนมีชาวบ้านตะโกนออกมาจัดการไปเลย ไม่รู้ว่าพระจริงหรือพระปลอม

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้พยายามเชิญพระนิพนธ์ไปตรวจสอบที่ สภ.พระประแดง แต่พระนิพนธ์มีอาการเอะอะโวยวายเสียงดังขัดขืนไม่ยอมไป เจ้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวและนำขึ้นรถสายตรวจไปตรวจสอบที่โรงพัก จากการตรวจสอบเบื้องต้นเอกสารสุทธิบัตรของพระสงฆ์ประจำตัวนั้น มีจำนวนหลายวัดทำให้พบความผิดปกติของสุทธิบัตรนั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพระนิพนธ์ ไปที่วัดทรงธรรมวรวิหาร ไปพบพระราชพัฒนสุนทร เจ้าคณะอำเภอพระประแดง เพื่อทำการสอบถาม แต่พระนิพนธ์ยังปฏิเสธตามที่ชาวบ้านร้องเรียนและมีอาการเสียงดังเอะอะโวยวายภายในกุฏิเจ้าคณะอำเภอและมีการด่าทอและสวดปาฏิโมกข์ใส่เจ้าคณะอำเภอพระชั้นผู้ใหญ่ถึงได้ทำการตรวจสอบประวัติพระนิพนธ์ พบว่าพระนิพนธ์มีพฤติกรรมแบบนี้มาหลายที่เช่นจังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดกาญจนบุรี และเคยเป็นข่าวอยู่หลายครั้ง

จากนั้นยังตรวจสอบเอกสารหรือสุทธิบัตรประจำตัวพระภิกษุสงฆ์ก็ยังพบว่าที่พระนิพนธ์ พกอยู่นั้นมีระบุสังกัดหลายวัดมากและหลายพื้นที่ และทางเจ้าคณะอำเภอได้โทรตรวจสอบไปยังที่พระนิพนธ์กล่าวอ้างถึงนั้นได้คำยืนยันเหมือนกันทุกวัดทุกพื้นที่ว่าไม่ได้เป็นพระในสังกัด ได้ทำการสึกมาหลายครั้งแล้ว ทางคณะสงฆ์จึงได้ให้พระนิพนธ์ทำการสึก แต่ไม่ยินยอมสึก จากนั้นทางเจ้าคณะอำเภอจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย พระนิพนธ์จึงยอมสึกและขอว่าปล่อยตัวไปอย่าดำเนินคดี พอทำการสึกเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวอดีตพระนิพนธ์ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นาย จิรศักดิ์ สังหร่าย อายุ 40 ปี เป็นจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เล่าว่า พระรูปนี้เดินเปิดลำโพงเรี่ยไรขอเงินมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แล้วเป็นพระพิการวัดที่ไหนจะให้บวช พอดีเมื่อเช้ารองเจ้าอาวาสท่านมาเจอ เลยแจ้งตำรวจให้มาจับ ตนในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนมองว่าพระประเภทนี้ทำให้ศาสนาเสื่อม รบกวนประชาชนที่สัญจรไปมา ก่อความรำคาญและหนวกหูไปหมด ตนจำได้ว่าเมื่อสองสามปีที่แล้วพระรูปนี้ก็เคยก่อความรำคาญแบบนี้

ส่วนทางพระสมชาติ ขนฺติสาโร วัดครุนอก และพระมหาเพชร ภทุทจาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดครุนอกหรือ พระวินยาธิการ จากการสอบถามได้เล่าให้ฟังว่า โดยอาตมาบิณฑบาตอยู่ที่ตลาดวัดครุใน โดยได้รับแจ้งจากญาติโยมว่าเห็นอดีตพระนิพนธ์นี้เดินเรี่ยไรอยู่ในตลาดครุใน พระสมชาติจึงโทรแจ้งพระมหาเพชรผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดครุนอกให้มาช่วยตรวจสอบ จากนั้นพระมหาเพชรผู้ช่วยวัดครุนอก ได้มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาตรวจสอบอดีตพระนิพนธ์ ได้พบว่าได้ยืนบิณฑบาตรโดยผ่านเครื่องขยายเสียง และได้ทำการตรวจเอกสาร จากการตรวจสอบพบว่า ในบาตรมีเครื่องลางของขลังมากมาย เพื่อนำมาแลกกับปัจจัยของญาติโยม โดยมีลำโพงและแบตเตอรี่อยู่ในย่าม ซึ่งใช้เป็นเครื่องขยายเสียง

จากการตรวจสอบดูพบว่าเป็นพระองค์เดียวกับที่จังหวัดชลบุรีที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ จากการสอบถามพระองค์ดังกล่าวให้การปฏิเสธโดยไม่ยอมรับ ซึ่งพูดจาเอะอะโวยวายและไม่ให้เข้ามายุ่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพระที่เดิน เรี่ยไรเงินดังกล่าวนำตัวไปที่วัดทรงธรรม ซึ่งแปลให้พระผู้ใหญ่หรือเจ้าคณะอำเภอช่วยตรวจสอบ เนื่องจากหลักฐานไม่แน่ชัดและไม่ยอมบอก นอกจากนี้ทางพระผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีสูติบัตรรวมทั้งบัตรประชาชนซึ่งเป็นเอกสารปลอม ซึ่งถ้าเป็นบัตรประชาชนจริงจะต้องมีใบหน้าและหลังแต่อันนี้เป็นใบหน้าทั้ง 2 ด้านเลย ซึ่งด้านหลังไม่มีมีแต่ด้านหน้า โดยเหมือนว่านำพิมพ์มาแล้วเอามาประกบกัน ส่วนใบสุทธิบัตรอันนี้ยอมรับเลยว่าเก่ามากๆ มีตราประทับหลายครั้งจนหมดเล่มและรวมถึงหลายวัดด้วย ซึ่งในเล่มเดียวกัน โดยแท้จริงแล้วการประทับตราในสุทธิบัตรต่อ 1 เล่ม โดยปกติทั่วไปแล้วต้อง 1 เล่มต่อ 1 วัด ซึ่งอันนี้หลายวัดเลยมีการทั้งย้ายเข้าย้ายออกและย้ายออกย้ายเข้า ของต่างจังหวัดหลายที่ ซึ่งตนเองไม่แน่ใจว่าพระองค์ดังกล่าวมีปัญหาเกี่ยวกับด้านสมองหรือเปล่า เซ็นขณะเดียวกันทางเจ้าคณะอำเภอได้ให้ทำการถอดเสื้อสบงแต่เจ้าตัวยังไม่ยินยอม แต่พระลายดังกล่าวไม่มีสถานะบ่งชี้ชัด ว่ามาจากที่ไหนและอยู่ที่วัดไหน ไม่ยอมบอกพระอุปัชฌาย์ไม่ยอมบอกเจ้าอาวาส

ส่วนทางด้านอดีตพระนิพนธ์ ได้ปฏิเสธคำที่ชาวบ้านร้องเรียน ว่าตนไม่ได้เรี่ยไรเพราะในบาตรก็ไม่มีตังค์ซะหน่อย และตนบวชวัดไหนอยู่วัดไหนทำไมจำเป็นต้องบอก เพราะตนบวชมาหลายวัดแล้วและโดนสึกมาหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นไร เดี๋ยวตอนสึกเสร็จตนก็ไปบวชใหม่ ที่ตนมาแถวพระประแดงเพราะมาหาเพื่อน พระด้วยกันอยู่แถวตลาดพระประแดง ใครจะมาฝึกตนไม่ได้เพราะว่าตนมีบัตรประชาชนก็ระบุว่าเป็นพระอยู่แล้วตนไม่กลัวและตนก็ไม่ยอมสึก

คุณอาจสนใจ