อาชญากรรม

191 จับ 2 คดีใหญ่ หนุ่มบดยาผสมกาแฟตระเวนขาย - เด็กช่างดัดแปลงปืนลอบขายออนไลน์

โดย nicharee_m

24 ก.พ. 2566

78 views

ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ก.พ. พล.ต.ต.ภานพ วรพธนัชชากุล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ รองผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาสำคัญ 2 คดี

คดีแรกตำรวจ 191 จับกุมนายชนาธิป หรือตุ้ย (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ได้ของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) 5,000 เม็ด, วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) 700 กรัม, วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ผสมผงกาแฟสำเร็จรูป 600 ซองและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ผสมผงคอลลาเจน 120 ซอง, เครื่องปั่นผงละเอียด, เครื่องซีลสุญญากาศ, เครื่องชั่งตวงดิจิทัล, ผงคอลลาเจนสำเร็จรูปและซองเปล่าคอลลาเจน, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, อาวุธปืนสั้นขนาด 6.35 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด, รถยนต์ 1 คันและเงินสด 180,000 บาท

สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้สืบทราบเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯพบข้อมูลว่า นายชนาธิปมีพฤติกรรมลักลอบส่งยาเสพติดในย่านรามอินทรา โดยใช้รถกระบะตระเวนส่งยาเสพติดช่วงเช้ามืด จึงได้สืบสวนเพิ่มเติมทราบว่านายชนาธิปพักอาศัยและเก็บซุกซ่อนยาเสพติดและบ้านเช่าหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านสหกรณ์ถนนเสรีไทย

กระทั่งวันที่ 23 ก.พเวลาประมาณ 04.50 น. ตำรวจ 191 ได้เฝ้าติดตามนายชนาธิปที่บ้านหลังดังกล่าวและจับกุมตัวนายชนาธิปพร้อมของกลางยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ได้ภายในบ้านหลังดังกล่าว

จากการสอบสวนนายชนาธิปให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเก็บซุกซ่อนและส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือน พ.ย.65 ถึงช่วงต้นปี 66 ได้เริ่มผสมเคตามีนในกาแฟสำเร็จรูปและคอลลาเจนตามความต้องการของลูกค้าสายปาร์ตี้ จึงได้ซื้อเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับการใช้บดผสมและแพ็คยาเสพติดมา โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อใช้เป็นสถานที่ผสมยาเสพติด

เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและกระทำโดยมีอาวุธปืน , มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและกระทำโดยมีอาวุธปืน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

พล.ต.ต.ภานพ กล่าวว่า สำหรับยาเสพติดที่พบนั้นมีการนำไปใช้ผสมกับกาแฟและคอลลาเจนซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่แท้จริงนั้นไม่ทราบ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่จะรู้กันเฉพาะในกลุ่มนักเสพ ทั้งนี้จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาในการนำยาเคตามีนมาใช้เป็นส่วนผสมว่ามาจากแหล่งใดต่อไป

และคดีที่ 2 ตำรวจ 191 จับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนดัดแปลงชนิดลูกโม่สีดำยี่ห้อโซลรากิ 1 กระบอก, อาวุธปืนดัดแปลงชนิดลูกโม่ยี่ห้อ wg จำนวน 2 กระบอก อาวุธดัดแปลงชนิดกึ่งอัตโนมัติไม่ทราบยี่ห้อ 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 380 จำนวน 3 นัด, อาวุธดัดแปลงชนิดกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ colt ขนาด 380 พร้อมแม็กกาซีนจำนวน 1 กระบอกบรรจุในกล่อง glock และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์หักลำจำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด ได้ที่บ้านเลขที่ 77 ซอยรามคำแหง 182 แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 โดยชุดสืบสวนงานสายตรวจ 1 กกสายตรวจได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์อาชญากรรมและได้สืบสวนจนทราบว่า นักเรียนช่างกลสถาบันอาชีวะย่านมีนบุรีมีพฤติกรรมลักลอบดัดแปลงอาวุธปืนและจำหน่ายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทั้ง ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และไลน์

ซึ่งอาวุธปืนเหล่านี้อาจนำมาใช้ก่อเหตุหรือมีความเกี่ยวข้องกับเหตุความรุนแรงระหว่างสถาบันที่เกิดขึ้นจึงได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายค้นศาลอาญามีนบุรีเลขที่ 73/2566 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าตรวจค้นที่บ้านหลังดังกล่าวและพบของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าใช้วิธีการซื้ออาวุธปืน บีบีกัน ในราคากระบอกละ 4,000-5,000 บาทนำมาแปลงให้สามารถใช้กับกระสุนปืนจริงได้ โพสต์อาวุธปืนขายผ่านโซเชียลมีเดียในราคากระบอกละ 10,000-15,000 บาทเพื่อเอากำไรอีกทอดหนึ่ง มีรายได้ต่อเดือนเดือนละประมาณ 40,000-50,000 บาท ทำมาแล้วประมาณ 5 ปีจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


คุณอาจสนใจ

Related News