แรงงานเมียนมาน้อยใจญาติทิ้งให้อยู่คนเดียว คว้าสากไล่ตี อีกฝ่ายโมโหหยิบกรรไกรแทงสวนดับ

แรงงานพม่าน้อยใจหญาติทิ้งอยู่คนเดียว คว้าสากกะเบือไล่ตี อีกฝ่ายโมโหหยิบกรรใกรใกล้มือแทงสวนกลับเสียชีวิตคาหอพัก

เหตุการณ์นี้ตำรวจโรงพักบางปะอิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าอาสาสมัครกู้ภัยอยุธยา ได้เข้าตรวจสอบเหตุแรงงานชาวพม่าแทงกันเสียชีวิต ภายในหาพักแห่งหนึ่งที่ตำบลบ้านสร้าง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ภายในหอพักชั้นที่ 2 ที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวพม่า ทราบชื่อนาย หนิ หงลิน (ning lin) อายุ 37 ปี นอนเสียชีวิตอยู่หน้าห้องสภาพศพ นอนตะแคง ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายสีรุ้ง มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะ บริเวณหน้าอก มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบาดแผลลึก ตรวจสอบบริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกรื้อค้นทรัพสินสิ่งของแต่อย่างไร


และทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นญาติกับผู้ตายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่หอพักอีกแห่งห่างไปประมาณ 200 เมตร จึงนำกำลังเข้าจับกุมควบคุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อนาย เยลิน ออง อายุ 25 ปี

่ตำรวจได้ทำการสอบสวนโดยผ่านทางล่ามชาวพม่าด้วยกันทราบว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ เป็นญาติกันมาทำงานอยู่ที่โรงงานเดียวกัน และพักอาศัยอยู่ห้องเดียวกันมานานหลายปี อยู่ๆ ผู้ก่อเหตุ ได้คบหากับแรงงานสาวชาวพม่าด้วยกัน และทั้งคู่ได้ย้ายไปใช้ชีวิตร่วมกันที่หอพักแห่งใหม่ เป็นเหตุทำให้ผู้เสียชีวิตไม่พอใจ ที่ผู้ก่อเหตุมาทิ้งปล่อยให้อยุ่คนเดียวหนีไปอยู่กับแฟน ถึงกับเอ่ยปากบ่นน้อยใจกับเพื่อนแรงงานชาวพม่าด้วยกันเป็นประจำ

กระทั้งคืนวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ ตีสามเศษของคืนวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตที่น้อยใจเป็นทุนเดิมได้เดินทางไปที่หอพักของผู้ก่อเหตุ ทั้งคู่เกิดต่อว่ามีปากเสียงกัน ผู้เสียชีวิตได้ใช้อาวุธที่อยู่ใกล้มือเป็นสากกะเบือ เข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุก่อน จนทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ต้นแขนซ้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุได้คว้าเอากรรไกร แทงไปที่หน้าอกของผู้เสียชีวิต 1 ครั้ง ได้รับบาดเจ็บจนล้มลง


จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้พาผู้เสียชีวิตตอนนั้นยังไม่เสียชีวิต พามาส่งที่ทางขึ้นหอพักของผู้เสียชีวิตคิดว่าไม่เป็นอะไรมา แล้วเดินกลับหอพักจนมาทราบอีกครั้งว่าตอนำตำรวจเข้ามาจับกุม ว่าญาติที่ทะเลาะแทงกันเสียชีวิตแล้ว


ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนพยานที่เหตุการณ์ พร้อมทั้งประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สถานทูตเมียนมาร์ เพื่อดำเนินการตามกระบวนของกฎหมาย พร้อมกับส่งร่างผู้เสียชีวิต ไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ นิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกรียติ จ.ปทุมธานี ต่อไป